xs
xsm
sm
md
lg

“ศิริโชค” กระทู้โรงพักฉาว อัด “เฉลิม” สารพัดแถ ป้องพรรคพวก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศิริโชค โสภา (แฟ้มภาพ)
“ศิริโชค” กระทู้สร้างโรงพักฉาว อัด “เหลิม” สารพัดแถเพื่อป้องพรรคพวกตัวเอง กางหลักฐานลายมือ “จูดี้” เซ็นหนังสือเสนอให้อนุมัติแบบรวบ ขณะที่รัฐบาล “นายกฯ ปู” ดันทุรังขยายเวลาถึง 3 ครั้ง ทั้งที่อ้างว่าผิด ด้าน “เฉลิม” กางปีกป้องอ้าง “จูดี้” แทงหนังสือแค่งานรูทีน ส่วนที่ไม่กล้าเลิกสัญญา แถมต้องต่ออายุให้ถึง 3 ครั้ง เพราะกลัวถูกผู้รับเหมาฟ้อง โยน “รัฐบาลมาร์ค” ร่างสัญญาเปิดช่องให้บริษัทรับเหมาได้อานิสงส์ขยายเวลาจากภัยพิบัติธรรมชาติ


 คลิกที่นี่ ฟังเสียงแถลงการณ์ โดย "นายศิริโชค โสภา"  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (14 ก.พ.) นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้สดกรณีการก่อสร้างอาคารสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่ง และอาคารที่พักข้าราชการตำรวจ ถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยูบำรุง รองนายกรัฐมนตรี ว่าทางรัฐบาลอ้างว่าปัญหาเรื่องนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสัญญาก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศจากส่วนกลาง รายภาคมาเป็นส่วนกลางรวมภาค โดยระบุว่าต้องฮั้วแน่นอน แต่พอเอกสารประกวดราคาเห็นว่าบริษัท พีซีซีฯ ให้ต่ำกว่าราคากลางถึง 500 ล้านบาท ร.ต.อ.เฉลิมก็บอกว่าน่าจะเป็นเพราะบริษัทนี้ไม่เคยรับงานมาก่อน ประมูลมาแล้วทิ้งงาน แต่จากข้อมูลพบว่าบริษัทนี้เคยรับเหมาะก่อสร้างของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ในโครงการบ้านเอื้ออาทรหมื่นกว่าล้าน ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยทั้งนั้น เช่น โครงการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรที่ จ.เชียงใหม่ อ.สันป่าตอง ตามโครงการระยะ 3 จำนวน 178 ล้านบาท และก่อสร้างอีก 10,000 หน่วย งบประมาณ 4 พันกว่าล้านบาท

นายศิริโชคกล่าวอีกว่า แต่พอมีข้อโต้แย้ง ร.ต.อ.เฉลิมก็แถว่าบริษัทประมูลงานครั้งเดียว ไม่น่าจะสร้างทั่วประเทศได้ แต่หลักฐานพบว่าบริษัทเคยมีการประมูลได้ 2 โครงการ สร้างแฟลต 163 หลังทั่วประเทศ สามารถสร้างเสร็จ 87 เปอร์เซ็นต์ ทำไมทำได้ ทำไมสร้างโรงพักได้แค่ 20 เปอร์เซ็นต์ จึงขอถามว่าตกลงที่ว่ามีฮั้วมีหรือไม่ มีผลงานก่อสร้งหรือไม่ และทำทั่วประเทศได้หรือไม่

 คลิกที่นี่ ฟังเสียงแถลงการณ์ โดย "ร.ต.อ.เฉลิม อยูบำรุง"  

