“ชวนนท์” จี้ “ยิ่งลักษณ์” แจงออกพาสปอร์ตให้ “นช.แม้ว” นักโทษหนีคดี อย่าลอยตัวโยนบัวแก้วแจง ระบุถือเป็นประโยชน์ทับซ้อนในครอบครัว พร้อมจวก “ปึ้ง” สุดมั่วเพื่อรับใช้นายใหญ่ อ้างพาสปอร์ตเหมือนบัตร ปชช.ที่ต้องออกให้ ถามนักโทษหนีคดีในต่างประเทศขอทำพาสปอร์ตเหมือน “ทักษิณ” ได้หรือไม่ พร้อมเฉ่งรัฐบาลเก็บเงินเงินเข้ากองทุนน้ำมันสูงจนทำประชาชนใช้พลังงานแพง ทั้งที่เคยหาเสียงเลือกตั้งจะเลิดจัดเก็บเงินเข้ากองทุน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้พิจารณากรณีที่กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยไม่ชอบด้วยระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศว่า เป็นหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง เพราะได้ทำหนังสือไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว แต่ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศ ออกหนังสือเดินทางขัดต่อระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ จึงขอเรียกร้องว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องใช้ดุลพินิจตัดสินใจดำเนินการในเรื่องดังกล่าวโดยเร็วในฐานะผู้นำประเทศเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนในครอบครัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย
ส่วนที่นายสุรพงษ์ โตวิกจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศระบุว่าการออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องปกตินั้นเป็นการพูดไม่จริงและปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อระเบียบของกระทรวงที่ตัวเองมีหน้าที่รับผิดชอบ จึงขอตั้งคำถามดังนี้
1. กรณีอ้างว่าหนังสือเดินทางมีค่าเหมือนกับบัตรประชาชนสำหรับคนที่อยู่ต่างประเทศนั้น หมายความว่าบัตรประชาชนในต่างประเทศไม่มีความหมายใช้การไม่ได้แล้ว กระทรวงการต่างประเทศทุ่มงบประมาณในการต่อบัตรประชาชนให้กับคนไทยในต่างแดนทำไม เพราะทราบกันดีว่าส่วนนี้ใช้เพื่อแสดงตนต่อสถานทูตไทย จึงมีบริการเพิ่มในการจัดทำจุดบริการทำบัตรประชาชนให้กับคนไทยโดยประสานกับกระทรวงมหาดไทย หากหนังสือเดินทางสามารถทดแทนบัตรประชาชนได้ก็ต้องยกเลิกโครงการนี้ไป
2. หนังสือเดินทางจะอำนวยความสะดวกในการเดินทางต่างประเทศ แต่ต้องไม่ใช่คนที่หนีหมายจับ และศาลห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ รัฐไทยต้องจับตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ใช่ไปสนับสนุนให้เดินทางได้อย่างอิสระโดยไม่มีการควบคุม และไม่ว่าบุคคลนั้นจะไม่มีพาสปอร์ตแต่หนีการจับกุมสถานที่เดียวที่ต้องเดินทางไปคือกลับประเทศไทยโดยไม่จำเป็นต้องมีพาสปอร์ตแสดงตัวสถานทูตไทยจะออกใบแทนให้เดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อรับโทษตามกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่จำเป็นต้องมีหนังสือเดินทางไปประเทศอื่น เพราะที่หมายเดียวทีเดินทางไปได้คือกลับมารับโทษในประเทศไทย
3. การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีสถานะขัดต่อระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ แต่นายสุรพงษ์ใช้ดุลพินิจส่วนตัวออกหนังสือเดินทางให้ ต้องถามว่านักโทษหนีคดีของไทยทั่วโลกหรือผู้หลบหนีหมายจับ ศาลไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศที่กำลังหลบหนี ถ้าหนังสือเดินทางหมดอายุสามารถขอหนังสือเดินทางเล่มใหม่ได้ที่สถานทูตไทยทั่วโลกใช่หรือไม่ มิเช่นนั้นจะเป็นสองมาตรฐาน เป็นการให้สิทธิพิเศษ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะมีคนมากมายที่หนีคดีไปประเทศเพื่อนบ้าน ติดแบล๊คลิสต์กระทรวงการต่างประเทศเป็นร้อยเป็นพัน แต่ด้วยนโยบายของรมว.ต่างประเทศคนนี้เท่ากับว่าทุกคนที่ติดแบล๊คลิสต์สามารถต่อหนังสือเดินทางได้ และอยากให้นายกรัฐมนตรีพูดให้ชัดเจนว่ารัฐบาลชุดนี้มีนโยบายสนับสนุนให้คนที่หนีคดีมีอิสระในการเดินทางได้อย่างเสรี
นายชวนนท์ยังกล่าวถึงราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า ตนเก็บสถิติว่าตั้งแต่ต้นปี 2546 เบนซินขึ้นราคา 6 ครั้ง ดีเซล 1 ครั้ง ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศแพงกว่าสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีทุกประเภท และราคาน้ำมันที่แพงกว่านั้นเกิดจากราคาน้ำมันดิบที่ไม่ได้แพงกว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แต่ถูกกว่าในบางช่วงเวลาและค่าเงินบาทของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ แข็งกว่ารัฐบาล นายอภิสิทธิ์ต้องซื้อของได้ในราคาถูกกว่า แต่ทำไมราคาน้ำมันที่นำเข้ามาแพงกว่ายุคนายอภิสิทธิ์
นายชวนนท์กล่าวว่า การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์สูงกว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์แล้วทุกตัว เฉลี่ยแพงกว่า 1 บาท เป็นการทุจริตต่อนโยบายของตัวเองที่กลับคำว่าจะให้ประชาชนบริโภคน้ำมันถูกด้วยการยกเลิกกองทุนน้ำมัน แต่กลับเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์มากกว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาขายหน้าปั๊มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นวิธีการของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่หาเสียงแบบเกินจริงโดยการลดน้ำมันแบบโปรโมชั่นในช่วงแรกหลังเป็นรัฐบาลระยะหนึ่งจากนั้นราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ภาระกองทุนน้ำมันติดลบ 15,152 ล้านบาท ในขณะที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ดูแลให้กองทุนน้ำมันอยู่ในภาวะเสมอตัว นี่คือสัญญาณหายนะของนโยบายประชานิยมที่ขาดความรับผิดชอบต่อความยั่งยืนของประเทศในระยะยาว
