“จุรินทร์” ชี้รัฐสร้างหนี้ให้ ธ.ก.ส.จนขาดสภาพคล่อง จากจำนำข้าว-มัน-ยางพารา ยอดสูงเกือบ 4 แสนล้าน แถมดื้อลุยต่อ หวั่นเกษตรกรรับเคราะห์ พร้อมชงกระทู้บี้นายกฯ อยู่เบื้องหลังปล่อย รมว.กห.ถกเขมรบนเขาพระวิหาร หลายฝ่ายห้ามไม่ฟัง และเหตุ ปธ.พูโลโผล่ช่อง 3 ข้องใจรัฐรู้เห็น สร้างภาพโจรใต้ยอมอ่อนข้อ เตือนนายกฯ ไปมาเลย์อย่าจุดชวนไฟใต้เพิ่ม
วันนี้ (26 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีการสรุปข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับตัวเลขการใช้เงินในโครงการรับจำนำข้าว โดยโครงการรับจำนำข้าวนาปีกับนาปรัง 2554/2555 และนาปี 2555/2556 และฤดูนาปรังกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว ซึ่งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการจัดสรรงบ โดยถึงขณะรัฐบาลบังคับใช้เงินของ ธ.ก.ส.ในโครงการรับจำนำข้าวไปแล้ว 336,772 ล้านบาท ทั้งที่รัฐบาลเคยยืนยันเมื่อครั้งมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าจะใช้หนี้ ธ.ก.ส.อย่างน้อย 85,000 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้มีการใช้หนีไปเพียง 52,530 ล้านเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ ฝ่ายค้านจึงสังเกตว่ารัฐบาลอาจบังคับให้ ธ.ก.ส.ไปกู้เงินเพื่อมารับมือกับฤดูนาปรัง 2555/2556 ที่จะมาถึงนี้ นอกจากนี่ตนยังเห็นว่าก่อนหน้านี้ ธ.ก.ส.มีสภาพคล่องถึง 4.2 แสนล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับมีสภาพคล่องเพียง 2.2 แสนล้านบาท ขาดสภาพคล่องไป 2 แสนล้านบาท
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังใช้เงินของ ธ.ก.ส.ในโครงการรับจำนำมัน 35,998 ล้านบาท คืนเงินมาเพียง 4,262 ล้านบาท เท่ากับว่ายังค้าง ธ.ก.ส.อยู่อีก 31,736 ล้านบาท ส่วนโครงการประกันราคายางพาราใช้เงินไป 22,578 ล้านบาท และยังไม่คืนเงิน ธ.ก.ส.แม้แต่บาทเดียว ดังนั้น รวมทั้ง 3 โครงการรัฐบาลเป็นหนี้ ธ.ก.ส. 379,186 ล้านบาท แต่ชำระให้ ธ.ก.ส.เพียง 58,602 เท่ากับว่ายังเป็นภาระของ ธ.ก.ส.อยู่อีก 320,584 ล้านบาท และจนถึงขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีท่าทีว่าจะเลิกโครงการดังกล่าว ยังคงให้ ธ.ก.ส.มีภาระเพิ่มต่อไป ซึ่งตนกังกลว่าผลกระทบจะตกอยู่กับเกษตรกร เรื่องนี้สะท้อนว่ารัฐบาลไม่สนใจในการแก้ไขปัญหา แต่ยังเดินหน้าและสร้างภาระให้กับ ธ.ก.ส.ท้ายที่สุดผลประโยชน์ก็ไม่ได้เกิดกับเกษตรกรอย่างเต็มที่
นายจุรินทร์กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ฝ่ายค้านจะตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี ถึงกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปหารือกับ พล.อ.เตีย บัญ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่ปราสาทพระวิหาร ทั้งที่มีการท้วงติงจากหลายหน่วยงาน เช่น กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กรมกิจการชายแดน หรือแม้แต่หัวหน้าทีมกฎหมายของไทย เนื่องจากเกรงว่ากัมพูชาอาจจะใช้เรื่องนี้ไปอ้างในการต่อสู้คดีในศาลโลก ซึ่งทุกฝ่ายเกรงว่า พล.อ.สุกำพล จะเสียค่าโง่ให้กับกัมพูชา ดังนั้นฝ่ายค้านจะถามนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลว่าอยู่เบื้องหลังการเดินทางไปหารือครั้งนี้หรือไม่ และมีการพิจารณาอย่างถ่องแท้หรือยัง และหากเป็นไปตามที่หลายฝ่ายกังวลนายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบอย่างไร
เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยจะเดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อประชุมประจำปีกับนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ เรื่องนี้ที่ประชุมวิปฝ่ายค้านมีการพูดคุยในประเด็นดังกล่าวหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ฝ่ายค้านได้มีการพูดคุยในประเด็นการให้สัมภาษณ์ของนายกัสตูรี มะห์โกตา ประธานขบวนการปลดปล่อยสหปัตตานี (พูโล) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทย ฝ่ายค้านอยากถามว่ารัฐบาลมีส่วนรู้เห็นต่อการออกมาให้สัมภาษณ์ของนายกัสตูรีหรือไม่ รัฐบาลหวังผลโฆษณาชวนเชื่อเพื่อชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลมีการดำเนินนโยบายที่สำเร็จ เพราะโจรใต้ยอมมาสวามิภักดิ์ นอกจากนี้ กองทัพยังเห็นว่ากลุ่มโจรกลุ่มดังกล่าวที่มาให้สัมภาษณ์นั้นไม่มีกองกำลังแล้ว ก็อยากฝากไปยังรัฐบาลให้ดำเนินการต่อเรื่องนี้อย่างถูกต้อง ฝ่ายค้านก็พร้อมให้การสนับสนุน แต่ขอเรียกร้องว่ารัฐบาลอย่าสร้างประเด็นที่จะสร้างปัญหาใหม่อีกครั้ง
ทั้งนี้ การเดินทางไปมาเลเซียนั้นนายกรัฐมนตรีต้องใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจ และคำถึงถึงประโยชน์ของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหลัก อย่าทำเพื่อโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น ในส่วนกระบวนการหารือกับรัฐบาลมาเลเซียนั้นมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน นายกรัฐมนตรีต้องมีความรอบคอบอย่างยิ่งในการตัดสินใจ