xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ : แกนนำพันธมิตรฯ ร่วมวิพากษ์ วิภาษ “พล.ต.จำลอง ศรีเมือง” งานครบรอบ 77 ปี 7 เดือน 7 วัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพืิ่อประชาธิปไตย
งานปวารณาวิพากษ์ วิภาษ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในงานโพชฌังคาริยสัจจายุ (ฉลองครบรอบอายุ 77 ปี 7 เดือน 7 วัน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง) ซึ่งจัดขึ้นที่ชุมชนปฐมอโศก ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม ช่วงเวลา 14.30-16.30 น.วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ถ่ายทอดสดทางเอเอสทีวี ดำเนินรายการโดย อ.ปานเทพ พัวพงศ์พันธ์








ปานเทพ- ...เป็นผู้ที่ต้องฟังความเห็นให้มากๆ เพราะว่าท่านนี้เป็นเพื่อนรักลุงจำลอง ท่านนี้ถือเป็นเพื่อนที่โตมาตั้งแต่สมัยนักเรียน จนได้เรียนรู้ว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง วันนี้เป็นคนที่คิดนอกกรอบและเสียสละเพื่อเพื่อนอยู่เสมอ แม้กระทั่งในยามที่เป็นนักเรียนนายร้อย จปร. และท่านนี้จะมาพูดในสิ่งที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ไม่มีทางจะพูดโดยเด็ดขาด ต้อนรับเพื่อนรักอย่าง พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ครับ

พล.อ.ปรีชา- สวัสดีพี่ลอง วันนี้ขออนุญาตนะ

ปานเทพ- ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนะครับ จะขาดเสียไม่ได้เลยก็คือ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล หลายคนถามว่า คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่มาได้ยังไงในงานสำคัญขนาดนี้ ก็ปรากฏว่าคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งใจจะมา แต่บังเอิญลุงจำลอง ศรีเมือง ได้ห้ามปรามไว้ เพราะเห็นว่าเวลาชัดเจน กำหนดการก็ชัดเจน เคลื่อนขบวนมาครั้งนี้ถ้ามีสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยก็จะเสี่ยงต่อชีวิตของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล อย่างยิ่ง ดังนั้นจึงขอกราบอภัยอย่างยิ่งที่คุณสนธิไม่ได้มาในวันนี้ เพราะความปรารถนาดีของลุงจำลอง ศรีเมือง ที่มีต่อคุณสนธิ ลิ้มทองกุล

แต่ขาดเสียไม่ได้เลยก็คือ คุณสนธิ บอกว่า งานนี้ไม่พูดไม่ได้ ในงานสำคัญอย่างนี้ไม่พูดไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ก็เลยฝากผมได้ช่วยนำดีวีดีชุดหนึ่งที่เพิ่งอัดเมื่อวานนี้มาวิพากษ์วิจารณ์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นรายที่ 1 ตกลงมั้ยครับ ถ้าอย่างนั้นเราลองมาฟังเสียงหนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่วิพากษ์ลุงจำลอง ขอเสียงต้อนรับการเปิดคลิปวิดีโอจากคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ถึง พล.ต.จำลอง ศรีเมืองครับ

สนธิ- สวัสดีครับพี่ลอง วันนี้เป็นวันเกิดของพี่ลอง อายุ 77 ปี 7 เดือน แล้วก็ 7 วัน ซึ่งตรงกับเลข 7 หมดเลย เผอิญผมก็เกิดวันที่ 7 เหมือนกัน ผมก็ต้องถือว่าเลข 7 เป็นเลขที่เป็นสิริมงคล

ก่อนอื่น ท่านผู้ชมและท่านที่มาอยู่ในงานวันนี้ เดิมทีผมตั้งใจจะไปพูดถึงพี่ลองด้วยตัวเองบนเวที แต่ว่าความที่พี่ลองเป็นคนที่นึกถึงคนอื่นก่อนตัวเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันหนึ่งที่ผม ประเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง โทรศัพท์มาหาผมเมื่อวันศุกร์ สั่งผมเด็ดขาดเลย บอกว่าคุณสนธิ ห้ามมาเด็ดขาดนะ เหตุที่ห้ามมาเด็ดขาดก็เพราะว่ามีขบวนการตามล่าคุณยังอยู่ และเขาเตรียมตัว และอีกอย่างคุณออกมานอกกรุงเทพฯ แล้ว วิ่งออกมาเส้นสายนครปฐม แล้วก็ตัดเข้าสู่ปฐมอโศก มันมีโอกาสที่จะถูกวางแผนลอบทำร้ายได้ เพราะว่าคุณเป็นเป้าหมายอันดับ 1 ที่เขาต้องการให้ตาย พี่ลองก็ยืนยันและบอกว่า ไม่ให้มาๆ ผมก็เลยไม่มา แต่ว่ายังไงถึงไม่มาผมก็อยากจะต้องพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับพี่ลองที่ผมเคารพรักมาก ให้กับพี่ลองฟังเป็นส่วนตัว และในขณะเดียวกัน ก็จะได้ให้ท่านผู้ชมที่ชมอยู่ ตลอดจนท่านผู้ซึ่งมาในงานคล้าย 77 ปี 7 เดือน 7 วัน ของพี่ลอง ในวันนี้ ให้รับทราบว่าผมคิดยังไงกับพี่ลอง

พี่ลองกับผมรู้จักกันมานานแล้ว จริงๆ แล้วคนไม่รู้หรอก ตั้งแต่สมัยที่ท่านสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.จากวันนั้นเป็นต้นมา ผมก็ได้มีส่วนเกี่ยวพันกับพี่ลอง ไม่มากก็น้อย แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้มีความใกล้ชิดเหมือนกับยุคสมัยปี 2548 ปลายปี ที่มาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

ถ้าถามผม ผมยอมรับว่าตั้งแต่ 2548 จนถึงวันนี้ เป็นช่วงที่ผมรู้จักพี่ลองมากที่สุด แล้วทำให้ผมเข้าใจในตัวพี่ลองมากจริงๆ ทำให้ผมเคารพนับถือด้วยความจริงใจ พี่ลองเป็นคนในประเทศไทยไม่กี่คนที่ผมเต็มใจไหว้ แล้วก็ผมเคารพอย่างไม่มีเงื่อนไข

ทำไมผมถึงพูดเช่นนั้น เพราะว่า 8 ปีที่ผ่านมานี้ การอยู่ร่วม ทำงาน ร่วมอุดมการณ์ และความมีน้ำใจของพี่ลอง มันทำให้ผมเห็นว่าพี่ลองไม่ใช่รัฐบุรุษ เพราะรัฐบุรุษนั้นเป็นคนซึ่งทำงานให้ชาติบ้านเมือง เหมือนอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งต้องแยกท่านออกเป็นกรณีพิเศษ แต่ในสถานภาพอย่างพี่ลอง ผมเรียกพี่ลองได้เต็มที่ว่าเป็นมหาบุรุษแห่งประเทศไทย

คำว่ามหาบุรุษนั้น ไม่ได้เป็นการพูดเกินเลยความจริง คนที่ไม่รู้จักพี่ลองก็จะมองพี่ลองไปหลายรูปหลายแบบ มหากระบี่มื้อเดียว อาบน้ำวันละขัน คือของพวกนี้ฟังดูแรกๆ เหมือนกับเป็นเรื่องตลก แต่ถ้าดูไปเรื่อยๆ และเข้าใจพี่ลอง และสัมผัสตัวพี่ลอง ที่สำคัญคือต้องสัมผัสตัวพี่ลองจริงๆ ถึงจะรู้ว่าคำว่ามหามื้อเดียว หรืออาบน้ำขันเดียว จริงๆ แล้วมันเป็นวิถีชีวิตของพี่ลองในเรื่องของความพอเพียงและความสมถะ ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ จนทุกวันนี้พี่ลักษณ์ คือภรรยาพี่ลอง ยังตัดผมให้พี่ลองอยู่ และพี่ลองก็เป็นคนตัดผมให้พี่ลักษณ์ด้วย ผมคิดว่าลำพังแค่สามีตัดผมให้ภรรยา และภรรยาตัดผมให้สามี ผมถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ว่าพี่ลองมีอะไรที่ผมคิดว่าอยากให้สังคมไทยได้รับรู้ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่ลุ่มหลง หลงใหลกับการสร้างภาพ สังคมไทยเป็นสังคมที่ชอบของปลอม สังคมไทยเป็นสังคมที่ชอบการโกหกพกลม ยิ่งโกหกมากเท่าไร ยิ่งได้ดีมากเท่านั้น และนี่คือจริตของสังคมไทย

ผมรู้จักพี่ลองมา จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมไม่เคยเห็นพี่ลองไม่ได้คิดดีทำดีเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทุกอย่างที่พี่ลองคิด เป็นเรื่องดีทั้งนั้น และทุกอย่างที่พี่ลองทำ ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกันเพราะฉะนั้นแล้ว ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุด เพราะพี่ลองนี่ ผมเชื่อว่าทันทีที่ลืมตาตื่นมาตอนเช้า พี่ลองจะคิดดี และจะทำดี ตลอดเวลา ทำไมผมพูดเช่นนั้นได้ เพราะว่าสิ่งที่ผมสัมผัสกับพี่ลองมาตลอดเวลา 8 ปี ผมรู้ตลอดเวลาว่าพี่ลองคิดดี ทำดี ที่สำคัญคือพี่ลองหวังดีกับคน พี่ลองดูแล้วเหมือนพระโพธิสัตว์

อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้พี่ลองเป็นคนคิดดี ทำดี และทำให้พี่ลองเป็นอย่างพี่ลองทุกวันนี้ คือ พี่ลองเป็นคนปล่อยวาง การปล่อยวางนี่พูดง่ายกว่าทำ แต่พี่ลองทำให้เห็น คนที่เคยเป็นถึงเลขาฯ นายกรัฐมนตรี คนที่เคยเป็นผู้ว่าฯ กทม. แล้วในที่สุดมานอนกลางดินกินกลางทราย ต่อสู้ในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องและเป็นธรรม คนอย่างนี้ไม่ปล่อยวางได้อย่างไร เพราะว่าพี่ลองเป็นคนซึ่งไม่ยึดติดเลย ไม่ว่าจะเป็นลาภ จะเป็นยศ สรรเสริญ ไม่ต้องมาสรรเสริญพี่ลอง ไม่ต้องเอาลาภมาให้พี่ลอง ไม่ต้องติดยศให้พี่ลองเป็นพลเอก หรือให้พี่ลองเป็นโน่นเป็นนี่ พี่ลองไม่ต้อง เพราะพี่ลองคิดแต่เรื่องที่ดีๆ และทำแต่เรื่องที่ดีๆ

ทำไมพี่ลองถึงเป็นคนเช่นนั้น เพราะว่าพี่ลองเป็นคนที่รู้จักพอเพียง เป็นคนที่สมถะ ถ้าใครรู้จักพี่ลองดี หรือว่าสังเกตพี่ลอง จะเห็นชัดว่าชีวิตพี่ลองไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย เราเคยเห็นพี่ลองใส่เสื้อม่อฮ่อมยังไง จากวันนั้นหลายสิบปีมาแล้ว มาถึงวันนี้ พี่ลองยังเหมือนเดิม รองเท้าแตะ บางทีเดินเท้าเปล่า บางวันพี่ลองแต่งตัวดีหน่อย เพราะจำเป็นจะต้องไปโน่นไปนี่ ไปขึ้นศาล พี่ลองใส่รองเท้าหนังเป็นเรื่องราวใหญ่โตเลยนะ เป็นเรื่องราวใหญ่โตที่คนตกใจ เกิดอะไรขึ้นกับพี่ลอง เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่าความสมถะ ความพอเพียงของพี่ลอง เป็นอย่างนี้มานานแล้ว พี่ลองไม่ได้สร้างภาพว่าตัวเองสมถะ ตัวเองพอเพียง ตัวเองสมถะ พอเพียงในเรื่องการกิน ตัวเองสมถะพอเพียงในเรื่องเครื่องแต่งตัว และที่สำคัญตัวเองสมถะพอเพียงในเรื่องจิตใจ

