xs
xsm
sm
md
lg

“โฆสิต” ยันพบ “แม้ว” แค่ไปสัมภาษณ์ในฐานะสื่อ วอนเลือกผู้ว่าฯ อิสระให้คะแนนรวมแซง 2 พรรค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“โฆสิต” ชูคุณสมบัติประสานงานได้ทุกฝ่ายไร้ขัดแย้ง วอนออกมาเลือกผู้ว่าฯ อิสระให้คะแนนรวมกันแล้วแซง 2 พรรคใหญ่บวกกัน เพราะจะสะท้อนให้พรรคการเมืองเห็นว่าหยุดจุ้น กทม.ได้แล้ว เมืองหลวงต้องเป็นอิสระ พร้อมแจงบินดูไบพบ “แม้ว” ไปในฐานะประธานสปริงนิวส์เพื่อสัมภาษณ์ช่วงเลือกตั้งปี 54 เท่านั้น ยันไม่ได้เป็นนอมินีใคร เหตุที่มาลงสมัครเพราะทนไม่ได้นักการเมืองทะเลาะกันจนทำชาวบ้านเดือดร้อนหนักช่วงน้ำท่วม


เมื่อวันที่ 20 ก.พ. นายโฆสิต สุวินิจจิต ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. สังกัดอิสระ หมายเลข 10 ได้กล่าวในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ถึงเหตุผลที่มาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ว่า ทนไม่ไหวที่เห็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากนักการเมือง และความขัดแย้งทางการเมือง หนักสุดคือตอนน้ำท่วมปี 54 ตนในฐานะประธานสปริงนิวส์ (สถานีโทรทัศน์ข่าวผ่านดาวเทียม) ได้ลงพื้นที่ทำข่าวแล้วเห็นว่าการเอาการเมืองมาเล่นจนเกินเลย ทำชาวบ้านเดือดร้อน เลยคิดว่ากรุงเทพฯ ต้องกลับมาสู่ความถูกต้อง จึงตัดสินใจลุกออกมา

ตนเป็นที่ปรึกษามาเกือบทุกรัฐบาล เกือบทุกกระทรวง เห็นว่าทางออกวันนี้เราควรรักษาเมืองหลวงไว้ก่อน แม้เป็นเพียงจังหวัดเดียว แต่ก็เป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ถ้ารักษาเมืองหลวงไว้ได้ก็เหมือนรักษาหัวใจไว้ได้ โดยตนคิดว่ากรุงเทพฯ ต้องเป็นอิสระ แต่ปรากฏว่าไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ทุกพรรคการเมืองดันมาใช้กรุงเทพฯเป็นฐานเสียง คนกรุงก็เผลอไป ไปๆ มาๆ เลยตกอยู่ภายใต้พรรคการเมืองมาหลายปี มันถึงยุ่งมาถึงทุกวันนี้ ในต่างประเทศที่พัฒนาแล้ว ระดับท้องถิ่นไม่มีที่ไหนสังกัดพรรค ถึงเวลาแล้วที่ต้องให้กรุงเทพฯ เป็นอิสระ ไม่เช่นนั้นหากเป็นประชาธิปัตย์ก็ทำงานกับเพื่อไทยไม่ได้ ถ้าเป็นเพื่อไทยด่านแรกก็เหนื่อยแล้ว เพราะสภา กทม.เป็นประชาธิปัตย์ทั้งนั้นเลย แล้วถ้ารัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอมยิ่งเจ๊งเร็วเข้าไปใหญ่

ขอเปรียบเทียบกับเวลาเราเห็นคนจมน้ำ ถ้าเรารู้วิธีช่วย สามารถช่วยได้ แต่มองดูให้จมไปเฉยๆ นั่นไม่ใช่มนุษย์ แล้วอีก 6 ปีตนจะเกษียณแล้ว ก่อนเกษียณจึงขอทำงานนี้สักครั้ง

นายโฆสิตกล่าวชี้แจงเหตุที่ได้เป็นที่ปรึกษาให้กับทุกรัฐบาลว่า ทุกคนบอกว่าตนเก่งจึงมาเชิญไปช่วย เวลาทำงานตนทุ่มเต็มที่ อยู่เบื้องหลังตลอด ไม่มีผลประโยชน์ใดทั้งสิ้น และไม่ได้ทำเพื่อพรรคใดพรรคหนึ่ง ตนถูกเชิญไปทุกรัฐบาล และน่าจะเป็นคนเดียวในประเทศไทยที่พอพรรคคู่แข่งออกไป พรรคใหม่มาก็เชิญตนอีก

