"สุกำพล" ไม่ฟังเสียงท้วงติง แถมเอาสีข้างถู ยันไทยไม่เสียเปรียบที่ยอมไปคุยกับเขมรที่ปราสาทพระวิหาร อ้างเป็นเพื่อนกันต้องไว้ใจกัน เชื่อเขมรไม่มีวาระซ่อนเร้น ขณะที่ ส.ว.-ฝ่ายค้าน ห่วงการไปพูดคุยครั้งนี้ เขมรจะใช้เป็นข้ออ้างเชิงสัญญลักษณ์ ในศาลโลก จะทำให้ไทยเสียเปรียบ และเสียดินแดนในที่สุด
เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ (26 ก.พ. ) ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหารบก และตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเดินทางไปที่บริเวณปราสาทเขาพระวิหาร เพื่อร่วมรับประทานอาหาร และหารือปัญหาชายแดนเขาพระวิหาร กับ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา
พล.อ.อ.สุกำพล ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางว่า ภารกิจแรก คือไปเยี่ยมทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเขาพระวิหารและบริเวณใกล้เคียง จึงได้ถือโอกาสนัด พล.อ.เตีย บันห์ หารือร่วมกันในหลายเรื่องที่ยังมีปัญหาอยู่ระหว่างไทยกับกัมพูชา การหารือครั้งนี้เป็นการสานต่อจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หารือเรื่องปัญหาชายแดนกับ สมเด็จฮุน เซน ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระวรราชบิดาแห่งกัมพูชา เมื่อ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการมอบหมายให้ตน และพล.อ.เตีย บันห์ ดำเนินการสานต่อจากระดับรัฐบาล ที่ได้มีการหารือกันก่อนหน้านี้
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศ และ เหล่าทัพ ได้ออกมาท้วงติง และแสดงความเป็นห่วงว่า การหาหรือที่ปราสาทเขาพระวิหาร จะมีผลกระทบต่อคดีที่ศาลโลกจะตัดสินในปลายปีนี้ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า
"ไม่มีครับ เป็นข้อห่วงใยส่วนตัวเล็กน้อย ไม่ได้มีอะไร เราก็ฟังไว้ และไม่อยากให้มีอะไรอย่างนั้นเกิดขึ้น และคงไม่เป็นอย่างนั้น เพียงแค่ขึ้นไปเฉยๆ"
เมื่อถามว่า เชื่อมั่นว่า ทางกัมพูชาจะไม่มีวาระซ่อนเร้นในการใช้ปราสาทพระวิหารเป็นสถานที่หารือ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า " อย่าไปถามให้เขาได้ยินนะ ถ้าคนเป็นเพื่อนกันแล้วถามกันแบบนี้ ก็คงไม่ต้องเป็นเพื่อนกัน ต้องเชื่อมั่น"
เมื่อถามอีกว่า เกรงว่าการไปหารือครั้งนี้ จะทำให้ไทยเสียเปรียบในการสู้คดีหรือไม่ เพราะกัมพูชาต้องการแสดงสัญลักษณ์ และหยิบยกมาเป็นข้อได้เปรียบ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า " ถ้าคิดอย่างนั้นก็ไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ ผมเชื่อว่า ไม่เสียเปรียบ ถ้าคิดว่าเสียเปรียบ ผมจะไปทำไม อย่าถามอย่างนี้ ไม่เอา เราเป็นตัวแทนประเทศไปเจอเขา อย่าไปถามอย่างนี้"
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการเปลี่ยนสถานที่จากปราสาทพระวิหาร เป็นโรงแรมสุรินทร์มาเจสติก จ.สุรินทร์ ทำให้กัมพูชาไม่ยอมมา แต่สุดท้ายไทยกลับไปใช้พื้นที่ปราสาทพระวิหารอีก พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า หากใช้สถานที่ของโรงแรม จะได้รับความสะดวกมากกว่า แต่เวลากระชั้นชิด มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จึงคิดว่า กลับไปใช้สถานที่ปราสาทพระวิหารเช่นเดิมจะดีกว่า แค่นั้นเอง ไม่ได้มีปัญหาอะไร