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิมชี้แจงว่า ตนไม่ให้ความสนใจว่าบริษัท พีซีซีฯ จะมีผลงานอย่างไร แต่สนใจว่าการสร้างโรงพัก 396 แห่งที่เกิดในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ โครงการนี้ถ้าใครรับประโยชน์ไปขอให้หายนะ อย่าได้ผุดได้เกิด ถ้าตนมีส่วนขอให้ได้รับหายนะทั้งส่วนตัวและครอบครัว เพราะงานนี้เป็นการโกง ทุจริตคอร์รัปชัน ประเด็นสำคัญของปัญหาคือ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์สมัยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีขณะนั้นให้มีการสร้างโรงพัก 396 แห่ง และอนุมัติครั้งแรกตามข้อเสนอของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.สมัยนั้นเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 52 ให้กระจายสร้างเป็นรายภาค โดยมี 8 บริษัทชนะประมูล แต่บริษัท พีซีซีฯ ได้ทำการร้องทุกข์ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เพราะรู้ว่าจะมีการรวมจ้างรายเดียว และต่อมา นายสุเทพก็มีการอนุมัติให้มีการรวมสร้างรายเดียว ตรงนี้ต่างหากที่ต้องชี้แจงต่อสังคมว่าเพราะอะไร แม้บริษัทนี้จะไม่มีนักการเมืองมีหุ้นส่วน แต่มีการตั้งที่บ้านพ่อตานักการเมือง

นายศิริโชคถามต่อว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ และ ร.ต.อ.เฉลิม ได้พูดมาตลอดว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ ไม่เกี่ยวข้อง แต่จากหลักฐานเอกสารพบว่า หลังจากที่มีการประกวดราคาส่วนกลางแบบรวมภาค ทางสำนักงานผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้แทงหนังสือมายัง ผบ.ตร. โดยลายมือชื่อของ พล.ต.อ.พงศพัศ ในฐานะผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่าพิจารณาแล้วสมควรให้ความเห็นชอบตามข้อเสนอของหน่วยงาน แต่พอสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.กลับเงียบเฉย อยากถามว่าเมื่อได้อ่านจากเอกสารฉบับนี้แล้วยังคิดว่า พล.ต.อ.พงศพัศไม่เกี่ยวข้องหรือไม่

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า งานนี้มีสองท่อน คือ ท่อนแรก พล.ต.อ.พงศพัศเสนอมาในฐานะเป็นประธานทีโออาร์ในช่วงที่มีการเสนอให้สร้างโรงพักเป็นรายภาค และนายสุเทพก็อนุมัติไปเรียบร้อย แต่มีคนมาเล่าให้ตนฟังหมดว่าภายหลังมีนักการเมืองชั่วๆ ไปบังคับให้เปลี่ยนแปลงให้เอารายเดียว

“คุณพงศพัศมาเกี่ยวข้องเฉพาะรอบแรก ผมไม่ได้มาปกป้อง ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่ต้องให้ความเป็นธรรมเขา โดย พล.ต.อ.พงศพัศเป็นประธานร่างทีโออาร์ ในช่วงที่ พล.ต.อ.พัชรวาท (วงษ์สุวรรณ) เป็น ผบ.ตร.เท่านั้น แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอให้ก่อสร้างรายเดียว คือ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อย่าเอาเรื่องนี้มาทำลายเขาในสภาฯ เพราะมันกระทบการเลือกตั้ง ส่วนหนังสือที่มีลายมือ พล.ต.อ.พงศพัศ เป็นแค่งานรูทีน การผ่านหนังสือไม่ได้เป็นการพิจารณา ถ้าไม่เปลี่ยนวิธีจัดซื้อจัดจ้างปัญหาก็ไม่เกิด พอมาเป็นรายเดียวไม่มีการกระจายเลยสร้างไม่เสร็จ ใครคดโกงหรือไม่ ผมไม่รู้ แต่ผมสาปแช่งไอ้คนโกงให้หายนะ”