อีกเรื่องหนึ่ง คำว่ากระบี่มื้อเดียว พี่ลองเป็นคนทานอาหารมื้อเดียว พี่ลองเคยรับประทานอาหารที่เอเอสทีวี ที่ออฟฟิศผู้จัดการ ผมเห็นพี่ลองทานจานเบ้อเร่อเลย ทานอาหารกับผัก มื้อเดียวแล้วพี่ลองก็อยู่ทั้งวัน พี่ลองไม่ทานเนื้อสัตว์ เหตุผลก็เพราะว่า 1. คงจะเป็นเพราะเรื่องสุขภาพ เรื่องที่ 2 ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ไม่เคยมีใครคิด พี่ลองไม่อยากเบียดเบียนสัตว์ เพราะเนื้อสัตว์จะมาได้ก็ต่อเมื่อต้องฆ่าสัตว์ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าถามว่านี่เป็นคน เป็นความคิด เป็นการกระทำของคนที่มีธรรมอยู่ในใจหรือเปล่า ผมบอกว่าใช่ แต่พี่ลองไม่เคยไปอวดอ้างอะไรทั้งสิ้นเลย และชีวิตที่ผมรู้จักพี่ลองมา พี่ลองยึดถือหลักธรรม ซึ่งเป็นหลักธรรมขั้นสูงของพระพุทธเจ้า เพราะพี่ลองยึดถือชีวิตคืองาน งานคือชีวิต ผมยังไม่เคยเห็นพี่ลองอยู่ว่างเลยสักเรื่องหนึ่ง พี่ลองยุ่งไปหมดเลย ถ้าไม่ทำโน่นก็ทำนี่ ตลอดเวลา พี่ลองไม่ได้นั่งเฉยๆ ถ้าพี่ลองรับปากใครแล้ว เรื่องอะไร พี่ลองจะทำทันที ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง อันนี้คือคนซึ่งใช้ธรรมนำหน้า ผมยังทำสู้พี่ลองไม่ได้ ถึงพยายามจะเลียนแบบตลอดเวลา เพราะฉะนั้นชีวิตพี่ลองมีแต่เรื่องงานๆๆ และที่สำคัญคือ เรื่องงานของพี่ลองไม่ได้ทำเพื่อให้ตัวเองรวย พี่ลองเป็นคนทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และไม่ใช่สังคมของโลกมนุษย์อย่างเดียวนะ รวมไปจนถึงสังคมของสัตว์ด้วย

พี่ลองเปิดร้านขายอาหารมังสวิรัติ จะกำไรสักกี่บาทกี่สตางค์ แต่พี่ลองต้องการเอามังสวิรัติเข้าสู่สังคมไทย ให้คนรู้ว่าในที่สุดแล้วการรับประทานมังสวิรัติจะเป็นเรื่องที่ดีต่อร่างกาย ไม่เชื่อลองถามพิธีกรรายการวันนี้ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ผมเชื่อว่า อ.ปานเทพ ก็ได้อิทธิพลส่วนหนึ่งมาจากพี่ลองเหมือนกัน ใครจะไปนึก คนอย่างพี่ลอง มีคนญี่ปุ่นชื่นชมในตัวพี่ลองมาก บริจาคเครื่องฟอกไตมาให้พี่ลองเป็นสิบๆ เครื่อง ให้ฟรี พี่ลองแทนที่จะเอาเครื่องฟอกไตมาแล้วไปคนโน้นคนนี้ ไม่มี พี่ลองคิดในรูปแบบสงสารคนที่เดือดร้อนจากโรคไต แต่ไม่มีเงินที่จะฟอกไต พี่ลองเลยตั้งศูนย์ฟอกไต ราคาไม่แพง ราคาถูกมาก ให้มนุษย์ทุกคน ไม่กีดกันว่าใครก็ตาม นี่คือการแก้ปัญหาทุกข์ยากของคน มันเป็นลักษณะเหมือนกับของพระโพธิสัตว์ ใครจะไปรู้ล่ะถ้าพี่ลองไม่พูดให้ฟัง ว่าพี่ลองเลี้ยงสุนัขจรจัดเป็นพันๆ ตัว พี่ลองเลี้ยงหมาที่คนเขาทิ้งแล้วเป็นพันๆ ตัว เฉพาะค่าอาหารอย่างเดียว เดือนหนึ่งเท่าไร

แล้วอีกเรื่องหนึ่ง พี่ลองเปิดศูนย์ล้างพิษตับที่โรงเรียนผู้นำ เพราะว่าหลักสูตรล้างพิษตับคือการทำให้คนเอาพิษจากร่างกาย จากตับ ออกไป แล้วพี่ลองคิดราคาแค่ 2,500 บาท กำไรไม่มีหรอกครับ คือขอให้ศูนย์นั้นอยู่ได้ คนที่ล้างพิษตับจากพี่ลองออกจากศูนย์ตรงนั้นผมว่าน่าจะถึงหมื่นแล้ว คนที่รอดชีวิต ทำให้สุขภาพดี เพราะการกระทำ ได้มาจากอานิสงส์ของพี่ลอง อันนี้คนไม่เคยรู้ แต่ผมจะเรียนให้ทราบ และพี่ลองยังสร้างโรงเรียนผู้นำ ตำรวจสมัยก่อน ทหาร จะเข้าคอร์สโรงเรียนผู้นำ สอนหลักธรรม สอนการเป็นผู้นำ สอนคุณธรรม สอนจริยธรรม หลายคนที่เรียนผ่านโรงเรียนผู้นำ คุณภาพชีวิตดีขึ้น ความคิดดีขึ้น แต่เผอิญความเป็น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พอการเมืองเปลี่ยน คนที่ไม่ชอบพี่ลองก็ไม่ให้ตำรวจ ไม่ให้ทหาร มาเรียนโรงเรียนผู้นำ จริงๆ แล้วโรงเรียนผู้นำยังมีประโยชน์มากกว่า วปอ. หรือ วปร. เสียอีก เพราะว่าโรงเรียนผู้นำคือการเสริมสร้างจิตวิญญาณให้คนเป็นคนดี ให้มีจิตสำนึก และตรงนี้เป็นสิ่งซึ่งพี่ลองเป็นคนทำ

อีกอันหนึ่งพี่ลองเป็นคนที่รักชาติ รักศาสนา รักพระมหากษัตริย์ อันนี้แทบจะไม่ต้องพูดเลย ไม่ต้องพูดเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะการกระทำของพี่ลอง ตั้งแต่พี่ลองเป็นทหาร ตั้งแต่ยศร้อยตรีขึ้นมา จนกระทั่งวันนี้ เป็นคนอายุ 77 ปี 7 เดือน 7 วัน ความรักชาติ ความรักศาสนา และความรักพระมหากษัตริย์ ไม่เป็นที่กังขาเลยแม้แต่นิดเดียว คบกับพี่ลองมา 8 ปี อันหนึ่งที่รู้ พี่ลองยึดถือความถูกต้องเป็นหลักชีวิต ความถูกต้องสำหรับพี่ลองต้องมาก่อน และพี่ลอง สำคัญมาก ผมเรียนรู้จากพี่ลองในเรื่องของความเท่าเทียมกันและความยุติธรรม พี่ลองบอกว่าความเท่าเทียมกัน หรือจะสู้ความยุติธรรม ความยุติธรรมต้องมาเหนือความเท่าเทียมกัน อันนี้ลึกซึ้ง เป็นหลักธรรมที่ลึกซึ้ง ลองคิดให้ดีๆ เหมือนกับคนที่ล้างพิษตับ คิวของพี่ลองเต็มหมด แต่พอผมบอกว่า พี่ลองครับ คนไทยมาจากอเมริกาเขาเข้าคิวไม่ได้ พี่ลองบอกว่า มาเลยๆ เดี๋ยวผมแซงคิวให้ เพราะว่าคนไทยที่อเมริกาเขาเป็นแฟนพันธุ์แท้พันธมิตรฯ เขาเสียเงินสนับสนุนส่งมาแล้ว อุตส่าห์บินมาจากทางไกล เราต้องให้ความยุติธรรมเขา พี่ลองเป็นคนเล่าให้ผมฟังเอง บอกว่าท่านพุทธทาสเคยพูดว่า ที่สวนโมกข์นั้นวันหนึ่งมีงานใหญ่ คนก็จะมางานกันเยอะ ท่านพุทธทาสก็จะบอกกับลูกศิษย์ท่านบอกว่า ให้ไปดูซิ ว่าใครก็ตามที่มาสวนโมกข์ประจำ เป็นคนมาปฏิบัติธรรมประจำ และเป็นคนที่ช่วยวัดประจำ ให้เขาเข้ามาก่อน ให้เข้ามานั่งแถวหน้า ส่วนคนที่มางานเพราะเขาได้ข่าวว่ามีงาน ให้เขาทีหลัง นี่คือความยุติธรรมต้องมาก่อนความเท่าเทียมกัน

แต่พี่ลองมีอยู่อย่างหนึ่ง อันหนึ่งซึ่งอยู่กับพี่ลองมา 8 ปี อย่างใกล้ชิด รู้เลยว่าพี่ลองเป็นคนยอมหัก ไม่ยอมงอ คำว่ายอมหัก ไม่ยอมงอ ฟังให้ดีๆ เหมือนกับพี่ลองเป็นเผด็จการ จริงๆ ไม่ใช่ พี่ลองไม่ใช่เป็นคนเผด็จการ ในที่ประชุมแกนนำ หรือที่ประชุมหลายแห่ง ที่ผมสังเกต ผมเชื่อว่าพี่พิภพ อ.สมเกียรติ แม้กระทั่ง อ.ปานเทพ ก็จะยืนยันได้ว่าพี่ลอง ในทางตรงกันข้ามกับข่าว หรือสิ่งที่คนเห็นว่าพี่ลองเผด็จการ ไม่ใช่ พี่ลองนี่เป็นนักประชาธิปไตยตัวยงเลย เพราะพี่ลองจะถามทุกคนหมด เรื่องนี้คุณสนธิว่ายังไง แล้วแต่คุณนะ คุณเอายังไงผมเอาด้วย พี่ลองจะถามแม้กระทั่งเด็ก พี่ลองจะถามว่าคิดยังไง แต่เมื่อถามแล้ว ประมวลแล้ว ทุกคนจะเอาอย่างนี้ พี่ลองจะบอกว่า พวกคุณเอายังไงผมเอาด้วย ซึ่งตรงกันข้ามกับลักษณะข่าวลือของพี่ลอง

