“สุกำพล” เชื่อ สมช.ลงนามบีอาร์เอ็นทำชายแดนใต้ดีขึ้น ชูกุญแจดอกแรก ยังไม่เห็นข้อเสนอโจก สับพวกจับผิดพวกถ่วง อ้าง “แม้ว” เคยปรามาสโจรกระจอกแต่ต้องเจรจาเหตุสถานการณ์เปลี่ยน พร้อมแจง ป.ป.ช.คดีถอดยศ “อภิสิทธิ์”
วันนี้ 4 มี.ค. ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่การลงนามกับกลุ่มบีอาร์เอ็น เพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า สถานการณ์ภายใต้จะดีขึ้น โดยหลังจากที่เราได้มีการหารือเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น ถือเป็นช่องทางในการแก้ไขปัญหามากขึ้น ทุกสมรภูมิและทุกการรบต้องมีการคุยกัน เพราะคู่ขัดแย้งต้องมีการพูดคุยกัน ทั้งนี้การพูดคุยครั้งนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้ทราบต่อไปว่าการแก้ไขจะต้องดำเนินการอย่างไร ดีกว่ามาเดากันเอง โดยหน่วยงานด้านความมั่นคงรับผิดชอบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะต้องทำต่อไปเพื่อให้เกิดความสงบสุข การลงนามครั้งนี้เป็นกุญแจดอกแรก และต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทย ส่วนขั้นตอนต่อไปจะต้องมีการพูดคุยเพื่อกำหนดว่าจะพูดคุยเรื่องอะไร และอย่างไร ที่ไหน แต่ต้องคุยหลายฝ่าย
เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุเคยพูดคุยกับนายสะแปอิง บาซอ แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น ในการยื่นข้อเสนอความต้องการของกลุ่มบีอาร์เอ็น พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน และยังไม่เห็นข้อเสนอ เพียงแต่มีการพูดกันไปมาเท่านั้น ขณะนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
เมื่อถามว่านายฮาซัน ตอยิบ เป็นคนเดียวกับที่ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีต รมว.กลาโหมนำมาแถลงการณ์ประกาศยุติการสู้รบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยปราศจากเงื่อนไขต่อรองผ่านทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) เมื่อปี 2551 หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า คนที่พูดก็พูดกันไป เป็นพวกถ่วงและเป็นพวกเดิม
เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยระบุว่าผู้ก่อเหตุในพื้นที่ภาคใต้เป็นโจรกระจอก แต่ทำไมวันนี้ถึงต้องไปลงนามกับกลุ่มดังกล่าว พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า อย่าไปถามแบบนั้น ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าอะไรคืออะไร
รมว.กลาโหมยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากกรณีที่ถูกดำเนินการปลดออกจากราชการและถูกถอดยศว่าที่ ร.ต.ว่า ตนถูกนายอภิสิทธิ์ฟ้องศาลปกครอง ทาง ป.ป.ช.เห็นว่ามีมูลจึงจะสอบสวนตนเรื่องนี้ด้วยที่ได้ลงนามเซ็นคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ออกจากราชการ ซึ่งเรื่องนี้ต้องต่อสู้กันไป โดยต่างฝ่ายต่างให้ข้อมูล ถ้าให้ตนชี้แจงก็พร้อมและมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ว่าดำเนินการอย่างถูกต้อง และมีกฎ กติการองรับ ตนทำแบบมั่นใจ เพราะเรื่องนี้ทำเล่นๆ ไม่ได้ ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องถอดยศ ร.ต.นั้นตนก็ไม่ได้รีบร้อน ซึ่งทางโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ายังไม่ได้เสนอเรื่องขึ้นมา