หน.ปชป.เผยในงานเสวนา “ค่าแรง 300 ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของแรงงาน” รับค่าแรงเป็นปัญหาเหลื่อมล้ำ พร้อมหนุนเพิ่มตามฝีมือ ประเมินร้อยละ 25 ใน 2 ปี ก่อนถกเอกชนเสนอหักภาษีและเงินชดเชย ก่อน พท.ทุ่มให้ 300 บ. คิดเป็นร้อยละ 50 ชี้ควรให้ตามความจริงของเศรษฐกิจ ขึ้นแยะตกงานไร้ประโยชน์ จี้รัฐออกมาตราการกันความเสียหาย เคลียร์เอกชนเรื้องกำหนดค่าแรง
วันนี้ (17 ก.พ.) ที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม พรรคประชาธิปัตย์ มีการจัดเสวนาสาธารณะหัวข้อ “ค่าแรง 300 บาทไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของแรงงาน” โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเปิดการเสวนาว่า ปัญหาค่าแรงทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งตนสนับสนุนการดำเนินการที่จะผลักดันให้แรงงานมีรายได้ที่สูงขึ้น โดยตนได้ผลักดันหลายมาตรการเพิ่มค่าแรง อาทิ การปรับค่าแรงโดยอิงมาตรฐานของทักษะ ซึ่งทำให้มีค่าแรงเพิ่มขึ้นแล้วมีการปรับปรุงทักษะแรงงานให้มีมาตรฐานมากขึ้น ซึ่งขณะนั้นมีการคำนวณว่าจะมีการเพิ่มค่าแรงร้อยละ 25 ในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งตนก็ได้นำเรื่องไปหารือกับภาคเอกชน สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า ซึ่งก็บอกว่าเป็นการเพิ่มที่สูงมาก และมีการหารือถึงมาตรการรองรับที่ตรงจุด คือการหักค่าใช้จ่ายทางภาษีและชดเชยเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มให้แก่บริษัทในระยะเปลี่ยนผ่าน แต่พรรคการเมืองคู่แข่งก็มีการหาเสียงโดยชูนโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ค่าแรงเพิ่มขึ้น 40-50% และบางพื้นที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า หลังจากการประกาศใช้นโยบายก็จะเห็นผลกระทบและการเรียกร้องจากภาคเอกชน ทั้งนี้ตนมองว่าแรงงานต้องได้รับความเป็นธรรม แต่ต้องมีมาตรการที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงกับระบอบเศรษฐกิจ เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะมีตัวเลขค่าแรงที่สูงแต่มีการหลบเลี่ยงกฎหมายของบริษัท และมีคนตกงาน ซึ่งในอนาคตก็จะมีปัญหาในแง่ขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องทำตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ แต่สิ่งที่เรียกร้องคือรัฐบาลต้องออกมาตรการรองรับในระยะเปลี่ยนผ่าน เพื่อไม่ทำให้ผู้ประกอบการ และเศรษฐกิจส่วนกลางเสียหาย เพราะปัจจุบันมีความหวั่นไหวว่าอนาคตในเรื่องค่าแรงจะถูกกำหนดโดยการเมืองหรืออย่างไร