สำหรับนโยบาย นายโฆสิตกล่าวขยายความว่า จากการลงไปสัมผัสพื้นที่ด้วยตัวเอง ได้เห็นความเดือดร้อนของประชาชนแบบไม่น่าเชื่อว่านี่หรือกรุงเทพฯ วันนี้เศรษฐกิจไม่ดี ตนลงไปตลาด เห็นคุณภาพชีวิตชาวบ้านแล้วเห็นใจจริงๆ อย่างเช่นปากคลองตลาด คนขายดอกไม้เขาทำมาหากิน 24 ชั่วโมง โดยผลัดกันกะละ 12 ชั่วโมง แต่ทุกวันนี้ที่ปากคลองตลาดถือว่าผิดกฎหมายเพราะผิดเวลา ถูกค่าปรับ ทั้งที่เขาทำมาหากินสุจริต แล้ว กทม.ให้หยุดวันจันทร์ เขาบอกว่าไม่มีจะกินอยู่แล้ว ดอกไม้ออกดอกทุกวัน คนต้องกินทุกวัน แต่ กทม.ให้หยุดเขาไม่มีรายได้ ลูกค้าก็อยากมาซื้อทุกวัน ไปยุ่งกับเขาทำไม เลยเกิดเป็นนโยบายทำมาหากิน 24 ชั่วโมง

ใครอยากทำมาหากินเวลาไหน กทม.ต้องอำนวยความสะดวกให้ แล้วจะเปิดตลาด 24 ชั่วโมงในทุกเขต ไม่ต้องลำบากฝ่ารถติด ไม่ต้องขายอยู่ริมฟุตบาท เสี่ยงถูกรถเฉี่ยวชน แล้วจะทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน พอปัจจัยสี่มีพร้อม ประชาชนก็จะแสวงหาเรื่องอื่น สังคมจะดีขึ้น

กรุงเทพ 24 ชั่วโมง คือ กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง มีการทำมาหากิน 24 ชั่วโมง อยู่แล้ว เช่นปากคลองตลาด โรงพยาบาล โรงแรม แท็กซี่ แต่เป็นไปแบบไร้การบริหาร เป็นไปแบบผิดๆ ตนมองว่าทำไมไม่ออกระเบียบใหม่ให้มันถูกต้องเสีย จะได้สอดคล้องกับสังคมกรุงเทพฯ 24 ชั่วโมง ต่อไปนี้ กทม.จะขยายงานบริการ 24 ชั่วโมง เพิ่มคนทำงานเป็น 3 กะ บริการเหมือนโรงแรม เซเว่นอีเลฟเว่น จากเดิมเวลาคนจะติดต่อราชการต้องหยุดเรียน หยุดงาน แห่กันมาตอนกลางวันรถก็ติด แต่ถ้าสามารถติดต่อได้ตลอดเวลาตามแต่จะสะดวก ก็จะช่วยรถติดน้อยลงด้วย แถมเกิดการจ้างงานเยอะขึ้นวิ่งราวชิงปล้นก็น้อยลง

ความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ทุกวันนี้ ลัก ปล้น ชิง ฆ่า ข่มขืน เยอะมาก ภัยมนุษย์เกิดจากที่มืด ที่เปลี่ยว ก็จะต้องติดไฟให้ แล้วถ้ากรุงเทพฯคึกคัก 24 ชั่วโมง มีตลาด มีรถวิ่งตลอด ความเปลี่ยวก็จะหายไป

ที่สำคัญจะมีการตั้งทีมรักษาความปลอดภัย กทม. แล้วจะจ้างเอกชน ไม่เอาเทศกิจ เพราะถ้าเป็นราชการเด็กฝากจะเต็มเลย แล้วราชการพอทำไม่ดีก็จะใช้วิธีย้ายไปเขตที่เล็กลง ย้ายไปชายขอบ พวกชายขอบไม่ควรเป็นที่รองรับสิ่งที่ไม่ดี แต่ถ้าเป็นเอกชนไม่ดีก็เลิกสัญญาจ้างได้ แล้วจะกำหนดเลยมีคดีเท่าไหร่ต้องจับได้เท่าไหร่ และมีรางวัลจับให้ด้วย

การเรียนรู้ 24 ชั่วโมง วันนี้คนทำงานกลางวันสามารถเรียนภาคค่ำได้ แต่คนทำงานกะดึกเลิกเที่ยงคืน จะเอาเวลาไปเรียนตอนไหน มหาวิทยาลัย กทม.จะเปิด 24 ชั่วโมง ศูนย์ฝึกอาชีพก็จะเปิด 24 ชั่วโมง ใครว่างช่วงไหนก็สามารถมาเรียนได้