** "เตีย บันห์"นำคณะทหารมาต้อนรับ
ต่อมาเมื่อเวลา 10.45 น. ที่บริเวณทางขึ้นปราสาทพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พล.อ.อ.สุกำพล และคณะได้เดินทางมายังบริเวณศาลาวัฒนธรรม ใกล้ฐานกองร้อยตำรวจตระเวณชายแดน (ตชด.) ด้านล่างผามออีแดง เพื่อเดินเท้าเข้าไปเยี่ยม ตชด. ที่วางกำลังอยู่บริเวณพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร ก่อนผ่านจุดประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเข้าไปยังบริเวณบันไดนาค ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้มอบหมายให้ พล.อ.เนียง พาด รมช.กลาโหม ของกัมพูชา มารอต้อนรับ จากนั้นคณะทั้งหมดได้เดินขึ้นบันไดนาค ไปยังบริเวณตัวปราสาทพระวิหาร เพื่อพบปะหารือและร่วมรับประทานอาหารกับ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา โดยพล.อ.เตีย บันห์ ได้มารอรับบริเวณซุ้มประตู
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า การพบปะครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ศาลโลกเห็นว่า ไทยกับกัมพูชา สามารถปรึกษาหารือถึงปัญหาต่างๆได้ ไม่มีปัญหา การหารือครั้งนี้เหมือนเป็นการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี)นอกรอบ ซึ่งสองฝ่ายต้องหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาที่ทำกินของราษฎรที่มีปัญหา บริเวณหลักเขตที่ 43 ทั้งนี้ ไทยยืนยันว่า กรณีข้อพิพาทเขาพระวิหารเราเห็นชอบในการแก้ไขปัญหาแบบสันติวิธี ซึ่งหากเราสามารถพูดคุยกันได้ โอกาสที่จะพัฒนาพื้นที่เปิดรับการท่องเที่ยว และพัฒนาเศรษฐกิจก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย
"ตอนแรกผมอยากเชิญมาที่จังหวัดสุรินทร์ เพราะมันก็สะดวกดี เย็นดี แต่การประสานในในช่วงวันหยุดอาจติดขัด จึงเป็นไปตามกำหนดเดิมที่ท่านกำหนดมา" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
ขณะที่พล.อ.เตีย บันห์ กล่าวสนับสนุนแนวคิดของพล.อ.อ.สุกำพล และเห็นว่า ในอนาคตหากทุกอย่างเรียบร้อย น่าจะมีโอกาสในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจร่วมกัน เพราะทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนบ้านกัน หนีกันไปไม่พ้น มีอะไรต้องพูดคุยกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากนั้น พล.อ.เตีย บันห์ และพล.อ.อ.สุกำพล ได้เดินเท้าชมปราสาทพระวิหาร ไปถึงเป้ยตาดี จนถึงสุดหน้าผา จากนั้นคณะทั้งหมดจึงได้เดินกลับมาที่ศาลา บริเวณสระสรง เพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน โดยอาหารส่วนใหญ่ เป็นไก่ย่าง ข้าวเหนียว พร้อมมีไอศกรีมเป็นของหวาน
จากนั้น พล.อ.เตีย บัน ห์ และ พล.อ.อ.สุกำพล ได้พูดคุยกันว่า ในกรณีที่มีปัญหาในพื้นที่ชายแดน ให้ยกหูโทรศัพท์พูดคุยแก้ไข ปัญหากันได้ทันที หลังจากนั้นพล.อ.เตีย บันห์ ได้เดินมาส่งคณะของไทยในจุดเดิม
** "สุกำพล"แถ!จะทำให้ไทยเสียดินแดน
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวเรียกร้องไปยัง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ซึ่งเดินทางไปหารือกับ พล.อ.เตีย บัน รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กัมพูชา (26 ก.พ.) ว่า หากพบเห็นการปักสัญลักษณ์ หรือการตั้งชุมชนในพื้นที่รอบตัวปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาอยู่ขณะนี้ อีกทั้งมีคดีที่ขึ้นสู่ศาลโลก ขอให้ดำเนินการประท้วง ทั้งการให้ข่าว หรือออกแถลงการณ์ประท้วง เพราะตนกังวลว่า หากพล.อ.อ.สุกำพล เห็นแล้ว แต่เพิกเฉย อาจทำให้ไทยเสียเปรียบการต่อสู้คดีพิพาทพื้นที่ในศาลโลกได้ เพราะเท่ากับการยอมรับดินแดนภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา และอาจเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย พ.ศ. 2472 สมัยที่ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ดำรงตำแหน่ง อภิรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย เสด็จไปที่ปราสาทพระวิหาร ได้พบเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส และการปักธง แต่ไม่ได้มีการทักท้วง เมื่อคดีปราสาทพระวิหารขึ้นสู่ศาล ทำให้นำไปอ้างอิง เสมือนว่าประเทศไทยยอมรับ