สมัยที่เราร่วมชุมนุมกันใหม่ๆ คนจะกลัวพี่ลอง พี่พิภพก็จะกลัวพี่ลอง ทุกคนกลัวหมด กลัวว่าเดี๋ยวพี่ลองฮึดขึ้นมา บอกว่า เฮ้ย เดินไปชนมัน เกิดอะไรเกิดขึ้น พี่ลองกลับเป็นคนที่กลัวมากที่สุด กลัวมีเรื่อง กลัวประชาชนเดือดร้อน พี่ลองเป็นคนที่กลัวมากที่สุดเลย แต่ว่าถ้าอะไรก็ตามพี่ลองตกผลึกแล้ว เป็นปรัชญา เป็นความถูกต้องแล้ว อย่างเช่นเรื่องชาติบ้านเมือง พี่ลองจะบอกว่าเป็นไงเป็นกัน เป็นคนที่ยอมหักไม่ยอมงอ ผมจำได้ วันที่พี่ลองมาพูด ก่อนที่เราจะชุมนุม 158 วัน ประชุมกัน พี่ลองด้วยความที่เป็นนักประชาธิปไตย ก็เลยบอกว่า คุณสนธิ ผมนี่จะต้องออกไปประท้วงเรื่องดินแดนนะ แต่ถ้าคุณสนธิไม่เห็นด้วย ไม่เป็นไร ผมจะไปในฐานะส่วนตัว ผมบอก พี่ลองครับ ข้อแรก โดยพื้นฐานความใกล้ชิด ความรักเคารพกัน ในน้ำใจพี่ลอง ผมต้องไปกับพี่ลองอยู่แล้ว แต่ข้อที่ 2 สิ่งที่พี่ลองทำ ประท้วงเรื่องดินแดนของชาติบ้านเมือง เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ต้องทำ ผมยิ่งต้องการจะไปใหญ่ เพราะฉะนั้นแล้วพี่ลองไม่ได้ไปคนเดียว ผมไปด้วย นั่นคือที่มาว่าทำไมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งหมด แกนนำ ถึงตัดสินใจไปร่วมชุมนุม 158 วัน

แต่ความที่พี่ลอง ถึงจะเป็นหนึ่งในแกนนำที่ทุกคนฟังมากที่สุด แต่พี่ลองกลับจะบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ แต่ผมต้องไป เพราะผมเชื่อของผมอย่างนี้ เพราะผมต้องปกป้องชาติบ้านเมือง ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ชัดว่า พี่ลองไม่ใช่คนเผด็จการ พี่ลองเป็นคนที่น่ารักมากๆ แล้วคนไม่รู้ ลึกๆ แล้วพี่ลองเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก นี่ผมกล้าพูดเลย พี่ลองเป็นคนซึ่งมองอะไรไกล ไม่ได้มองแค่สั้นๆ แล้วสิ่งที่พี่ลองพูด ในอนาคต สิ่งที่มันจะเกิดขึ้น ถูกต้องหมด ไม่เคยผิดเลยแม้แต่เรื่องเดียว ผมจำได้ หลายเรื่องที่พี่ลองพูด แต่เผอิญพี่ลองใช้ธรรมในการมองการณ์ไกล พี่ลองไม่ได้ใช้กิเลสมอง

คนใจจริง จริงใจ แน่ ไม่แน่ คุณก็นึกดูแล้วกัน สมัยที่ทักษิณ ชินวัตร อยู่ เป็นนายกรัฐมนตรี บริษัทเหล้าบริษัทเบียร์ของเสี่ยเจริญจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ พี่ลองเห็นว่าการที่เอาบริษัทเหล้าบริษัทเบียร์เข้าตลาดหลักทรัพย์คือการมอมเมาคน จำได้มั้ย ชาวอโศกไปชุมนุมกันหน้าตลาดหลักทรัพย์ ไปปักหลักพักค้างเลย พี่ลองจะแสดงจิตวิญญาณความเป็นธรรม ข้อเท็จจริง หลักการ ความซื่อสัตย์ จริยธรรม คุณธรรม ออกไปโดยที่พี่ลองไม่รีรออะไรเลยแม้แต่นิดเดียว นี่คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง

อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด พวกเราชาวเอเอสทีวีทุกคน เป็นหนี้บุญคุณ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และชาวอโศก ตลอดจนพี่น้องพันธมิตรฯ ที่สนับสนุนเอเอสทีวี พี่ลองรู้ว่าผมเป็นคนปากหนัก พี่ลองเป็นคนพูดเองเลย ขึ้นเวที บอกว่าเอเอสทีวีลำบากนะ คุณสนธิเขาไม่พูด ผมพูดเอง ฝีมือพี่ลองทั้งสิ้น พี่ลองพร้อมจะออกโทรทัศน์ ลงเสียงให้บริจาคเอเอสทีวี พี่ลองเดินเรื่อง แม้กระทั่งบัญชีครั้งแรกที่ตั้งไว้ ก็เป็นบัญชีที่สาขาราชวัตรที่พี่ลองรู้จัก และพี่ลองเป็นธุระหมดเลย แม้กระทั่งสินค้าของสันติอโศก ปุ๋ยของ อ.ขวัญดิน อ.แก่นฟ้า พี่ลองบอกเลยกำไรจะแบ่งให้เอเอสทีวี จะให้เอเอสทีวี จนกระทั่งก็มีหลายคนที่อยู่ในชาวอโศกที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้ พี่ลองต้องไปชี้แจงให้ฟัง เพราะพี่ลองมองว่าเอเอสทีวีนั้นคือแหล่งที่จะเอาปัญญาออกไปเหมือนกับว่า เป็นเครื่องมือในการแสดงธรรม เพราะสิ่งที่พี่ลองทำ หรือชาวอโศกทำนั้น คือธรรมพระพุทธเจ้าชั้นสูงที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน นี่คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พวกเราซาบซึ้งกับพี่ลองมาก

แล้วพี่ลองแกเป็นคนที่น่ารักที่สุด แม้กระทั่งบางเรื่องที่พี่ลองตัดสินใจแล้ว เวลาพูดกับเรา พี่ลองยังใช้คำพูดที่น่ารักมาก คุณสนธิครับ มีเรื่องอย่างนี้ๆ นะ เขาบอกมาอย่างนี้ๆ นะ สุดแล้วแต่คุณสนธินะ เอาก็เอา ไม่เอาก็ไม่เอา ผมรู้เลย พี่ลองตัดสินใจแล้วเรื่องนี้ เมื่อพี่ลองตัดสินใจแล้ว ผมจะไม่มีวันที่จะปฏิเสธพี่ลอง รู้ไหมครับเพราะอะไร เพราะพี่ลองคิดดี ทำดี เพราะฉะนั้นสิ่งที่พี่ลองตัดสินใจ คือสิ่งที่พี่ลองคิดดีแล้ว และทำดีแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วผมยืนยันในที่นี่ว่า ตั้งแต่เกิดมา ผมพูดตรงไปตรงมาเลย ผมไม่เคยไว้ใจใครมากเท่ากับผมไว้ใจ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ความไว้ใจนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่พี่ลองตัดผมเกรียน ให้พี่ลักษณ์ตัดผม ทานมังสวิรัติ หรือแต่งตัว ใส่ม่อฮ่อมมาตลอดชีวิต นั่นเป็นแค่องค์ประกอบ แต่ที่ผมไว้ใจเพราะว่าจิตใจพี่ลองเป็นจิตใจที่สูงส่ง มีคุณธรรม เป็นจิตใจที่ปกป้องจริยธรรม เป็นจิตใจที่รักชาติ รักบ้านรักเมือง และจิตใจของพี่ลองเป็นจิตใจที่ไม่มีวาระซ่อนเร้นเลยแม้แต่เรื่องเดียว ใครก็ตามที่มีเรื่องกับพี่ลอง หาเรื่องพี่ลอง ไอ้นั่นในทางโลกต้องถือว่าเป็นคนที่เลวที่สุด ในทางธรรมพวกนี้กำลังทำบาปอยู่ เพราะพี่ลองเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ที่สุด วันเกิดพี่ลอง 77 ปี 7 เดือน 7 วัน อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ วันเกิดผมก็วันที่ 7 พฤศจิกายน เพราะฉะนั้นแล้ว วันนี้พวกชาวเลข 7 มาพูดกัน ผมไม่มีอะไรให้พี่ลองเลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่พี่ลองให้พวกผมตลอดเวลา คุณค่าตรงนี้ มันอธิบายไม่ได้ เพราะพี่ลองไม่ได้เป็นคนที่เน้นความสำเร็จ แต่พี่ลองเน้นคุณค่าของชีวิต คุณค่าของชีวิต คือทำอย่างไรที่จะให้ชีวิตมีค่ากับสังคม มีค่ากับคนที่อยู่รอบตัวเอง และที่สำคัญที่สุดมีค่ากับตัวเอง ถ้าถามผมวัตรปฏิบัติของพี่ลองยังเหนือกว่าพระไม่รู้กี่รูปที่บวชเรียนมา แต่ยังไม่มีความบริสุทธิ์เท่าพี่ลอง ผมคิดว่าพี่ลองเป็นคนที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่าพี่ลองเป็นคนมีสัจจะบารมี ผมเชื่อว่าพี่ลองพูดคำไหน พูดคำนั้น คนที่ตื่นตี 4-5 ลุกขึ้นมาสวดมนต์ไหว้พระ จากนั้นทำงานตลอดไม่หยุดเลย คุณสนธิ ผมอยู่เมืองกาญจน์ เดียวผมจะเข้ามาคุณ ผมมาได้ เดี๋ยวผมมาถึงจะเข้ามา แต่ผมอยู่ได้ไม่นานนะ เข้ามาพูดเรื่องโน้นนี้เสร็จ เดี๋ยวผมต้องไปแล้ว เดี๋ยวผมต้องไปทำอันนั้นต่อ พี่ลองไม่เคยหยุดอยู่นิ่ง และพี่ลองเป็นคนซึ่งจิตใจเมตตา กรุณา ผมอยากให้พนักงานเอเอสทีวีรู้ว่า มีอยู่หลายช่วงที่เราเดือดร้อนจริงๆ พี่ลองจะไปขนเงินสดมาให้เรา พี่ลองให้เรายืม แต่พี่ลองไม่พูดเลยเอามาจากไหน ผมรู้เอามาจากไหน ก็เอามาจากงานที่พี่ลองทำแหละ ขอยืมมาก่อน ขนเป็นแบงก์ใบละ 1,000 เป็นปึกๆ ยก คุณสนธิเอาไป โชคดีที่เราคืนหมดเแล้ว และพี่ลองก็เป็นคนที่น่ารักมาก คนที่นอน 2-3 ทุ่มทุกวัน ยกเว้นวันเดียวคือวันศุกร์ พี่ลองบอกผม คุณสนธิคุณรู้ไหม ทุกวันศุกร์ผมจะกลายเป็นคนที่นอนดึก เพราะว่าผมต้องอยู่รอดูคุณออกรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ วันนี้ก็ถือว่าโทษฐานที่ดูคุยทุกเรื่องกับสนธิ ก็เลยต้องทนดูคุยทุกเรื่องกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง สุขสันต์วันเกิดครับพี่ลอง

ปานเทพ- พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นะครับ แต่ยังไงก็แล้วแต่นะครับ ถ้าพูดถึงเรื่องทรงผม บังเอิญได้มีโอกาสสอบถามครั้งหนึ่งว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง บอกว่า ให้ป้าลักษณ์ หรือ พ.ต.(หญิง) ศิริลักษณ์ ศรีเมือง ช่วยตัดผมให้ แล้ว พล.ต.จำลอง ศรีเมือง บอกว่า ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องทรงผมเลย ผมก็สงสัยเป็นเพราะว่าอะไร เหตุผลเพราะว่าในขณะตัดผม ไม่มีกระจกส่องให้ดู เพราะฉะนั้นไม่มีคำถามและไม่มีข้อสงสัยอะไรทั้งสิ้น ตัดมาอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น และตัดได้ทุกเวลา สะดวกมาก เวลาเมื่อไรก็ได้ แต่ว่าการวิพากษ์ที่ลึกซึ้งขาดคนๆ นี้ไม่ได้ เพราะคนๆ นี้ให้ภรรยาตัดผมเหมือนกัน ตัดเมื่อไรก็ได้เหมือนกัน และข้อสำคัญ รู้เบื้องลึก เบื้องหลัง และความเป็นมาในช่วงชีวิตทั้งการเป็นนักเรียนและทหาร ในช่วงนี้จะขอการวิพากษ์จาก พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ครับ ขอเรียนเชิญครับ

