xs
xsm
sm
md
lg

ปัญหาเริ่มชัด-ของแพงกลับมาหลอนปูก่อนแก้ รธน.!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

น่นอนว่าหลายคนต่างทำนายในแง่ดีว่าเศรษฐกิจในปี 2556 น่าจะออกมาดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยมองจากการกระตุ้นใช้จ่ายภายในประเทศ จากนโยบายประชานิยมที่เริ่มโหมกันเต็มพิกัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ทั้งในเรื่องของการเพิ่มเงินเดือน (ค่าครองชีพ) ให้กับบรรดาข้าราชการ นโยบายบ้านหลังแรก รถคันแรก ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนำข้าว และล่าสุดค่าแรงวันละ 300 บาท ที่ดีเดย์พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่ปีใหม่

นอกจากนี้ยังมีอภิมหาโปรเจกต์ทั้งโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะมีการผลักดันพระราชบัญญัติกู้เงินสำหรับโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ทั้งระบบถนน-ราง อีกกว่า 2.27 ล้านล้านบาท ซึ่งรัฐบาลหวังว่านี่คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภายใน แทนที่การส่งออกในตลาดยุโรป และสหรัฐอเมริกา ที่กำลังมีปัญหาเป็นการเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยหวังให้เงินหมุนไปหลายรอบ

นั่นเป็นการมองในแง่บวก หวังว่าการกระตุ้นการใช้จ่ายดังกล่าวจะได้ผล ทำให้เศรษฐกิจขยายตัว ขณะเดียวกัน ด้วยนโยบายประชานิยมดังกล่าวหวังว่าเป็นการสร้างความประทับใจจากประชาชนให้โหยหาต่อไป อย่างน้อยก็หวังผลเฉพาะหน้าในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

แต่ทว่าผลที่สะท้อนกลับมาเริ่มมีแนวโน้มในทางตรงกันข้าม หลายโครงการเริ่มมีปัญหา ทั้งทำให้รัฐเสียรายได้ ขาดทุน รวมไปถึงเกิดการทุจริตกันอย่างมโหฬาร และที่สำคัญเป็นโครงการที่ประโยชน์ไม่ได้ถึงมือประชาชนอย่างที่อวดอ้างเอาไว้

ที่เห็นได้ชัดและเริ่มมีเสียงวิจารณ์หนาหูขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน พร้อมกับความหวาดวิตกว่าเป็นโครงการที่ไร้ประโยชน์ก็คือ รถคันแรก ที่กำลังจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ เริ่มจากการก่อหนี้ของครัวเรือน ปัญหาจราจร การบริโภคน้ำมันที่สูงขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่าต้องนำเข้าเพิ่มและรัฐต้องเสียรายได้จากภาษีเกือบแสนล้านบาท ขณะผู้ที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ ก็คือบริษัทรถยนต์ที่เป็นบริษัทข้ามชาติ กับบริษัทน้ำมันอย่าง ปตท.ที่ไม่ใช่ของรัฐเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนก่อน ซึ่งบริษัทดังกล่าวได้รับผลกำไรอย่างมหาศาล

โครงการรับจำนำข้าว แน่นอนว่าหลังจากเริ่มดำเนินการก็มีเสียงวิจารณ์ คัดค้านดังลั่นไปหมด เนื่องจากเห็นว่าชาวนาส่วนใหญ่ที่เป็นรายย่อยที่ยากจนไม่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง แต่ประโยชน์กลับไปตกอยู่กับชาวนารายใหญ่ โรงสี นักการเมือง มีการสวมสิทธิ์เวียนเทียนเกิดการทุจริตกันอย่างมโหฬาร ที่สำคัญนอกจากเป็นการทำลายการค้าข้าวของประเทศให้ย่อยยับแล้ว ยังทำให้รัฐต้องขาดทุนแค่ฤดูกาลเดียวคือ 2554/55 รัฐขาดทุนไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท และในฤดูกาลใหม่คือ 2555/56 ที่รับจำนำมาตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ต้องรับจำนำข้าวอีกนับสิบล้านตันขาดทุนต่อเนื่องอีกกว่าแสนล้านบาท

ขณะที่การระบายข้าวออกไปแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะราคาสูงกว่าตลาดลิบลิ่วไม่ต่ำกว่าสามสิบถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าจะขายก็ต้องยอมขายขาดทุนสถานเดียว ซึ่งนั่นย่อมหมายความว่าเป็นเงินของประชาชนทั้งประเทศ แต่ทุกอย่างก็ยังเป็นความลับดำมืด เพราะรัฐบาลไม่ยอมให้มีการตรวจสอบ

อย่างไรก็ดี สำหรับโครงการรับจำนำข้าวน่าจะเริ่มส่งผลกระทบอย่างชัดเจนภายในปีนี้ ทั้งในเรื่องการขาดสภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ทำหน้าที่ในการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรที่เข้าโครงการ ได้รับเงินชดเชยกลับเข้ามาไม่ทันการณ์

แต่ที่น่าจับตาก็คือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งติดตามการตรวจสอบโครงการจำนำข้าวมาตั้งแต่ต้น น่าจะมีผลสรุปของคณะอนุกรรมการที่ตรวจสอบโครงการดังกล่าวออกมา หากโชคร้ายผลออกมาเป็นลบก็จะส่งผลสะเทือนทางการเมืองอย่างรุนแรงก็ได้ โดยเฉพาะกับตัวนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ล่าสุดทางพรรคเพื่อไทยก็ได้ออกมาดักคอไว้ล่วงหน้าแล้วว่า อาจจะเจอ ป.ป.ช. “เตะตัดขา” จากกรณีดังกล่าว นั่นแสดงให้เห็นว่าเริ่มมีการหวั่นไหวลึกๆ เกิดขึ้นแล้ว

ปัญหาจากการขึ้นค่าแรง 300 บาท ที่หวังว่าจะสร้างความนิยมให้กับรัฐบาลทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่ม แต่ในความเป็นจริงอาจมีผลกระทบในวงกว้าง อาจมีผลทำให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กไม่อาจแบกรับภาระต้นทุนเพิ่มได้ต้องปิดกิจการ หรือย้ายฐานการผลิตมากระจุกอยู่ในเมือง จนเกิดการว่างงานเพิ่ม

อย่างไรก็ดี ยังมีปัญหาเรื่องการ ขึ้นค่าไฟ ขึ้นราคาก๊าซหุงต้มที่กำลังประดังเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาค่าครองชีพ ข้าวของแพงที่ขึ้นไปดักหน้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งที่ผ่านมานอกเหนือจากผลต่อเนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เกิดจากการฉวยโอกาส ยังมีผลมาจากการบริหารงานของรัฐบาลที่ไม่เอาไหน ผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน เชื่อว่าความเดือดร้อนที่เกิดจากปัญหาของแพงนี่แหละจะเป็นตัวบ่อนเซาะทำลายรัฐบาลลงทุกวัน เพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันหากยังล้มเหลวในการแก้ปัญหา ยังดันทุรังแต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญมันก็น่าสนใจเหมือนกันว่า ผลจะออกมาแบบไหน

เชื่อว่าสารพัดปัญหาจะเริ่มถาโถมเข้ามาและเห็นชัดในปีนี้ ขึ้นอยู่กับว่าชาวบ้านจะกัดฟันทนกันได้แค่ไหนเท่านั้นเอง!!
กำลังโหลดความคิดเห็น