" พล.อ.อ.สุกำพล ถือเป็นผู้ใหญ่ของรัฐบาล ดังนั้นควรพิจารณา และไต่ตรองประเด็นเหล่านี้ให้ดี ผมไม่ได้คัดค้านการพูดคุย แต่สถานที่ที่เลือกไปคุย ควรพิจารณาในแง่ประวัติศาสตร์ด้วย ผมมองว่าการเมืองระหว่างประเทศ ระหว่างไทยและกัมพูชา จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงต่อไปในอนาคต" นายคำนูณ กล่าว
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ได้หารือไปยังรัฐบาล ว่าด้วยเรื่องที่พล.อ.อ.สุกำพลและคณะ เดินทางไปที่บริเวณปราสาทพระวิหาร เพื่อร่วมรับประทานอาหาร และหารือปัญหาชายแดนเขาพระวิหารกับ พล.อ.เตีย บัญ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กัมพูชา ว่า ตนไม่ยอมรับในการทำหน้าที่ของพล.อ.อ.สุกำพล ในฐานะที่ตนเป็นส.ว.และกรรมาธิการต่างประเทศคนหนึ่ง
เนื่องจากความดื้อรั้นของ พล.อ.อ.สุกำพล กำลังจะทำให้ประเทศไทยเสียพื้นที่ให้กับทางกัมพูชาเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะตนมั่นใจว่า การขึ้นไปรับประทานข้าวครั้งนี้ จะมีกองกำลังและธงชาติของประเทศกัมพูชา ขึ้นไปตั้งเอาไว้ด้วยอย่างแน่นอน และการที่คนของรัฐบาลอย่าง พล.อ.อ.สุกำพล ขึ้นไปนั่งอยู่ด้วย ก็ย่อมหมายความถึงการยอมรับว่า เขตแดนดังกล่าวเป็นพื้นที่ของทางกัมพูชา และจะส่งผลกระทบต่อการพิจารณาคดีของศาลโลก อย่างแน่นอน และหากประเทศไทยพ่ายแพ้คดีจริงๆ อยากจะถามว่า พล.อ.อ.สุกำพล จะรับผิดชอบอย่างไร
**ฝ่ายค้านข้องใจนายกฯอยู่เบื้องหลังหรือไม่
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การไปพูดคุย เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่ต้องพิจารณารูปแบบ สถานที่ และ เนื้อหาของสาระการพูดคุย โดยจะต้องมีความเป็นเอกภาพ แสดงจุดยืนของฝ่ายไทยที่ต้องปกป้องผลประโยชน์ประเทศไว้อย่างชัดเจน จึงอยากขอให้รัฐบาลระมัดระวังการดำเนินการที่ฝ่ายกัมพูชาอาจหยิบยกเป็นการดำเนินการในเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อรูปคดีที่อยู่ในศาลโลกได้ เช่นเดียวกันกับการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางไปประเทศมาเลเซียนั้น ขอให้ ระมัดระวังท่าทีในการไปเจรจา รวมไปถึงกรอบของการหารือด้วย ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ จะติดตามผลการหารืออย่างใกล้ชิด รวมถึงขอให้ ประชาชนร่วมตรวจสอบ การดำเนินการดังกล่าวด้วย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังการประชุมว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 28 ก.พ.นี้ ฝ่ายค้านจะตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี ถึงกรณีที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เดินทางไปหารือกับ พล.อ.เตีย บัน ที่ปราสาทพระวิหาร ทั้งที่มีการท้วงติงจากหลายหน่วยงาน อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กรมกิจการชายแดน หรือแม้แต่หัวหน้าทีมกฎหมายของไทย เนื่องจากเกรงว่า กัมพูชาอาจจะใช้เรื่องนี้ไปอ้างในการต่อสู้คดีในศาลโลก ซึ่งทุกฝ่ายเกรงว่า พล.อ.สุกำพล จะเสียค่าโง่ให้กับกัมพูชา