พล.อ.ปรีชา- พี่ลอง ผมขออนุญาตนะวันนี้ ขออนุญาตแล้วนะ สิ่งที่คุณสนธิพูดถึงพี่ลองของผม ที่จริง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นนักเรียนรุ่นเดียวกับผม แต่ท่านอายุมากกว่าผม 1 ปี ท่านจึงเป็นทั้งเพื่อนและพี่ แต่ผมมีความรู้สึกกับท่านเป็นพี่มากกว่าเพื่อน ฉะนั้นทุกครั้งที่ผมเจอท่าน ผมจะไหว้ท่านเสมอ ไหว้ในความดีงาม ความเสียสละที่ท่านทำให้กับชาติบ้านเมืองมาตลอดชีวิต แล้วสิ่งที่คุณสนธิพูดถึงพี่ลองของผมนั้น 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นเช่นนี้จริงๆ เพราะน้องสนธิ ผมก็รู้จัก เป็นคนหัวแข็งเป็นบ้าเลย ไม่ยอมลงใครง่ายๆ หรอก เพราะฉะนั้นคน 2 คนมาเจอกัน แล้วเขารัก เคารพ นับถือกันอย่างจริงใจ เป็นผู้ที่ร่วมเป็นร่วมตายเพื่อชาติบ้านเมืองกันได้ ก็ถือว่าเป็นคุณของชาติท่ามกลางวิกฤตที่คนชั่วครองเมืองในขณะนี้

สำหรับผมแล้ว คิดว่าผมทำบาป ทำบาปอย่างมาก ที่ไปทำบาปกับพี่ลอง ให้พี่ลองต้องออกมากระโดดโลดเต้นเพื่อบ้านเพื่อเมือง ทั้งๆ ที่เขาควรจะมีความสุขสงบ ไปสู่วิถีแห่งความไปนิพพาน ซึ่งเขาประกาศแล้วเมื่อวานนี้ แต่ผมนี่ล่ะเป็นองคุลีมารที่เอาเขาออกมา เขาอยู่ที่โรงเรียนผู้นำดีๆ แล้ว เขาหันหลังให้กับการเมืองประเทศไทยไปแล้วเมื่อปี พ.ศ.2545 ไม่รู้กรรมเวรอะไรให้เราสองคนไปเจอกันที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว ในงานศพแม่ภรรยาของเพื่อนผมคนหนึ่ง แล้วเราก็ถกแถลงกันเรื่องบ้านเรื่องเมือง ผมบอก พี่ลองจะปล่อยขี้เอาไว้กลางเมืองอย่างนี้ไม่ได้ พรรคพลังธรรมแตกกระเจิงไปอยู่ตรงนั้นตรงนี้ เดี๋ยวก็ก่อความฉิบหายกับชาติบ้านเมือง พี่ลอง หัวหน้าพรรคเก่าต้องออกมา

พี่ลอง ไม่ แล้วผมก็พูดความหยาบ คำหยาบคาย ตามสันดานของผมที่จะเอาให้ได้ดั่งใจ กับพี่ลอง เพื่อนบอกว่า เอ๊ะ พี่ลองเมื่อคืนนี้ก็มาแล้ว ทำไมคืนนี้ยังมาอีก ปกติพี่ลองไปที่ไหน ไปคืนเดียว จริงหรือเปล่าพี่ลอง ในที่สุด เออ ตกลง จะออกมาเพื่อบ้านเมือง แต่มีข้อแม้นะ ชาต้องช่วยเรา นี่คือสัจจะวาจาของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่มีต่อกัน เพราะผมทำบาปไง ผมต้องสารภาพบาป แต่ผมก็เป็นคนที่ใช้ไม่ได้ พี่ลองพอรับปากกับผมแล้ว สิ่งแรกที่พี่ลองทำกับผม คือทดสอบผม พาผมไปราชธานีอโศกเมื่อปี 45 ขณะที่น้ำท่วมหลังคา ไปเจอพ่อท่าน ผมกระหยิ่มยิ้มย่อง กูเจอขุมทรัพย์ล่ะวะ ต้องการเอาชุมชนอโศกนี้มารับใช้ชาติบ้านเมือง ผมเป็นคนปรารถนาลามก พี่ลองก็ไม่รู้ คิดอยู่ในใจว่านี่คือขุมทรัพย์ ต่อมาภายหลังผมบอกแซมดิน บอกคุณแก่นฟ้า บอกคุณดำรง ต้องทำเอาต์เลตทุกจังหวัด ชุมชนชาวอโศกเมื่อถึงเทศกาลต่างๆ เอาของใส่กระเช้าไปให้ผู้ว่าฯ แล้วเทคโอเวอร์ผู้ว่าฯ เสียเลย พ่อท่านบอกแค่นี้อาตมาก็เหนื่อยอยู่แล้ว สาธุ

ชุมชนชาวอโศกเป็นชุมชนที่มีคุณภาพ พอพี่ลองไปทดสอบผม ไปกางกลดให้ผมนอน ที่นอน พี่ลองนอนบนเตียง เพราะว่าจะให้ผมไปนอนบนเตียง ผมไม่นอนแน่นอน ผมนอนข้างหน้าเตียงพี่ลอง พี่ลองกางกลดให้ผมนอน วันฝนตก พี่ลองบอก ชาๆ เขยิบเข้ามานะ เขยิบเข้ามา ผมถูกพี่ลองทดสอบในความยากลำบากหลายครั้งแล้ว ปุดโธ่พี่ลองเอ๊ย เรามันนักรบด้วยกัน มันหมูอยู่แล้ว เรื่องจะหลอกเอาพี่ลองมาใช้น่ะ สบายมาก แต่ไมได้หลอก ตั้งใจจริงๆ จะเอาพี่ลองและชุมชนชาวอโศกมารับใช้บ้านเมือง แล้วขณะนี้ผมก็สำเร็จ เพราะผมเจตนาร้าย ไม่ใช่เจตนาดีอะไร ไปที่ไหนจะเอาประโยชน์อย่างเดียว พ่อท่านก็คงจะรู้ทีหลัง เมื่อไม่นานมานี้ท่านบอก นี่ มาเข้าวัดถือศีล 8 ได้แล้ว ขอผลัดไว้ก่อนพ่อท่าน

พอพี่ลองออกมา ถามปรึกษาหารือกันว่าชาติบ้านเมืองต้องการอะไร ผมคิดในใจ สิ่งแรกที่เราต้องทำ เราต้องเอาชุมชนชาวอโศกเป็นพื้นฐาน ต้องสร้างเสริมคุณธรรมให้กับคนในชาติ คนเราถ้ามีคุณธรรมแล้ว เรื่องอื่นมันสบายมาก ใช่/ไม่ใช่ครับชุมชนชาวอโศก เพราะฉะนั้นผมจึงได้อาศัยแนวทางที่พี่ลองให้ไกด์แดนซ์ผมในการร่างแนวความคิดในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ผมเป็นคนร่าง ให้พี่ลองตรวจ แล้วผ่าน พล.ท.ปรีชา วรรณรัตน์ รองเลขาธิการฝ่ายการเมืองของทักษิณ ชินวัตร อนุมัติทันที แล้วพี่ลองก็ใช้พลัง พี่ลองนี่นะ แกเดินตีนเปล่า ไม่ใส่รองเท้า ไปโน่นไปนี่ เสื้อม่อฮ่อม แต่พลังทางการเมืองแกนี่โอ้โหสุดยอดจริงๆ สามารถลัดนิ้วมือเดียว อนุมัติแนวความคิดในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เสร็จเรียบร้อย พี่ลองไปบอกทักษิณ ตั้งศูนย์คุณธรรมทันที

พอตั้งศูนย์คุณธรรมปั๊บ ทำอะไรรู้มั้ย คิดว่าเราจะทำยังไงให้กระจายไปทั่วเรื่องคุณธรรม เอาวะ นั่งคิด นอนคิด แล้วก็ปรึกษาพี่ลองเรียบร้อย เอ๊ย เหมาะว่ะ คุณธรรมสร้างชาติ ทำเป็นสติกเกอร์ติดที่รถเมล์ เคยเห็นบ้างมั้ย ใครเคยเห็นยกมือหน่อยครับ มีคนเห็น เมื่อปี 45-46 กระมัง เดี๋ยวนี้ยังมีเหลือติดอยู่ ได้มาจากศูนย์คุณธรรมที่พี่ลองเป็นคนบอกให้ทักษิณตั้ง แล้วพี่ลองเป็นประธาน ผมเป็นกรรมการ คุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม และคุณนราธิป ที่พวกเรารู้จักดี เป็นกรรมการและเลขานุการ และที่สำคัญที่กำลังจะชิงผู้ว่าฯ กันก็คือ พล.ต.อ.เสรีฯ เตมียาเวส ตอนนั้นเป็น สบ 10 เป็นจเร มาเป็นกรรมการ และอีกหลายๆ คนรวมทั้งคุณหญิงทิพาวดี ด้วย หลายๆ คน เราก็คบคิดทำ แม้จะถูกไล่ออกจากบ้านพิษณุโลก เพราะมันเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็ไม่ว่าอะไร ก็มาเช่าอยู่แถววิภาวดี ก็เป็นอันว่าเรามีศูนย์คุณธรรมเพราะพี่ลอง ทำมานานแล้ว พี่ลองทำเรื่องนี้มานานแล้ว แล้วก็อาศัยชุมชนชาวอโศกนี่ล่ะ ต่อไปเรื่องศูนย์คุณธรรม เราทำแล้ว เรื่องคุณธรรมสร้างชาติ สติกเกอร์เราทำแล้ว เคลื่อนไหวในชุมชนต่างๆ เราทำแล้ว โดยอาศัยชุมชนชาวอโศกนี่ล่ะเป็นแก่นแกนไปทั่ว นี่คือเรื่องไม่อยากจะให้เสียเวลาว่าเราทำอะไรกับพี่ลอง

ต่อมา พี่ลองบอก เฮ้ย เดี๋ยวไปเชิญสมศักดิ์ เทพสุทิน ตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาหาพวกเราดีกว่า ตอนนั้นคุณแซมดิน คุณดำรง ใครต่อใครอยู่ แล้ว อ.ชนวน ก็นั่งอยู่ พูดกันถึงเรื่องเกษตรอินทรีย์ เอาวะ ร่างคำสั่งกระทรวงเกษตรฯ เลย พี่ลองให้แนวทางมา ชาไปร่างคำสั่งกระทรวงเกษตรฯ เรื่องเกษตรอินทรีย์มา ผมก็ร่าง ทหารนี่นะ แต่อย่าลืม รู้ทุกเรื่อง เพราะโตมาจากลูกชาวนา ก็ร่างคำสั่งกระทรวงเกษตรฯ เรื่องเกษตรอินทรีย์ สมศักดิ์บอก ดีใจเลยพี่ พี่มาช่วยผม ผมก็สบายสิ แกเซ็นทันที ร่างบ่าย รุ่งขึ้นพี่ลองเอาไปให้ที่กระทรวงเซ็นทันทีเลย อ.ชนวน นั่งอยู่ด้วย ใครต่อใคร แม้แต่พวกเรา ดำรง แซมดิน แล้วท่านสมณะอะไร .. อ.เสริมสิน ก็เป็นกรรมการเกษตรอินทรีย์อยู่ด้วย ทำกันมา ก็แพร่กระจายไป จนมาในที่สุด พี่ลองเขาเป็นนักเกษตรตัวยง เย็บกระทงไม่มีใครสู้แกได้ในเรื่องนี้ แต่แกเป็นนักเกษตรตัวยง ปลูกเกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติที่หนองปรือ มาอยู่ให้กับคนในกรุงเทพฯ ให้กับร้านมังสวิรัติในกรุงเทพฯ ท่านเป็นคนปลูก มืองี้ด้านเชียว

