xs
xsm
sm
md
lg

ของ “เจ๊ด.”เขาแรงจริง ในครม.ครอบครัวรวมมิตร

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด

วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล
ข่าวปนคน คนปนข่าว

ครม.ปูแดง 3 ที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บอกกับสังคมว่า ทำเองกับมือนั้น อาจมีคนจำนวนมากที่ไม่เชื่อ แต่ความจริงการปรับ ครม.ครั้งนี้ อาจเป็นครั้งแรกที่เธอได้มีส่วนร่วมด้วยอย่างแท้จริง หลังจากพรรษาเริ่มแก่กล้าคุ้นชินกับการใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 1 ปี 2 เดือน

ยิ่งไปกว่านั้นการจัดโผ ครม.ครั้งนี้ยังเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีด้วยว่า “ครม.” สำหรับตระกูลชินวัตร แปลว่า “ครอบครัวรวมมิตร” คือ ทั้งครอบครัวพอใจถ้วนหน้า ตั้งแต่นักโทษชายทักษิณ เจ๊ด. ไปจนถึง น้องปูกิ๊กกั๊ก

ทั้งนี้หากพิจารณารายบุคคลที่ถูกปรับเข้ามาเป็นเสนาบดีในคราวนี้ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องสมบัติผลัดกันชม แต่เป็นการดำเนินการแบบมียุทธศาสตร์ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า คนที่เข้ามามีภารกิจพิเศษที่ต้องทำให้สำเร็จ หลังจากที่กว่า 1 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่นักโทษชายอยากได้ยังไม่ถึงฝั่งฝัน

คนที่นักโทษจัดวางและน่าจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการกลับบ้านแบบเท่ ๆ ของ ทักษิณ เพราะพฤติกรรมลุกลี้ลุกลนแสดงความกระเหี้ยนกระหือรืออย่างนอกหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ความรับผิดชอบในหน้าที่เป็นเรื่องการศึกษาของชาตินั้น ปรากฏให้เห็นเด่นชัดว่า “ได้รับใบสั่งให้มาทำงานสำคัญเป็นการเฉพาะ”

ในฐานะที่หัวโขนอีกใบ พงศ์เทพ เทพกาญจนา ก็คือ รองประธานคณะทำงานแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย และก็แสดงออกอย่างไม่เก็บอาการกันแบบชัด ๆ จะ ๆ ตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้าตึกไทยคู่ฟ้าไปให้ ยิ่งลักษณ์ เป่ากระหม่อม หรืออาจจะเป็นคนไปรายงานให้ ยิ่งลักษณ์ รู้ถึงภารกิจหลักที่ต้องทำให้สำเร็จภายในสิ้นปีนี้ ก็เป็นไปได้

“รอผลจากคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อพิจารณาศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่มีนายโภคิน พลกุล เป็นประธาน ซึ่งจะสรุปผลได้ประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องเดินหน้าต่อ เพราะถือว่าเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล และเป็นนโยบายเร่งด่วน”

ที่หมอดูทายทักกันนักหนาว่า เลือดจะนองทาบทาแผ่นดินอีกครั้ง ในช่วงเดือนธันวาคม ก็ไม่ต้องสงสัยเพราะกระบวนการเร่งเร้าท้าทายสังคม ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เดินตามรอยพี่ชาย เป๊ะ ๆ นี่แหละ จะเป็นตัวเร่งที่ทำให้ ยิ่งลักษณ์ อาจกลายเป็น “นายกฯมือเปื้อนเลือด” ตัวจริง เพราะเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดความรุนแรงล้วนมาจากการกระทำของรัฐบาลทั้งสิ้น

อีกงานหนึ่งที่ต้องรีบปิดจ๊อบให้ไว หลังจากที่ผ่านไปปีเศษยังไม่ได้ดั่งใจนักโทษ คือ กระทรวงพลังงาน จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนรัฐมนตรี 3 คน แต่นโยบายคงเดิม คือ ลอยตัว เอ็นจีวี แอลพีจี เพิ่มกำไรให้ ปตท. ซ้ำเติมภาระคนจน

แบ่งปันผลประโยชน์ทางทะเลในพื้นที่ทับซ้อนไทย - กัมพูชาโดยเร็ว และ นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาสร้างคลังน้ำมันสำรอง โดยอ้างว่าเพื่อประโยชน์ประเทศ แต่คนที่รับไปแบบเต็มอิ่มคือ ปตท.ซึ่งใคร ๆ ก็รู้ว่าหุ้นส่วนใหญ่อยู่ที่ใคร