ดังนั้น ฝ่ายค้านจะถามนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลว่า อยู่เบิ้องหลังการเดินทางไปหารือครั้งนี้หรือไม่ และมีการพิจารณาอย่างถ่องแท้หรือยัง และหากเป็นไปตามที่หลายฝ่ายกังวล นายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบอย่างไร
เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ (26 ก.พ. ) ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหารบก และตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเดินทางไปที่บริเวณปราสาทเขาพระวิหาร เพื่อร่วมรับประทานอาหาร และหารือปัญหาชายแดนเขาพระวิหาร กับ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา
พล.อ.อ.สุกำพล ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางว่า ภารกิจแรก คือไปเยี่ยมทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเขาพระวิหารและบริเวณใกล้เคียง จึงได้ถือโอกาสนัด พล.อ.เตีย บันห์ หารือร่วมกันในหลายเรื่องที่ยังมีปัญหาอยู่ระหว่างไทยกับกัมพูชา การหารือครั้งนี้เป็นการสานต่อจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หารือเรื่องปัญหาชายแดนกับ สมเด็จฮุน เซน ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระวรราชบิดาแห่งกัมพูชา เมื่อ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการมอบหมายให้ตน และพล.อ.เตีย บันห์ ดำเนินการสานต่อจากระดับรัฐบาล ที่ได้มีการหารือกันก่อนหน้านี้
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศ และ เหล่าทัพ ได้ออกมาท้วงติง และแสดงความเป็นห่วงว่า การหาหรือที่ปราสาทเขาพระวิหาร จะมีผลกระทบต่อคดีที่ศาลโลกจะตัดสินในปลายปีนี้ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า
"ไม่มีครับ เป็นข้อห่วงใยส่วนตัวเล็กน้อย ไม่ได้มีอะไร เราก็ฟังไว้ และไม่อยากให้มีอะไรอย่างนั้นเกิดขึ้น และคงไม่เป็นอย่างนั้น เพียงแค่ขึ้นไปเฉยๆ"
เมื่อถามว่า เชื่อมั่นว่า ทางกัมพูชาจะไม่มีวาระซ่อนเร้นในการใช้ปราสาทพระวิหารเป็นสถานที่หารือ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า " อย่าไปถามให้เขาได้ยินนะ ถ้าคนเป็นเพื่อนกันแล้วถามกันแบบนี้ ก็คงไม่ต้องเป็นเพื่อนกัน ต้องเชื่อมั่น"
เมื่อถามอีกว่า เกรงว่าการไปหารือครั้งนี้ จะทำให้ไทยเสียเปรียบในการสู้คดีหรือไม่ เพราะกัมพูชาต้องการแสดงสัญลักษณ์ และหยิบยกมาเป็นข้อได้เปรียบ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า " ถ้าคิดอย่างนั้นก็ไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ ผมเชื่อว่า ไม่เสียเปรียบ ถ้าคิดว่าเสียเปรียบ ผมจะไปทำไม อย่าถามอย่างนี้ ไม่เอา เราเป็นตัวแทนประเทศไปเจอเขา อย่าไปถามอย่างนี้"
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการเปลี่ยนสถานที่จากปราสาทพระวิหาร เป็นโรงแรมสุรินทร์มาเจสติก จ.สุรินทร์ ทำให้กัมพูชาไม่ยอมมา แต่สุดท้ายไทยกลับไปใช้พื้นที่ปราสาทพระวิหารอีก พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า หากใช้สถานที่ของโรงแรม จะได้รับความสะดวกมากกว่า แต่เวลากระชั้นชิด มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จึงคิดว่า กลับไปใช้สถานที่ปราสาทพระวิหารเช่นเดิมจะดีกว่า แค่นั้นเอง ไม่ได้มีปัญหาอะไร
