“จุรินทร์” เผยฝ่ายค้านยังตามเหตุ รมว.กห.ไทยพบ รมว.กห.เขมร ชงกระทู้บี้ หวั่นเสียท่าในศาลโลก เล็งซัก “ปู” ว่า “แม้ว” อยู่เขมรหรือไม่ ซัด รบ.ลงนามโจรใจ้หวังผลชิงผู้ว่าฯ ทำไฟใต้โหมหนัก ชาวบ้านรับเคราะห์ ย้ำชัดนายกฯ ตัวจริงคือ “นช.แม้ว” เย้ย “เจริญ” คาดไว้แล้วลุยนิรโทษฯ หลังเลือกตั้งผู้ว่าฯ ย้อนทำในฐานะอะไร ชี้คนกรุงไม่หนุนต้องฝืนลุย
วันนี้ (5 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงภายหลังการประชุมว่า ญัตติที่จะบรรจุเข้ากระทู้ถามสดในสัปดาห์นี้จะเป็นการกระทู้ถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งค้างมาจากสัปดาห์ที่แล้ว กรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปพบนายเตีย บัญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่ปราสาทเขาพระวิหาร เพราะทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพ และทีมกฎหมายไทยก็ได้ท้วงติงแล้วว่าการพบกันของทั้งสองอาจจะถูกนำไปเป็นหลักฐานการต่อสู้คดีที่ศาลโลกในเดือน เม.ย.นี้ได้ และก็จะถามนายกฯ เพิ่มเติมด้วยว่าในวันดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ในประเทศกัมพูชาด้วยหรือไม่
นายจุรินทร์กล่าวว่า นอกจากนี้จะถามนายกฯ ถึงกรณีการลงนามความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย กับกลุ่มก่อการร้าย ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ว่า การกระทำดังกล่าวนั้นหวังทำเพื่อความสำเร็จในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือเป็นเพียงการสร้างภาพก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพราะการลงนามดังกล่าวอาจจะทำให้เป็นการยกระดับกลุ่มก่อการร้ายขึ้นเทียบเท่ากับรัฐบาล อีกทั้งจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพี่น้องใน 3 จัหงวัดจะไม่ใช่ผู้ที่ต้องรับเคราะห์กรรม เนื่องจากวันที่ 1 มี.ค.ก็เหตุความรุนแรงที่ จ.นราธิวาส วันที่ 2 มี.ค.ที่ จ.ยะลา และล่าสุดวันที่ 4 มี.ค.ก็เกิดเหตุเผาใน 7 อำเภอที่ จ.ยะลา
“เหตุการณ์ความไม่สงบไม่ได้บรรเทาลงแต่กลับรุนแรงขึ้น นายกรัฐมนตรีในฐานะที่ได้เดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อลงนามความร่วมมือกับกลุ่มก่อการร้าย ควรมาตอบกระทู้สดด้วยตนเอง และนอกจากนี้ก็ยังสะท้อนภาพที่ชัดเจนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือนายกฯ คนที่ 2 เนื่องจากมีการยอมรับว่า นายกฯ คนที่ 1 ต่างหากที่เป็นผู้เคลื่อนไหวให้มีการลงนามความร่วมมือที่มาเลเซีย” นายจุรินทร์กล่าว
นายจุรินทร์กล่าวถึงกรณีที่นายเจริญ จรรโกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ได้เชิญกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยเพื่อต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมประชุมเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมว่า เป็นไปตามที่ตนได้วิเคราะห์ไว้ว่า หลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.รัฐบาลจะต้องมีการเดินหน้าทันที เนื่องจากรัฐบาลรู้ว่าชาวกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยต่อกฎหมายล้างผิดคนโกง แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกมารัฐบาลก็ไม่สามารถนำคะแนนเสียงไปอ้างความชอบธรรมได้ ส่วนจุดยืนของฝ่ายค้านยังเหมือนเดิม ไม่สนับสนุนให้นิรโทษกรรมผู้ที่ความผิดเกี่ยวกับคดีอาญา คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และคดีทุจริต
นายจุรินทร์กล่าวว่า สิ่งที่ห่วงกังลงตอนนี้ คือ รัฐบาลได้เตรียมกฎหมายไว้แล้ว 2 ฉบับเอาไว้ล้างผิดสำหรับผู้ชุมนุม และอีกฉบับครอบคลุมถึงระดับแกนนำ และฝ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดสำหรับผู้ที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่า เมื่อทำฉบับที่หนึ่งได้ก็จะนำไปสู่ฉบับที่ 2 เป็นการได้คืบจะเอาศอกเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายการล้างผิดคนโกง และจะทำให้บ้านเมืองเข้าสู่จุดวิกฤตอีกครั้ง จากฝ่ายไม่เห็นด้วยที่จะออกมาต่อต้าน และอยากถามว่านายเจริญอยู่ในฐานะอะไร เพราะก่อนหน้านี้เคยบอกว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้อง
“การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เป็นเงื่อนเวลาสำคัญที่รัฐบาลนำมาใช้เป็นข้ออ้าง ทั้งในเรื่องการนิรโทษกรรม และการแถลงผลงาน 1 ปี ทั้งที่เลยมาแล้ว 6 เดือน ที่ระบุว่าขอรอการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จะเสร็จก่อน เพราะหากชนะการเลือกตั้งก็จะนำคะแนนเสียงเลือกตั้งไปเป็นข้ออ้างว่าคน กทม.สนับสนุน แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกมาในทางตรงกันข้ามก็คงจะอ้างไม่ได้แล้ว” ประธานวิปฝ่ายค้าน ทิ้งท้าย