จนมาที่สุด แพร่กระจายมา ตัดตอนไม่ให้เสียเวลา มาเป็นปุ๋ยอินทรีย์ขวัญดิน เพราะฉะนั้นในช่วงเวลานี้ก็จะสรุปว่า พี่ลองทำเรื่องเหล่านี้มานานแล้ว ในการปฏิรูปชาติบ้านเมือง ที่สำคัญอย่างยิ่งคือเรื่องคุณธรรม จริยธรรม โดยอาศัยพื้นฐาน ผมนี่มีความแฝงเร้น อาศัยพื้นฐานจากชุมชนชาวอโศกมาในการสร้างคุณธรรมให้คนในชาติ เวลานี้ได้ผลมาก มากขึ้นๆ ที่พี่ลองทำ

เรื่องต่อมาที่ชุมชนชาวอโศกและพี่ลองร่วมกันทำอย่างยิ่งคือปุ๋ยเกษตรอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์ เวลานี้เราปฏิรูปสิ่งจำเป็นในชีวิต พื้นฐานชีวิตของคนในชาติที่เป็นเกษตร ให้ไปสู่สภาวะแวดล้อมที่ดี ไม่มีพิษภัย ไม่มีสารพิษ และฟื้นชีวิตของดินขึ้นมา แล้วเมื่อดินฟื้นชีวิตจากปุ๋ยอินทรีย์แล้ว ต่อไปชาวนาจะไม่ต้องใช้เงิน เกษตรกรไม่ต้องใช้เงิน เพราะวงจรชีวิตโซ่อาหารตามธรรมชาติจะเกิดขึ้น ผมขออภัย ที่นี่ไม่ได้บริโภคสัตว์ แต่ว่าทั่วไปยังบริโภคอยู่ กุ้ง หอย ปู ปลา ในแม่น้ำลำคลอง ในท้องนา ก็จะเกิดขึ้น แล้วเขาก็จะมีอาหารฟรีกิน ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติเดิมๆ สมัยผมเด็กๆ ที่เห็นมา ซึ่งไปอยู่กับปู่กับย่า เพราะฉะนั้นเรากำลังทำสิ่งที่ให้สิ่งแวดล้อมกลับมาสู่ธรรมชาติ แล้วสิ่งที่เป็นธรรมชาติก็จะเกิดมา แล้วก็จะมาเลี้ยงคนในชาติ โดยที่อาจจะไม่พอเพียงแต่ก็ไม่แพง และไม่อัตคัต อาจจะไม่ฟรีเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็จะอุดมสมบูรณ์ขึ้น สิ่งแวดล้อมที่ดีๆ จะกลับคืนมา เมื่อสิ่งแวดล้อมดีๆ กลับคืนมา คุณธรรมของคนในชาติดีๆ กลับคืนมา บ้านเมืองเราจะอยู่มีความสงบสุข และเวลานี้พี่ลองยังปรับเรื่องสุขภาพ ล้างพิษตับอีก คือปรับเรื่องสุขภาพอีก เพราะฉะนั้นชีวิตของผมมีม็อตโตอยู่ว่า คนเราจะเอาชนะชีวิตที่เกิดมาได้นั้น ต้องเป็นคนที่มีคุณภาพ ถึงจะรักษาชาติได้ คนที่มีคุณภาพรักษาชาติได้คืออะไร ต้องประพฤติดี ต้องสุขภาพดี และต้องไม่มีหนี้สิน ถ้า 3 อย่างเจอะกันเมื่อไร คนไทยมีคุณภาพทุกคนแล้ว เราแบกชาติ ไอ้คนชั่วไม่มีที่ยืน

เวลานี้เราทำไปเรื่อย ไปเรื่อยๆ เรามีคนประมาณ 2-3 เปอร์เซ็นต์ของคนในชาติ ที่ได้ผ่านกระบวนการของเราไปทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว คนเหล่านี้จะเป็นกองทัพให้เราที่เข้มแข็ง คนที่คิดดี ทำดี เสียสละ ไม่มีหนี้ สู้ยิบตา เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำมาในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่ผมกับลุงจำลอง พี่ลองสุดที่รักของผม มาถึงวันนี้ ทุกเวลานาที ชาติบ้านเมืองมีแต่ได้ แข็งแรงมากขึ้น ความดีเติบโตขึ้นๆ เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวไอ้คนชั่วที่ครองเมืองอยู่ มันจะไม่มีที่ยืน

ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้เป็นแต่เพียงสรุป และผมสัญญากับพี่ลองเสมอ สัญญาลูกผู้ชาย เราไม่ต้องพูด ถึงเวลาวิกฤตผมกับพี่ลองเจอกันเสมอ ถึงเวลาวิกฤตที่สุดของชาติ พี่ลองกับผม เจอกันเสมอ เพราะฉะนั้นชาติบ้านเมืองของเราโชคดีที่เรามีคนอย่างพี่ลองเกิดมาเพื่อทำให้กับชาติบ้านเมือง และพี่ลองก็โชคร้ายที่มีผมเป็นเพื่อน ที่ทำให้พี่ลองต้องเดินขึ้นโรงขึ้นศาล เนี่ย ผมเสียใจตรงนี้พี่ลอง แต่ผมเชื่อว่าธรรมะชนะอธรรมเสมอ พี่ลองของผม และแกนนำ น้องๆ ที่อยู่ข้างบน รวมทั้งน้องสนธิด้วย จะปลอดภัย และเราจะมีชาติอยู่ในกำมือของเรา ในไม่ช้า ขอบคุณครับ

ปานเทพ- ในที่สุด พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็ต้องมาแสดงความเห็นเล็กน้อยนะครับ

พล.ต.จำลอง- อ.ปานเทพ และท่านผู้ชมครับ ผมขอเรียนว่า ท่าน พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นั้น ไม่เชิงเป็นคนรุ่นเดียวกับผม เพราะท่านจบเป็นนายทหาร ติดยศ ติดดาบก่อนผม 3 เดือน ท่านได้รับพระราชทานกระบี่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนผมจบหลังท่าน 3 เดือน แล้วต้องไปรับกระบี่จากรองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อย เพราะฉะนั้นท่านเหนือกว่าผมเยอะเลย อีกอย่างหนึ่ง ท่านเป็นพลเอก และผมเป็นแค่พลตรี ผมอยากจะเรียนท่านว่า ผมจะต้องใช้ท่านอีกแล้ว ใช้อะไรรู้มั้ย อยู่เมืองกาญจน์ มีคนๆ หนึ่งอยู่ดีๆ ก็มาหาผม มานี่ก็เจอ ที่อยู่เมืองกาญจน์ จำได้ชื่อคุณจรงค์ ส่วนที่นี่ชื่อคุณอารีวรรณ ทำไมรู้มั้ย ไม่รู้จักหรอกนะ 2 คนนี้ ให้เงินผมมาคนละหมื่น ให้เอาไปไล่เขมร เพราะฉะนั้น ปรีชาต้องไปไล่เขมร 2 หมื่นนะครับ

ปานเทพ- แหม คนก็เลยไม่เข้าใจนะครับว่า พล.ต.จำลอง ทำไมถึงมารับ จบช้ากว่า พล.อ.ปรีชา 3 เดือน พล.อ.ปรีชา จะเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น

พล.อ.ปรีชา- ก็ยอมหักไม่ยอมงอ เห็นรุ่นพี่เขาจัดหนังเพื่อเก็บรายได้เข้ามาบำรุงดนตรี หรืออะไรทำนองนั้น ให้กับโรงเรียนนายร้อย สมัยนั้นจอมพลสฤษดิ์ ท่านถูกนักเรียนนายร้อยกวนเรื่อย ไอ้เราก็จัดหนังเข้าไปกวนท่าน ท่านก็สั่งห้าม บังเอิญมาห้ามตอนรุ่นเราพอดี พี่ลองก็บอกจัดแล้วก็จัดเลย งั้นก็ไม่เลิก เมื่อเป็นเช่นนั้นขัดคำสั่งจอมพลสฤษดิ์ คิดดูก็แล้วกัน คนขนาดนี้มีคนเดียวขัดคำสั่งจอมพลสฤษดิ์

ปานเทพ- นี่แสดงว่าอารยะขัดขืนไม่ได้เพิ่งมาทำตอนนี้

พล.อ.ปรีชา- ทำมานานแล้ว

ปานเทพ- ทำตั้งแต่เป็นนักเรียนกับจอมพลเสียด้วยซ้ำไปนะครับในยุคนั้น

พล.อ.ปรีชา- แกเกิดมาเพื่อเดินชนต้นมะพร้าว แล้วสุดท้ายนี้ผมต้องกราบนมัสการพ่อท่านครับ ผมต้องสารภาพทุกอย่าง ถึงแม้ท่านจะรู้เท่าทันผม ผมก็ต้องกราบสารภาพว่าผมได้บังอาจอาศัยบารมีท่าน ลูกๆ ของท่าน รวมทั้งพี่ลองของผม ไปทำเพื่อชาติบ้านเมือง จนท่านต้องออกไปประท้วงบนถนนหลายหนหลายคราว ก็ผมนี่ล่ะ ขอสารภาพบาปด้วย โทษกรรมทั้งหลายที่ผมกระทำต่อพ่อท่าน ต่อพี่ลอง ผมยินดีรับทั้งหมด และไม่ปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้น ขอบคุณครับ

ปานเทพ- เดี๋ยวเราจะมาอีกสักรอบหนึ่งในช่วงที่ 2 นะครับ แต่ว่าช่วงแรกนี่มาฟังความเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ทั้งลุงจำลอง กับชาวอโศก ในทัศนะของอีกท่านหนึ่ง ซึ่งช่วงหลังก็มาใช้วิถีธรรมชาติบำบัดกับชาวอโศก และคงจะเตรียมข้อมูลมาเยอะ เพราะดูเอกสารท่านเยอะมากบนโต๊ะขนาดนี้ ขอฟังความเห็นจากท่าน อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ครับ

สมเกียรติ - นมัสการพระคุณเจ้า ท่านสมณะ ท่านพ่อท่าน ท่านสิกขมาตุ ขอคารวะแด่พี่น้องประชาชนทุกท่านครับ ผมเคยมาสันติอโศก แล้วมาที่ปฐมอโศก เคยมาพูดเมื่อ 10 ปีก่อน มาพูดประมาณ 2 ครั้ง มาพูดกับคนที่อยู่บางจาก ได้รับรางวัลแมกไซไซด้วย ผมเคยมาพูดที่นี่ มาคราวนี้ผมต้องย้อนหลังชีวิตผมว่า เคยเชิญ พล.ต.จำลอง ไป ลุงจำลอง ไปที่วิทยาลัยครูนครราชสีมา หรือมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และก่อนหน้านั้นผมเคยสนใจเรื่องยังเติร์ก เพราะว่าผมยุ่งกับการเมือง ยุ่งกับการเมืองภาคประชาชน แล้วผมก็ไปตั้งสมัชชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสานในปี 2534 สมัชชาคนจน 2535 สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ ที่เชียงใหม่และเชียงราย แล้วก็สมาพันธ์ประมงพื้นบ้านภาคใต้ ผมเคลื่อนไหวมาจนรู้ว่ายังเติร์กคืออะไร ผมสนใจชีวิตของมหาจำลองมาก