** "เตีย บันห์"นำคณะทหารมาต้อนรับ
ต่อมาเมื่อเวลา 10.45 น. ที่บริเวณทางขึ้นปราสาทพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พล.อ.อ.สุกำพล และคณะได้เดินทางมายังบริเวณศาลาวัฒนธรรม ใกล้ฐานกองร้อยตำรวจตระเวณชายแดน (ตชด.) ด้านล่างผามออีแดง เพื่อเดินเท้าเข้าไปเยี่ยม ตชด. ที่วางกำลังอยู่บริเวณพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร ก่อนผ่านจุดประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเข้าไปยังบริเวณบันไดนาค ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้มอบหมายให้ พล.อ.เนียง พาด รมช.กลาโหม ของกัมพูชา มารอต้อนรับ จากนั้นคณะทั้งหมดได้เดินขึ้นบันไดนาค ไปยังบริเวณตัวปราสาทพระวิหาร เพื่อพบปะหารือและร่วมรับประทานอาหารกับ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา โดยพล.อ.เตีย บันห์ ได้มารอรับบริเวณซุ้มประตู
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า การพบปะครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ศาลโลกเห็นว่า ไทยกับกัมพูชา สามารถปรึกษาหารือถึงปัญหาต่างๆได้ ไม่มีปัญหา การหารือครั้งนี้เหมือนเป็นการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี)นอกรอบ ซึ่งสองฝ่ายต้องหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาที่ทำกินของราษฎรที่มีปัญหา บริเวณหลักเขตที่ 43 ทั้งนี้ ไทยยืนยันว่า กรณีข้อพิพาทเขาพระวิหารเราเห็นชอบในการแก้ไขปัญหาแบบสันติวิธี ซึ่งหากเราสามารถพูดคุยกันได้ โอกาสที่จะพัฒนาพื้นที่เปิดรับการท่องเที่ยว และพัฒนาเศรษฐกิจก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย
"ตอนแรกผมอยากเชิญมาที่จังหวัดสุรินทร์ เพราะมันก็สะดวกดี เย็นดี แต่การประสานในในช่วงวันหยุดอาจติดขัด จึงเป็นไปตามกำหนดเดิมที่ท่านกำหนดมา" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
ขณะที่พล.อ.เตีย บันห์ กล่าวสนับสนุนแนวคิดของพล.อ.อ.สุกำพล และเห็นว่า ในอนาคตหากทุกอย่างเรียบร้อย น่าจะมีโอกาสในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจร่วมกัน เพราะทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนบ้านกัน หนีกันไปไม่พ้น มีอะไรต้องพูดคุยกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากนั้น พล.อ.เตีย บันห์ และพล.อ.อ.สุกำพล ได้เดินเท้าชมปราสาทพระวิหาร ไปถึงเป้ยตาดี จนถึงสุดหน้าผา จากนั้นคณะทั้งหมดจึงได้เดินกลับมาที่ศาลา บริเวณสระสรง เพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน โดยอาหารส่วนใหญ่ เป็นไก่ย่าง ข้าวเหนียว พร้อมมีไอศกรีมเป็นของหวาน
จากนั้น พล.อ.เตีย บัน ห์ และ พล.อ.อ.สุกำพล ได้พูดคุยกันว่า ในกรณีที่มีปัญหาในพื้นที่ชายแดน ให้ยกหูโทรศัพท์พูดคุยแก้ไข ปัญหากันได้ทันที หลังจากนั้นพล.อ.เตีย บันห์ ได้เดินมาส่งคณะของไทยในจุดเดิม
** "สุกำพล"แถ!จะทำให้ไทยเสียดินแดน
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวเรียกร้องไปยัง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ซึ่งเดินทางไปหารือกับ พล.อ.เตีย บัน รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กัมพูชา (26 ก.พ.) ว่า หากพบเห็นการปักสัญลักษณ์ หรือการตั้งชุมชนในพื้นที่รอบตัวปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาอยู่ขณะนี้ อีกทั้งมีคดีที่ขึ้นสู่ศาลโลก ขอให้ดำเนินการประท้วง ทั้งการให้ข่าว หรือออกแถลงการณ์ประท้วง เพราะตนกังวลว่า หากพล.อ.อ.สุกำพล เห็นแล้ว แต่เพิกเฉย อาจทำให้ไทยเสียเปรียบการต่อสู้คดีพิพาทพื้นที่ในศาลโลกได้ เพราะเท่ากับการยอมรับดินแดนภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา และอาจเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย พ.ศ. 2472 สมัยที่ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ดำรงตำแหน่ง อภิรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย เสด็จไปที่ปราสาทพระวิหาร ได้พบเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส และการปักธง แต่ไม่ได้มีการทักท้วง เมื่อคดีปราสาทพระวิหารขึ้นสู่ศาล ทำให้นำไปอ้างอิง เสมือนว่าประเทศไทยยอมรับ