สุขภาพดี 24 ชั่วโมง วันนี้เราป่วยเพราะอาหารที่กินมีสารพิษ กินไม่ถูกวิธี อากาศเป็นพิษ เรื่องอาหารเราจะดูแลตั้งแต่แหล่งผลิตจนกระทั่งขนส่งมายังตลาด ภาชนะที่ใช้ต้องปลอดภัย ตลาดต้องเป็นตลาดอนามัยทั้งหมด ส่วนเรื่องลดควันรถ ระยะยาวต้องไปสู่เรื่องขนส่งมวลชน แต่ต้องใช้เวลา แต่สิ่งแรกที่ทำได้เลยคือแท็กซี่ที่วิ่งใน กทม. ถ้าตนเป็นผู้ว่าจะมีจุดจอดให้ ไม่ต้องวิ่งหาลูกค้า ไม่เปลืองแก๊ส มีระบบโทร.เรียก มีจีพีเอสติดรถจะได้ไม่หลงทาง ได้ประหยัดพลังงาน ควันรถน้อยลง รถก็ติดน้อยลง ส่วนเรื่องน้ำเสีย จะแบ่งเป็นน้ำเก่ากับน้ำใหม่ น้ำเก่าที่เสียอยู่แล้วใช้วิธีบำบัด ซึ่งทั่วโลกก็ทำมาแล้ว ส่วนน้ำเสียของใหม่ ก่อนลงคลองเราจะทำบ่อบำบัดน้ำเสียในชุมชน และต้องแยกน้ำดีกับน้ำเสียให้ไปคนละท่อ ซึ่งทุกวันนี้ปนกันหมดเลย

การป้องกันน้ำท่วมแค่อย่าทะเลาะกันก็ไม่ท่วมแล้ว น้ำท่วมปกติ อย่างเช่น ฝนตกระบายน้ำไม่ทัน อันนี้ กทม.ทำเองได้ พื้น กทม.ทรุดปีละ 5 ซม. การขุดน้ำบาดาลต้องระงับ ความสโลบของระบบท่อทุกวันนี้มีปัญหาเพราะไม่ได้สร้างพร้อมกัน แต่ถ้าปรับใหม่ทั้งหมดก็จะไม่มีปัญหา ถนนหนทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อต้องปรับให้เรียบร้อย แต่ถ้าน้ำท่วมเกิดจากอุทกภัย ต้องไม่แข่งกันระหว่างรัฐบาลกับ กทม. แต่ต้องร่วมทีมกัน ต้องวางแผนร่วมกันให้น้ำผ่านไปได้เร็วที่สุด ไม่ใช่มาทะเลาะกัน

เรื่องขยะ อีกหน่อยคงไม่มีที่ฝังกลบแล้ว ฉะนั้นต้องแก้ที่ต้นเหตุด้วยการลดจำนวนภาชนะลดขยะให้ได้ ต้องสร้างวัฒนธรรมใหม่ ต่อไปคนกทม.ต้องห่วงใยสิ่งแวดล้อม มีการพกถุงผ้า กระติก และปิ่นโต ถังขยะต้องเป็นแบบแยกประเภทขยะ

เมื่อถามว่านโยบายที่กล่าวมาเมื่อถึงเวลาจะอ้างว่าเพราะกฎหมาย งบประมาณ อำนาจ มีจำกัดเลยทำไม่สำเร็จหรือไม่ นายโฆสิตกล่าวว่า อันนั้นเป็นคำตอบของนักการเมืองเก่าๆ แต่ตนเป็นนักบริหาร เป็นผู้บริหารสิบทิศ ไม่ใช่นักการเมือง ปัญหาทุกอย่างแก้ได้หมด คนเราสามารถร่วมมือกันทำอะไรก็ได้ ถ้ารู้และเข้าใจ และเห็นว่าเกิดประโยชน์ต่อเขา เราต้องให้ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจ แล้วจะใช้วัฒนธรรมนำเศรษฐกิจและสังคม โดยใช้สื่อและบันเทิงเป็นอาวุธในการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม เพราะจะเห็นได้ว่าภาพยนตร์ ละคร ดารา มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นมาก