ผมจะเล่าเรื่องยังเติร์ก พอดีผมมีเอกสารมา ขอโทษลุงด้วยนะ ผมอ้างอิงเอกสารหน่อย ยังเติร์ก กลุ่มทหารหนุ่ม ผู้นำสำคัญในกลุ่มนี้คือ พ.อ.มนูญ รูปขจร พ.อ.ชูพงษ์ มัทวพันธ์ พ.อ.ปรีดี รามสูตร พ.อ.ชาญบุญ เพ็ญตระกูล พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร และ พ.อ.จำลอง ศรีเมือง แล้วก็ขยายไปถึงทหารรุ่นเด็กที่กุมกำลังกองพันไว้ รวม 12 คน ผมสนใจว่าทหารยังเติร์กเขาต้องการอะไร เขาต้องการผู้นำกองทัพแบบใหม่ที่มือสะอาด ต้องการสร้างกองทัพมาใหม่ด้วยการเมือง การเมืองต้องมีการปรับปรุง พวกนี้ไม่ชอบนายทุน แล้วก็ไม่ต้องการเห็นความแตกต่างระหว่างเมืองกับชนบท ไม่ต้องการกอบโกยผลประโยชน์จากนักการเมือง กลุ่มนี้สนับสนุน พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ให้ยึดอำนาจจากธานินทร์ กรัยวิเชียร พอยึดอำนาจเสร็จ เกรียงศักดิ์มาดำรงตำแหน่ง กลุ่มนี้ก็ล้มเกรียงศักดิ์ลงอีก แล้วชูเปรมขึ้นมา ผมแอบถาม พล.ต.จำลอง ว่า ลุงกับ พ.อ.มนูญ และคนอื่นๆ ใช่มั้ยที่บีบให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ลาออก ลุงไม่ตอบผม แต่ผมไปเปิดกูเกิลดู ท่านบีบให้ออกจริงๆ เพราะฉะนั้นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ถูกบีบให้ออกจริงๆ คือจากกลุ่มยังเติร์ก คนแรก คนที่ 1 พอมาคนที่ 2 คนแรก พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ พอมาคนที่ 2 พล.อ.สุจินดา คราประยูร นี่ผมจะเล่ามากหน่อย เพราะผมเกี่ยวข้องด้วย คนที่ 3 คือทักษิณ ชินวัตร อันนี้ไม่ต้องเล่า เพราะพี่น้องเคลื่อนไหวแล้ว คนที่ 4 สมัคร คนที่ 5 สมชาย คนที่ 6 ยิ่งเละ

เพราะลุงจำลองบอกว่าเป้าหมายเบื้องต้นจะไล่ยิ่งลักษณ์ด้วย ทำไมผมพูดอย่างนั้น ผมลงทุนจดเมื่อลุงได้ออกหนังสือพิมพ์แนวหน้า ลุงบอกว่า ดังนั้นขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ฟังไว้ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือนายกฯ หุ่นเชิดคนที่ 4 หากจะดำรงตำแหน่งต่อไปคงทำได้ยาก เพราะพันธมิตรฯ มาแล้ว

พล.ต.จำลอง ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลอย่าถอน พ.ร.บ.ปรองดอง ดังกล่าวออก เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ จะสู้จนถึงที่สุด และจะสู้ให้ชนะ เป็นอย่างไรก็เป็นกัน การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ผ่านมาสามารถล้มรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ สมัคร สมชาย ลงได้ แล้วทำไมจะล้มรัฐบาลนี้ไม่ได้
ผมถามอีกว่า ลุงจะไล่ใช่มั้ย ลุงก็ไม่ตอบ แต่ผมเอาจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า 30 พฤษภาคม 55 วันที่เราไปล้อมรัฐสภา พอผมมาคิดอย่างนี้ ผมคิดเสมอว่า ลุงจำลองต้องมีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจ ผมจึงเชิญลุงจำลองไปที่วิทยาลัยครูนครราชสีมา ในสมัยอธิการบดีคนหนึ่ง ผมยังจำคติประจำใจของลุงจำลองได้เลย "กินน้อย ใช้น้อย ทำงานให้มาก ที่เหลือจุนเจือสังคม" ผมจำได้เลย ผมท่องจำมาตั้งแต่ปี 2530 กว่า เพราะว่าผมเห็นเบื้องหลังของลุงจำลอง ผมต้องบอกว่าชีวิตมันมีเบื้องหลัง เบื้องหลังที่สำคัญที่สุดคือพ่อท่าน เดี๋ยวผมจะเล่าด้วย วันนี้เป็นวันวิพากษ์นะ ผมขออนุญาต แล้วก็ พ.ต.(หญิง) ศิริลักษณ์ ผมเคยต่อสู้มาตั้งหลายครั้ง มาสะดุดอยู่ที่เราจะไล่สุจินดา ในวันนั้นกลุ่มประชาชนยังได้เตือนและความเห็นเชิงขอร้องว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จะต้องแปรสถานการณ์สู่การขยายฐานมวลชนร่วมต่อสู้กว้างขวางยิ่งขึ้น คนที่ทำการเช่นนั้นได้ ก็มีแต่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ผู้เป็น ส.ส.และอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เท่านั้น เขาคิดถึงลุงจำลองคนเดียวเท่านั้น นี่เป็นบันทึกพฤษภาฯ 35 นะ

พอวันรุ่งขึ้น ผมก็ไปประชุม เขาเสนอตั้งลุงจำลอง ศรีเมือง เป็น 1 ใน 7 แกนนำ และผมก็ได้รับเสนอชื่อด้วย พอดีผมเป็นอาจารย์ และเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยครู ผมไม่เป็น เพราะผมเอามวลชนมามากที่สุดในวันนั้น สามารถโหวตแล้วได้เป็นกรรมการ 1 คน แต่เขาไปขอร้องให้ลุงจำลองรับตำแหน่งประธาน พล.ต.จำลอง บอกว่าไม่รับ แต่จะขอเป็นกรรมการ 1 ใน 7 คนเท่านั้น แสดงให้เห็นว่า พล.ต.จำลอง รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมเห็นหนังสือลาตายของท่านนะ ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2535 ผมไม่อ่านล่ะครับ มัน 3 หน้ากระดาษ ท่านเขียนยาวมาก แต่ผมจะอ่านว่าท่านได้ฉายามจากประโยคนี้ หนังสือของท่าน ท่านได้ฉายาว่า "ม้วนเดียวจบ"

ท่านบอกว่า แต่ผู้ที่จะมาสู้เพิ่มเติมต่อไปนั้น ต้องใช้วิธีเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในระยะเวลาอันรวดเร็วภายใน 2-3 วันนี้ จึงจะได้ผล หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวว่าท่านจะมาม้วนเดียวจบ พอมายึดทำเนียบฯ ปั๊บ ผมบอกม้วนเดียวจบ แต่ยึด 193 วัน ด้ายสายสิญจน์ยาวเหลือเกิน ไม่ม้วนเดียวจบ แสดงว่าทักษิณก็มีอะไรดีเหมือนกัน

เมื่อผมไปคุยกับหญิง หรืออำภา บอกว่า หญิง ช่วยพาผมไปพบลุงจำลอง กับป้าศิริลักษณ์หน่อย ผมจะไปพบเขา กว่าจะพบได้ยากมาก ผมไปพบกับคุณบำรุง คะโยธา คนที่มาเป็นวิทยากรเราบ้างเมื่อเราไปที่ศาล ผมไปพบลุงจำลองที่บ้าน เพื่อให้ลุงมาต่อสู้เรื่องที่ดิน เรื่องหนี้สินของชาวนา ชาวนาจากอีสานมาเดินขบวนที่ปากช่องกันจำนวนหลายหมื่นคน ผมบอกว่า ลุงช่วยสักครั้งเถอะ เพราะผมรู้ว่าลุงมีพลังพิเศษ ที่จะไปสู้เขาได้ แต่ลุงก็บอก .. บอกยังไงผมไม่เล่าดีกว่า บอกว่า "เอาไว้ก่อน" ผมพยายามแล้วนะ เอาไว้ก่อน ผมนึกถึงคนที่ผมเคยเชิญไปวิทยาลัยครูนครราชสีมา ตอนที่ผมเป็นอาจารย์ ท่านก็พูดว่า กินน้อย ใช้น้อย ทำงานให้มาก ที่เหลือจุนเจือสังคม ผมต้องการจะสู้ให้ชาวนา แต่แล้วท่านก็ยังไม่มา ไม่ใช่ท่านไม่มานะ ท่านยังไม่มา นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกพฤษภาฯ ทมิฬ เขาบอกว่ามีแต่ พล.ต.จำลอง เท่านั้นที่จะช่วย เรืออากาศตรี ฉลาด วรฉัตร ให้ไม่ตาย แล้วก็ต่อสู้กับสุจินดา แล้วมาครั้งที่ 2 การที่ผมคุยครั้งที่ 3 ผมคุยที่บ้านพักวิทยาลัยครูนครราชสีมา 3 คน คุยกับสุวิทย์ วัดหนู ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว คุยกับคุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ พี่ไชยวัฒน์ก็มาปรึกษาหารือกับผมว่า เอ๊ะ ทำยังไงจะหาทางให้ลุงจำลองมาช่วยพวกเราได้ พวกเรานี่หมายถึงพันธมิตรฯ นะ ทำ 108 วิธีเลย ไปสันติอโศก พอดีมีคุณหญิงสุดารัตน์ ไปนั่งรอตอนตี 1 ตี 2 ไม่ให้เราเข้าไป ไม่ให้เราไปพบ เราไปพบกับ พล.อ.อ.ท่านหนึ่ง ชื่ออรุณ พร้อมเทพ ให้ไปพบ หาให้ได้ เพราะท่านเป็นคนเปิดขวดแล้วให้ทักษิณออกมา ท่านจะต้องมาจับทักษิณกลับขวด เข้าขวดคืนนะ ผมคิดอย่างนี้ แล้ว พล.อ.อ.อรุณ พร้อมเทพ ก็สนับสนุน ผมคุยกันตั้งนาน ในที่สุด พล.ต.จำลอง หรือลุงจำลองของเรา ก็ยังไม่มา แล้วไปแถลงข่าวว่า ดร.ทักษิณ ครับ เสียภาษี 26,000 ล้านนะครับ ผมก็บอกว่า เอ๊ะ ทำไมลุงไม่มา ตอนหลังอีก 2-3 วัน ท่านให้ หรือไม่ให้ ผมไม่รู้ นายแพทย์เหวง คนที่เคยเกลียดทักษิณมากๆ เดี๋ยวนี้รักทักษิณสุดจิตสุดใจเลย พล.ต.จำลอง ร่วมต่อสู้กับพันธมิตรฯ แล้ว ผมพบว่า ผมเริ่มคิดทันทีว่า ชัยชนะต้องเป็นของเราแล้วเมื่อ พล.ต.จำลอง มา แสดงให้เห็นว่า 3 ครั้งที่ผมพยายามคุยกับ พล.ต.จำลอง และเพื่อนที่เคยทำงานร่วมกับเขา ผมเห็น พล.ต.จำลอง เท่านั้นที่จะมานำทัพ และผมเชื่อมาก มาถึงตอนนี้ว่า นำทัพก็เก่ง วางแผนก็เก่ง แล้วทำอะไรก็เก่งหมด ผมถึงจะบอกว่า ท่านมีเบื้องหลังอะไรในชีวิตบ้าง