" พล.อ.อ.สุกำพล ถือเป็นผู้ใหญ่ของรัฐบาล ดังนั้นควรพิจารณา และไต่ตรองประเด็นเหล่านี้ให้ดี ผมไม่ได้คัดค้านการพูดคุย แต่สถานที่ที่เลือกไปคุย ควรพิจารณาในแง่ประวัติศาสตร์ด้วย ผมมองว่าการเมืองระหว่างประเทศ ระหว่างไทยและกัมพูชา จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงต่อไปในอนาคต" นายคำนูณ กล่าว
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ได้หารือไปยังรัฐบาล ว่าด้วยเรื่องที่พล.อ.อ.สุกำพลและคณะ เดินทางไปที่บริเวณปราสาทพระวิหาร เพื่อร่วมรับประทานอาหาร และหารือปัญหาชายแดนเขาพระวิหารกับ พล.อ.เตีย บัญ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กัมพูชา ว่า ตนไม่ยอมรับในการทำหน้าที่ของพล.อ.อ.สุกำพล ในฐานะที่ตนเป็นส.ว.และกรรมาธิการต่างประเทศคนหนึ่ง
เนื่องจากความดื้อรั้นของ พล.อ.อ.สุกำพล กำลังจะทำให้ประเทศไทยเสียพื้นที่ให้กับทางกัมพูชาเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะตนมั่นใจว่า การขึ้นไปรับประทานข้าวครั้งนี้ จะมีกองกำลังและธงชาติของประเทศกัมพูชา ขึ้นไปตั้งเอาไว้ด้วยอย่างแน่นอน และการที่คนของรัฐบาลอย่าง พล.อ.อ.สุกำพล ขึ้นไปนั่งอยู่ด้วย ก็ย่อมหมายความถึงการยอมรับว่า เขตแดนดังกล่าวเป็นพื้นที่ของทางกัมพูชา และจะส่งผลกระทบต่อการพิจารณาคดีของศาลโลก อย่างแน่นอน และหากประเทศไทยพ่ายแพ้คดีจริงๆ อยากจะถามว่า พล.อ.อ.สุกำพล จะรับผิดชอบอย่างไร
**ฝ่ายค้านข้องใจนายกฯอยู่เบื้องหลังหรือไม่
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การไปพูดคุย เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่ต้องพิจารณารูปแบบ สถานที่ และ เนื้อหาของสาระการพูดคุย โดยจะต้องมีความเป็นเอกภาพ แสดงจุดยืนของฝ่ายไทยที่ต้องปกป้องผลประโยชน์ประเทศไว้อย่างชัดเจน จึงอยากขอให้รัฐบาลระมัดระวังการดำเนินการที่ฝ่ายกัมพูชาอาจหยิบยกเป็นการดำเนินการในเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อรูปคดีที่อยู่ในศาลโลกได้ เช่นเดียวกันกับการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางไปประเทศมาเลเซียนั้น ขอให้ ระมัดระวังท่าทีในการไปเจรจา รวมไปถึงกรอบของการหารือด้วย ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ จะติดตามผลการหารืออย่างใกล้ชิด รวมถึงขอให้ ประชาชนร่วมตรวจสอบ การดำเนินการดังกล่าวด้วย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังการประชุมว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 28 ก.พ.นี้ ฝ่ายค้านจะตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี ถึงกรณีที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เดินทางไปหารือกับ พล.อ.เตีย บัน ที่ปราสาทพระวิหาร ทั้งที่มีการท้วงติงจากหลายหน่วยงาน อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กรมกิจการชายแดน หรือแม้แต่หัวหน้าทีมกฎหมายของไทย เนื่องจากเกรงว่า กัมพูชาอาจจะใช้เรื่องนี้ไปอ้างในการต่อสู้คดีในศาลโลก ซึ่งทุกฝ่ายเกรงว่า พล.อ.สุกำพล จะเสียค่าโง่ให้กับกัมพูชา
ดังนั้น ฝ่ายค้านจะถามนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลว่า อยู่เบิ้องหลังการเดินทางไปหารือครั้งนี้หรือไม่ และมีการพิจารณาอย่างถ่องแท้หรือยัง และหากเป็นไปตามที่หลายฝ่ายกังวล นายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบอย่างไร