ถ้าล้วงทุนสำรองระหว่างประเทศเป็นแสนล้านมาสร้างคลังน้ำมันสำรอง ปตท.ก็สบายแฮไม่ต้องควักเงินซักบาทจ่ายสิ่งที่จำเป็นสำหรับบริษัทที่จะต้องทำเพื่อความมั่นคง ทั้ง ๆ ที่ รัฐวิสาหกิจกลายพันธุ์แบบ ปตท.นั้น ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้้เข้ามาบริหารประเทศ ก็เห็นชัดเจนว่า นโยบายหลายอย่างเอื้อต่อกำไรของ ปตท. แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ถึงขนาดก้าวกระโดด ติดอันดับ 95 ในจำนวน 500 กิจการที่สร้างรายได้สูงที่สุดในโลก

ที่น่าสนใจคือ บริษัท ปตท. จำกัด แห่งประเทศไทย เป็นเพียงหนึ่งเดียวของบริษัทสัญชาติไทย ที่ได้รับเกียรติขึ้นทำเนียบ 500 สุดยอดกิจการที่รวยที่สุดในโลก เพราะมีขีดความสามารถในการทำรายได้ถึง 79,690 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 และขีดความสามารถทำกำไรสูงถึง 3,456 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32

ผลลัพธ์จากผลประกอบการที่ดี และฐานะทางการเงินที่ดี ทำให้อันดับของ “ปตท.” ขยับตัวดีขึ้นอย่างมาก จากอันดับ 128 เมื่อปีที่แล้ว มาอยู่ที่อันดับ 95 ในปีนี้

ส่วนคนไทยที่หวังการกระชากค่าครองชีพจาก ยิ่งลักษณ์ ที่ประกาศท่ามกลางสายฝนวันหาเสียง ก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตารับกรรมกับการกระชากค่าครองชีพให้สูงลิ่ว จนหนี้ครัวเรือนพุ่ง แถมหนี้เน่าในระบบสถาบันการเงินก็เริ่มมีการผิดนัดชำระหนี้อย่างมีนัยยะสำคัญ จน ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

ปีเศษของรัฐบาลที่จะเสกกระดาษให้เป็นเงิน จึงทำแต่เสกหนี้ท่วมประเทศ เนรมิตหนี้ท่วมครัวเรือน

15 ล้านเสียงควรจะต้องลองไปตรวจสอบกระเป๋าซ้าย ขวา ทรัพย์สินในบ้านว่าเข้าโรงตึ๊งจนป่านนี้เอาออกมาได้หรือยัง หลังจากที่ได้ ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้

แต่ที่แน่ ๆ สิ้นปีนี้ความตึงเครียดในบ้านเมืองจะเพิ่มมากขึ้น จากการเร่งรัดกอบโกยผลประโยชน์ทั้งด้านพลังงาน และการทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม เพื่อนักโทษ

อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับการปรับครม.ครั้งนี้คือ ประเทศไทยมีอัจฉริยะบุคคลที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง เพราะปรับครม.มา 3 ครั้ง บุรุษผู้นี้ไม่เคยหลุดโผ ครม.เลย แถมมีความสามารถพิเศษที่ไม่เคยมีใครทำได้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยคือ ในรัฐบาลเดียวได้เป็นถึง 3 ตำแหน่ง

วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล จึงได้เป็นทั้ง รมว.ศึกษาธิการ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ล่าสุด เป็น รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ของเจ๊ด. เขาแรงจริง อะไรจะเก่งเชี่ยวชาญไปเสียทุกเรื่องขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่สองตำแหน่งแรกไม่มีผลงานใดๆ ให้ผู้คนจดจำ นอกจากการปรับปรุงห้องทำงานที่กระทรวงศึกษาธิการด้วยงบ 3 ล้าน ก่อนออกมาแก้เกี้ยวว่าใช้เงินส่วนตัว

แต่ขอ วรวัจน์ อย่างละกัน ไปเป็น รมว.วิทยาศาสตร์ฯ แล้ว อย่าส่งออก ควายธนู ปลัดขิก ไปให้นาซ่าล่ะ ฮาตรึม
กำลังโหลดความคิดเห็น