คนแรกที่ผมจะพูดถึง ท่านมีเบื้องหลังกับคุณป้าศิริลักษณ์ 3 ครั้ง ที่ผมอ่านเอกสารมานะ ผมค้นคว้ามา ผมเตรียมตัว 3 วันนะเนี่ย อ่านหนังสือทั่วเลย อ่านหนังสือ ครั้งแรกคุณป้าศิริลักษณ์ ในปี 2510 กว่า สิบเท่าไรไม่ทราบ 13 หลังจากพ่อท่านบวช คุณลุงจำลองบอกว่า เพราะคุณศิริลักษณ์ได้ข่าวว่าพ่อท่านอยู่ที่สันติอโศก น่าสนใจมาก เพราะท่านบวชเพื่อตัดกิเลส ออกมาบวช อันนี้ท่านมีเบื้องหลังที่ดี แนะนำให้ พล.ต.จำลอง มาพบพ่อท่าน แต่ พล.ต.จำลอง กว่าจะมาพบได้ต้องไปหัดกิน หรือฉันมังสวิรัติก่อน ไปกินมังสวิรัติปี พ.ศ.2517 ถึงปีนี้ กี่ปีแล้วครับ หลายปีแล้ว แล้วท่านมาเข้าวัดเมื่อไร ผมก็ต้องอ้างอีกล่ะครับ พ่อท่านได้กล่าวว่า คุณจำลองมาสันติอโศกตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 ถ้อยทีถ้อยอาศัย ทำอะไรออกไปเขาจะแปะชื่อคุณจำลองอยู่ติดกับสันติอโศก คุณจำลองเป็นที่ยอมรับนับถือในประเทศไทยมิใช่น้อย สันติอโศกก็ได้อาศัยคุณจำลองนำพาสันติอโศกก้าวไปข้างหน้าได้บ้าง แสดงว่าพลังของสันติอโศกเป็นที่รู้จักกันจาก พล.ต.จำลอง ด้วย พ่อท่านด้วย เป็นบุคคลสำคัญ นี่คือพลังของ พล.ต.จำลอง อย่างที่ 4

คุณป้าศิริลักษณ์ยังแนะนำให้ลุงขายปุ๋ยเอเอสทีวีขวัญดิน นี่คุณป้าศิริลักษณ์แนะนำนะ ผมอ่านเลยดีกว่า เขาเป็นแนะนำที่ให้ขายปุ๋ยให้เอเอสทีวี ลุงจำลองตอบว่า อนาคตเอเอสทีวีจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญแล้วที่เขามาลงทุนลงแรงเยอะเหลือเกิน เขาเจ๊งเป็นเจ๊ง แล้วเจ๊งจริงๆ เจ๊งมาเยอะแล้ว คุณศิริลักษณ์จึงแนะนำผมให้ขายปุ๋ยให้เอเอสทีวี เขาแนะนำ แล้วพลังปุ๋ยนี่เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มาก ผมไม่สามารถตอบได้ว่าตอนนี้ลุงให้เอเอสทีวีเท่าไร แต่ผมคำนวณว่าถึงร้อยล้าน ผมอาจจะคำนวณผิดก็ได้นะ ผมว่ามันหลายล้าน

ทีนี้เบื้องหลังอีกอันหนึ่งก็คือ สิ่งที่ท่านยืนยันเมื่อคืนนี้ว่า ท่านไม่สามารถที่จะรับเงินส่วนต่าง ส่วนเกินเลยได้ เพราะหลังบ้านท่านไม่เปิด คุณศิริลักษณ์ไม่เปิด แล้วยังใส่กุญแจ 2 ชั้น เรื่องนี้ต้องยกความดีให้คุณป้าศิริลักษณ์ ภรรยาของท่าน นี่คือเบื้องหลัง 4-5 อย่างนะครับที่ผมค้นมา พยายามค้นมาหลายอย่าง

ที่นี้ พ่อท่าน ผมรู้ว่าลุงจำลองมีส่วนสร้างอโศกหลายแห่ง ที่สำคัญคือเขาเป็นกองทัพ กองทัพธรรม กองทัพธรรมนี่ใหญ่มากนะ ผมไปดูอโศกที่ราชธานีอโศกทำปุ๋ย ทีไหนก็กองทัพธรรม แค่ท่านดูรถก็แล้วกัน รถกองทัพธรรมมากที่สุดนะ แสดงว่าอิทธิพลของพ่อท่าน กับลุงจำลอง คู่กัน ครั้งที่จัดงานสารานียกุล พล.ต.จำลอง เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2553 ชุมชนสันติอโศกแคบลง พ่อท่านได้มอบทองคำให้ชิ้นหนึ่ง ท่านให้ 2 คน กับป้าท่าน แสดงว่าเขาทำบุญร่วมกัน และปีที่เกิด พ่อท่านยังเกิดก่อน ผมจะสรุปว่า การกำเนิดของลุงจำลอง ศรีเมือง มันแพร่กระจายไป ไม่เพียงแต่สันติอโศก พาสันติอโศกไป เขายังได้รับรางวัลที่ชั้นยอดที่สุดของโลก 2 รางวัล รางวัลอินกา จากเกาหลีใต้ ผู้นำดีเด่นแห่งเอเชีย เขาเรียกว่า Mr.Green Clean สะอาด แล้วได้รับปี 2534 พอ 2535 ท่านได้รับรางวัลที่ใหญ่มาก รางวัลแมกไซไซ ในขณะที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ผมจึงไม่สงสัยหรอกว่าทำไมคุณลุงจำลอง ฝ่ายเสื้อแดงก็อยากได้ แต่ลุงจะทำงานเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ลุงบอกตลอดเวลาเลยว่า เส้นทางนี้เท่านั้น คือเส้นทางที่ถูกต้อง ลุงถึงขั้นไปจัดรายการในเอเอสทีวี เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คู่กับ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ

มีอีกเรื่องหนึ่ง อย่าเพิ่งเร่งผมนะครับ

ปานเทพ- คือเอกสารเยอะมากเลยครับ ผมเห็น คือเตรียมตัวมาดีนะครับ ข้อมูลเยอะ เชิญครับ

สมเกียรติ- ผมมีเอกสารฉบับหนึ่ง ต้องเรียนถามลุงด้วยความเคารพเลย ด้วยความเคารพที่กล้าตั้งคำถามแบบนี้ พล.ต.จำลอง ซึ่งมีพ่อท่านโพธิรักษ์อยู่เบื้องหลัง ได้ตัดสินใจแตกหักกับทักษิณ ในกรณีพิพาทเรื่องเบียร์ช้าง ที่รัฐบาลจะให้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ สุดท้ายสันติอโศกก็ใช้ความบกพร่องทางจริยธรรมขายหุ้น 73,000 ล้าน นำหน้า นำญาติธรรมและสมณะ ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกจากตำแหน่งในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2549 และบีบให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องยอมยุบสภา อันนี้ผมขอเรียนถามลุงจำลองที่แตกหักกับทักษิณตอนขายหุ้น หรือตอนตลาดหลักทรัพย์ ที่มีอยู่ตามที่เอกสารเขาอ้าง ผมยังสงสัยอยู่ว่าตอนที่เขาขายหุ้นให้เทมาเส็ก หรือตอนไปขับไล่เบียร์ช้างเข้าตลาดหลักทรัพย์

ผมมีเรื่องอีก เรื่องที่ 2 ที่ผมต้องวิพากษ์ตรงๆ เลยว่า อดีตนายทหาร จรป.7 ซึ่งเคยเป็นพ่อเมือง กทม.2 สมัยซ้อน เป็นผู้ที่เคยใช้วิธีหาเสียงแบบการตลาดจ๋า แต่เนียน ไร้ร่องรอย จนได้คะแนนนำถล่มมาหลายครั้ง ด้วยการสวมเสื้อม่อฮ่อม ชูฝาเข่งหาเสียง เขาเขียนแค่นี้ครับ ต่อต้านทุนนิยม ส่งเสริมอนุรักษ์ กินน้อย ใช้น้อย ถือมังสวิรัติ อาบน้ำไม่ใช้สบู่ ครั้งละ 5 ขัน ถือศีล 8 นอนบนไม้กระดานแผ่นเดียว และประกาศตนเองว่าเป็นคนที่เคร่งครัด แต่.. หมายถึงผมตั้งคำถามเลยนะ แต่ในที่สุด พล.ต.จำลอง ก็ประกาศอำลาพรรคการเมือง แล้วส่งต่อหัวหน้าพรรคให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อันมีความเห็นให้เกิดความคลางแคลงใจฐานสนับสนุนคนชั้นกลางว่า ท่านต่อต้านทุนนิยมไฉนเลยมาสนับสนุนทักษิณ อันนี้ไม่ใช่ผมถามนะ สื่อมวลชนถาม แล้วผมก็เอามาถามด้วย

เมื่อธุรกิจ แล้วเป็นเหตุผลที่ทำไมพ่อท่านถึงแตกหักกับทักษิณ ที่ให้เบียร์ช้างเข้าตลาด แสดงว่าเขาต่อต้านทุนนิยม ผมเชื่อว่าแนวคิดของพ่อท่าน กับ พล.ต.จำลอง น่าจะแตกหักตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ตอนที่เบียร์ช้างเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่มามีเหตุการณ์ใหม่ที่คุณสนธินำทัพที่จะขายหุ้นเทมาเส็ก ท่านจึงอาศัยการแตกหักในช่วงนี้

ผมมีเรื่องอีกมากนะครับ เอาไว้ตอนที่ 2 ดีกว่าครับ ขอบคุณมากครับ

ปานเทพ- เป็นคำถามที่ อ.สมเกียรติ คัดมาจากหนังสืออะไรนะครับ เดี๋ยวผมอ่านให้ฟังนะครับ จากรายงานพิเศษ "ใช่เลย มหาจำลอง" เขียนโดยคุณกตัญญู ประยุกต์ศิลป์ หลายคนอยากฟังคำตอบมั้ยครับ เราจะตอบก่อนมั้ยครับในช่วงนี้ รู้สึกคงต้องขึ้นทุกรอบนะครับ สงสัย

พล.ต.จำลอง- เรื่องที่ อ.สมเกียรติ ถาม ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานแล้วนะครับ คือผมมีจดหมายเปิดผนึกถึงน้องทักษิณตอนที่เขาขายหุ้นให้เทมาเส็ก สิงคโปร์ 73,300 ล้าน เป็นจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 1 ซึ่งสื่อมวลชนออกแพร่ทั่วประเทศเลย เป็นหลักฐาน เป็นพยานว่า ทำไมผมถึงออกมาไล่เขา ในนั้นบอกไว้ชัดเลยว่า การขายหุ้นให้เทมาเส็ก สิงคโปร์ ไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นคนธรรมดาเขาก็ไม่ขายแล้ว เพราะหุ้นนี้มันรวมถึงดาวเทียมด้วย ซึ่งดาวเทียมเป็นเครื่องมือในการสืบราชการลับชั้นเยี่ยม แล้วโดยตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ขายได้ยังไง อีกเรื่องหนึ่งบอกว่า ที่คุณบอกว่าไม่ต้องเสียภาษี เพราะไม่ได้ผิดกฎหมาย ก็คุณหนุนให้กฎหมายนั้นมันออกมา แล้วคุณก็เทขายทันที ผมบอกว่าควักออกมาเสียดีๆ ผมคิดเรียบร้อยแล้วว่าถ้าคุณจะต้องเสียภาษีล่ะก็ คุณจะต้องเสียภาษี 26,000 ล้านบาท ไหนบอกว่าจะไปช่วยประชาชน จะตั้งมูลนิธิไง เอาเงินก้อนนี้ล่ะไปช่วยเขา แต่ทักษิณก็ไม่ได้ทำตามนั้น อย่างที่ว่านี้ เมื่อไม่ได้ทำตามนั้น จดหมายเปิดผนึกฉบับต่อมาก็เลยออกมาว่า ถ้าเช่นนั้นผมต้องออกไปไล่คุณ แล้วผมก็ออกไปไล่จริงๆ นี่คือคำตอบนะครับ