เมื่อถามว่าภาพที่คุณโฆสิตกับภรรยาไปชอปปิ้งกับ พ.ต.ท.ทักษิณที่ดูไบ แสดงให้เห็นว่าที่ลงสมัครผู้ว่าฯครั้งนี้ รับงานมาเพื่อตัดคะแนนบางพรรคหรือเปล่า นายโฆสิต กล่าวว่า ภาพที่ปรากฏออกมานั้นตนไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนการเลือกตั้ง 3 ก.ค. 54 โดยไปในฐานะประธานสปริงนิวส์ ซึ่งรู้กันดีว่าช่วงเลือกตั้งใครได้สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ เรตติ้งพุ่งแน่ ทุกช่องแย่งกันหมด ตนก็ได้ติดต่อไป แล้วเขาเห็นว่าสปริงนิวส์เป็นกลางดีเลยได้รับอนุญาตให้ไปสัมภาษณ์ ส่วนคุณยุวดี บุญครอง (ภรรยา) ดูแลช่อง Health Plus เป็นช่องทีวีเกี่ยวกับสุขภาพ ตอนนั้นแฟนรายการก็อยากรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นมะเร็งจริงหรือป่าว จึงขอตามไปสัมภาษณ์ด้วย พอสัมภาษณ์เสร็จตามมารยาทคนไทยเจอกันก็พาไปกินข้าวร้านอร่อยก็แค่นั้นเอง เป็นเรื่องธรรมดาของคนรู้จักกัน ซึ่งตนก็รู้จักกับทุกคนไม่ได้แปลว่าวันหนึ่งพอความคิดเห็นขัดแย้งกันแล้วต้องเลิกคบกัน

เมื่อถามว่ามีแนวคิดเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายโฆสิตกล่าวว่า ไม่เหมือนเพราะตนไม่ใช่นักการเมือง ตนไม่หวังใหญ่โต แค่อยากทำในสิ่งที่อยากทำ ไม่ได้หวังอะไรทางการเมือง คิดแค่ว่าเป็นเพียงลูกจ้างมาบริหารเมือง ประชาชนเป็นนายจ้างตน

ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่ารับงานมาตัดคะแนนใครหรือเปล่า สมัยที่ไปพบยังไม่มีความคิดลงสมัครผู้ว่าฯ เลยด้วยซ้ำ ที่มาลงเพราะเหตุการณ์น้ำท่วม ถ้าจะตัดคะแนนเข้าพรรคเพื่อไทยไปเลยไม่ดีกว่าหรือ ประชาธิปัตย์ตนก็เป็นที่ปรึกษาให้ อย่างรัฐบาลที่แล้วตนก็เป็นที่ปรึกษาให้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ตนเข้าไปในสภาสามารถกินข้าวได้กับทุกคน และตนก็เป็นแบบนี้มาตลอด

เมื่อถามว่าถ้าไม่ได้เป็นผู้ว่าฯครั้งนี้จะใช้คะแนนเสียงที่ได้ไปขยายผลต่อหรือไม่ นายโฆสิตกล่าวว่า คราวนี้ที่มาลงแพ้หรือชนะอีกเรื่องหนึ่ง แต่ขออย่างเดียวคะแนนผู้สมัครอิสระรวมกันขอให้มากกว่า 2 พรรครวมกันได้หรือไม่ อันนั้นคือชัยชนะของตนแล้ว เพราะจะเป็นการบอกนักการเมืองทุกคนว่าพอกันทีพวกคุณ หยุดได้แล้ว กรุงเทพฯ ต้องเป็นอิสระ

“ฉะนั้นฉันทานุมัติคราวนี้ คะแนนอิสระทุกคนรวมกันถ้ามากกว่า 2 พรรค แปลว่าพวกคุณหยุดได้แล้ว ผมออกมาเพื่อให้คะแนนอิสระมากที่สุด เลือกใครก็ได้ แต่ขอให้ออกมาเลือกผู้สมัครอิสระ อย่าเลือกพรรค ให้คะแนนมากกว่า 2 พรรคให้ได้ ผมถือว่าผมชนะ แล้วจะเดินต่อในการเมืองภาคประชาชน” นายโฆสิตระบุ

เมื่อถามว่าถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ จะมีภาพเดินกับ พ.ต.ท.ทักษิณอีกหรือเปล่า นายโฆสิตกล่าวตอบว่า ตอนนี้ไม่มีเรื่องให้ต้องสัมภาษณ์แล้วไม่มีเหตุให้ต้องไปพบอีก แต่คนที่จะไปพบคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะหากต้องการความร่วมมือทำในสิ่งที่เป็นอำนาจเกิน กทม. ก็จะไปคุยเพื่อร่วมมือกันทำ และตนยินดีที่จะเดินกับทุกคน จะมีภาพของความปรองดองอย่างแท้จริง จะเชิญทุกฝ่ายมาทำงาน




กำลังโหลดความคิดเห็น