ด้านนายศิริโชคกล่าวต่อว่า ตนไม่แน่ใจว่า ร.ต.อ.เฉลิมอาจตั้งใจไม่รู้ระบบราชการ เพราะงานรูทีนก็คือการกลั่นกรอง ต้องแสดงความเห็น เพราะต้องรู้อยู่แก่ใจว่าการประกวดราคาครั้งนี้ผิดกฎหมายแล้วยังกล้าเขียนว่าพิจารณาแล้วเห็นสมควรให้ความเห็นชอบแบบนี้ ตนเข้าใจ ร.ต.อ.เฉลิมว่าต้องการชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่ต้องยอมรับข้อเท็จจริง จะแถไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงคือ พล.ต.อ.พงศพัศเป็นผู้เสนอให้อนุมัติตามแบบรวมภาค ถ้า พล.ต.อ.พงศพัศไม่เซ็นมาแบบนี้ ถามว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.จะกล้าเซ็นหรือไม่ และรัฐบาลนี้บริหารมาเกือบ 500 วัน รู้ว่าสัญญามีปัญหาทำไมไม่ยกเลิกแต่ต้น แถมขยายเวลาให้อีก 3 ครั้ง และยังมีการแก้สัญญาบางโรงพัก บางที่ส่งมอบพื้นที่ไม่ได้ ซึ่งปัญหาความเดือดร้อนเกิดจากการบริหารงานในช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะมีหลักฐานว่ามีการให้ขยายเวลาออกไปล่าสุด วันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ถามว่าทำไมปล่อยให้การบริหารสัญญาไม่แล้วเสร็จ และส่วนใหญ่อยู่ในช่วงการบริหารสมัย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น ผบ.ตร.ทั้งสิ้น

ร.ต.อ.เฉลิมยังคงยืนยันว่า พล.ต.อ.พงศพัศเกี่ยวข้องเฉพาะช่วงที่ให้มีการก่อสร้างโรงพักรายภาคเท่านั้น ส่วนผู้เสนอมาแบบเหมาะรวมรายเดียว คือ พล.ต.ท.ธีระยุทธ กิติวัฒน์ จะเอาสองเรื่องมาเป็นเรื่องเดียวไม่ได้ ส่วนสาเหตุที่รัฐบาลไม่เลิกสัญญาเพราะตนไม่ได้โง่ เพราะมีการทำสัญญาเพื่อปูนอำนวยให้กับบริษัท แต่ที่ สตช.ไม่รีบบอกเลิกเพราะจะกลายเป็นจำเลยทันที แต่มีการบอกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 14 มี.ค. และได้แจ้งจับบริษัทฐานหลอกลวงผู้อื่น แสดงข้อความปกปิดอันเป็นเท็จ ตามประมวลอาญา มาตรา 341 ถ้าบอกเลิกก่อนวันดังกล่าวอาจจะเกิดข้อโต้แย้งว่ารีบบอกเลิกสัญญาเร็วไป ทั้งที่ สตช.ก็มีส่วนผิด ทำให้ก่อสร้างล่าช้า

ส่วนที่มีการขยายเวลาออกไป 3 ครั้ง เพราะสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารเป็นสัญญาจ้างทั่วประเทศ มีการระบุว่า การเกิดภัยพิบัติไม่ว่าส่วนใดของประเทศ บริษัทผู้รับจ้างย่อมได้ประโยน์จากมติ ครม.ในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาน้ำท่วม ซึ่งเป็นผลจากที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำเอาไว้ ถ้าตนไปบอกเลิกก็จะถูกบริษัทฟ้องได้ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีใครแกล้งใคร แต่กรรมมันติดจรวดตามทัน ใครคดโกงมีแต่หายนะ ไม่ต้องรอชาติหน้า

อย่างไรก็ตาม ในตอนท้ายนายศิริโชคได้ตอบโต้กลับว่า สัญญาผิดพลาดที่มติ ครม.ชุดนี้ไม่เกี่ยวกับสัญญา เพราะมีการขยายเวลาตามมติ ครม.ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เรื่องการเกิดภัยพิบัติตามธรรมชาติ โดยไปตีความตามว่าขยายได้ ทั้งที่มติ ครม.เป็นแบบกว้างๆ ถ้าคิดว่าบริษัทไม่ควรได้รับการขยายเวลาก็สามารถทำได้ ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับสัญญาแต่อย่างใด


กำลังโหลดความคิดเห็น