ส่วนที่ อ.สมเกียรติ พูดถึงว่าสมัยที่เป็นกลุ่มทหารหนุ่ม ที่จริงผมก็เป็นแกนนำในกลุ่มนั้นนะ ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้กุมกำลัง ผมเป็นทหารฝ่ายเสนาธิการ อ.สมเกียรติ พูดถึงพลเอกท่านหนึ่ง ที่ผมไปกระซิบให้ท่าน และคณะรัฐมนตรีลาออกนั้น อันนี้เป็นเรื่องจริง เป็นเรื่องจริงโดยที่ว่า น่าคิดมั้ย ผมกับเพื่อนๆ ชั้นพันโท พันเอก คุมกำลังไม่กี่กองพัน แต่ถ้ามีเรื่องบ้านเมืองเกิดขึ้น ผมก็ไปเรียนท่านว่า ตอนนี้มีการกระทำอะไรในคณะรัฐมนตรีของท่านหลายคนที่ส่อไปในทางทุจริต ท่านออกเถอะครับ ท่านก็ออก นี่ไม่ต้องเป็นถึงผู้บัญชาการทหารบกนะ

ทหารแต่ก่อนนี้เป็นที่เกรงใจของนักการเมือง เดี๋ยวนี้กลับตาลปัตร เพียงใช้คำพูดเท่านั้นเขาก็ต้องคิดแล้ว และก็ต้องหาทางแล้วว่าจะต้องแก้ไขปัญหาอย่างไร นี่ก็เลยตอบ อ.สมเกียรติ มาด้วย ส่วนท่าน พล.อ.ปรีชา มาบอกว่าผมขัดคำสั่งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึก เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจริง คือจอมพลสฤษดิ์ เคยห้ามเอาไว้ ห้ามนักเรียนนายร้อยจัดฉายหนัง แล้วก็เป็นอย่างที่ พล.อ.ปรีชา ว่า รุ่นพี่ๆ เขาจัดฉายหนังแล้วเอาบัตรไปขายท่าน เพราะเห็นท่านรวยนี่ ท่านก็ไถเงินมาให้ คนอย่างจอมพลสฤษดิ์หรือจะไปดูหนัง แล้วหนังเราต้องจัดรอบเช้ามืด จะได้เช่าโรงถูกๆ กำไรจะได้เอาโรงเรียนเยอะๆ ท่านก็สั่งห้าม อ้าว เมื่อท่านสั่งห้าม เอ๊ะ รุ่นพี่ๆ เขายังแอบจัดได้นี่ ผมก็แอบบ้างสิ ผมเป็นหัวหน้านักเรียนนายร้อย ใหญ่สุดนะครับ ติดเครื่องหมายเป็นพิเศษเลย เงินเดือนตั้ง 240 บาท ก๋วยเตี๋ยวชามละ 3 สตางค์ ท่าน พล.อ.ปรีชา เป็นหัวหน้ากอง รองมาจากผม ผมใหญ่สุดเลย เวลาเดินไปไหนนักเรียนนายร้อยเจอผม ต้องหยุดทำความเคารพนะ ใหญ่ถึงขนาดนั้น

พล.อ.ปรีชา- รวมทั้งผมด้วย ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาผม

พล.ต.จำลอง- แล้วมีสิทธิตัดคะแนนความประพฤตินักเรียนด้วยกันเองด้วย ผมก็แบกอันนี้ไว้ คือผมต้องจัด แต่ผมรู้แล้วว่า เมื่อสู่สถานการณ์เสี่ยง ผมต้องเสี่ยงว่าถ้าเกิดเป็นอะไรไป ผมจะทำยังไง วิธีง่ายๆ คือผมไปหาเพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นเดียวกับท่าน พล.อ.ปรีชา รุ่นเดียวกับผม ที่เป็นลูกนายพลเอกมา 3 คน คนนี้เป็นลูกพลเอก คนนี้เป็นลูกพลเอก คนนี้เป็นลูกพลเอก

พล.อ.ปรีชา- เห็นมั้ย เห็นชั้นเชิงท่านมั้ย

พล.ต.จำลอง- ผมก็ตั้งให้เพื่อน 3 คนนี้เป็นกรรมการจัดฉายหนัง แล้วผมเป็นประธาน ถ้าเอาผมก็ต้องเจอพลเอกอีก 3 คนนะ และขออนุญาตท่าน พล.อ.ปรีชา นะ แต่ก่อนนี้พลเอกมีน้อยมากเลย เดี๋ยวนี้มีเป็นกระตั้กเลย พลเอกสมัยก่อนต้องเด่นจริงๆ สำคัญจริงๆ แล้วก็มีอำนาจลดหลั่นลงมาจากจอมพลสฤษดิ์ นะ ทั้งสามคนที่ผมว่า แต่ผมพลาดไป พลาดไปเพราะอะไร เพราะว่ามีอยู่คนหนึ่ง ท่านปกครองเรามา แล้วท่านเกลียดผม เพราะผมเอาเรื่องของท่านมาเปิดโปงด้วยท่านทำให้โรงเรียนนายร้อยเสื่อม อะไรทำนองนั้น แทนที่ท่านจะเล่นงานเรา เพราะท่านปกครองเรา ผมกลับมาทำอย่างนี้ ท่านเลยหาโอกาสไปเกลี้ยกล่อมเพื่อนผมคนหนึ่ง บอกอย่ารับนะ ปล่อยให้อีตาจำลองรับไป ถ้ารับแล้ว โอ๊ย พ่อมีตำแหน่งรองจากจอมพลสฤษดิ์ รับได้ยังไง เพื่อนผมก็เกิดกลับคำเลย บอกไม่ได้เป็นๆ ผมนี่ก็แปลกนะครับ เมื่อเข้าสู่สถานการณ์เสี่ยง ใครสู้อยู่ ใครไม่สู้ไป ผมไม่ง้อขอร้องด้วย แต่เนื่องจากพวกเราส่วนใหญ่เป็นคนที่เรียนดี ครูบาอาจารย์ก็ช่วย ผู้บังคับบัญชาก็ช่วย ตอนแรกผมก็ดีใจนะ พอจัดฉายหนังเสร็จแล้วได้กำไรมาตั้งเยอะ ซื้อเครื่องดนตรีให้โรงเรียนนายร้อย ซื้อเครื่องกีฬาให้โรงเรียนนายร้อย ซื้อวิทยุขนาดใหญ่เลยให้สโมสรโรงเรียนนายร้อย เพราะตอนนั้นโทรทัศน์ยังไม่มี มีหนังสือออกมาฉบับแรก ชมเชยนักเรียนนายร้อยจำลอง ศรีเมือง หัวหน้านักเรียนนายร้อย จปร.และคณะ ที่จัดหาทรัพย์สินให้กองทัพบก หลังจากอีก 7 วันก็ออกมาอีกฉบับหนึ่ง นักเรียนนายร้อยจำลอง ศรีเมือง และคณะ ขัดคำสั่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึก จำคุกไม่เกิน 20 ปี อ้าว เป็นไปได้ถึงขนาดนั้นนะ แต่ทีนี้ครูบาอาจารย์ก็ช่วยไว้ ท่านผู้บังคับบัญชาท่านก็ช่วยไว้ ก็เลยลดหย่อนผ่อนโทษลงมาเหลืออย่างมากที่สุดก็รับกระบี่หลัง 3 เดือน ท่าน พล.อ.ปรีชา ติดดาบแล้ว ผมยังเป็นนักเรียนนายร้อยอยู่ เงินเดือนก็ต่างกับท่านเยอะเลย ท่านได้ 1,050 บาท ของผมเงินเดือนขึ้นอยู่กับว่าเดือนไหนมีกี่วัน เผอิญ 3 เดือน เป็นกุมภาพันธ์ ปีนั้นได้ 280 ได้เบี้ยเลี้ยงวันละ 10 บาท ผมก็ต่อให้เพื่อนๆ ด้วย แล้วไม่รู้นะครับ คือการเป็นทหารเขาทำงานแข่งกัน ใครจะได้นายพลก่อนกันในรุ่น ปรากฏว่ามี 3 คน มีท่าน พล.อ.ปรีชา ผมและอีกคนหนึ่ง นำรุ่นเลย ขนาดผมต่อให้ก่อนนะ ให้เขาออกไปก่อน แล้วเป็นไงรู้มั้ยครับ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ พอจอมพลสฤษดิ์รู้ว่าผมและคณะต้องถูกทำโทษถึงขนาดนี้ ท่านให้นายทหารคนสนิทของท่านเอาพระกริ่งมาให้ผม เอาไปให้มัน มันซวยเพราะเรา เพราะท่านออกคำสั่ง กลายเป็นคำสั่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึก เหมือนที่ อ.ปานเทพ บอกว่า นี่มีประวัติอารยะขัดขืนมาแล้วเหรอ ใช่แล้วครับ

พล.อ.ปรีชา- เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในคำถามของ อ.สมเกียรติ ว่าพี่ลองเขาตัดสินใจมาร่วมกับคุณสนธิเมื่อไร พี่ลองอาจจะลืมไปแล้ว พี่ลองจำได้มั้ย ใต้ถุนบ้านพี่ลองที่ราชธานีอโศก คงจำได้ เราก็ปรึกษาหารือกัน ผมก็เพียงแต่ให้ความเห็นท่าน ท่านก็ตกลง ที่บ้านราชธานีอโศกนั่นล่ะ ออกมาประท้วงกับคุณสนธิ ครับ ขอเพิ่มเติมให้ครบถ้วน เพราะฉะนั้นชุมชนชาวอโศกนี่มีเรื่องราวเยอะแยะหมด ทั้งที่บันทึกและไม่ได้บันทึก ขอบคุณครับ

ปานเทพ- แหม ตอนนั้นเราก็ลุ้นอยู่นะครับ เพราะว่าผมกับคุณสนธิอยู่ที่สวนลุมฯ แต่ว่าชาวอโศกอยู่ที่ตลาดหลักทรัพย์ ตรงถนนวิทยุ เราใกล้กันนิดเดียว ตอนนั้นก็ลุ้นกันเมื่อไรเราจะมารวมกันเสียที เอาล่ะครับ มาอีกท่านหนึ่งซึ่งก็จะให้ความเห็นว่า หลายปีที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นเอ็นจีโอรุ่นใหญ่ ทำงานภาคประชาชนมานานมาก เห็นการต่อสู้มาก็มากเหลือเกิน แต่ว่าในช่วงระยะเวลาหลายปีมานี้ก็ได้มีโอกาสรู้จัก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ร่วมงานกันหลายครั้ง ประชุมกันก็หลายหน และก็น่าจะเป็นทัศนะที่มีความน่าสนใจอีกเช่นเดียวกัน ขอเสียงปรบมือต้อนรับ อ.พิภพ ธงไชย กับการวิพากษ์วิจารณ์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และชาวอโศก ครับ เรียนเชิญครับ

พิภพ- กราบนมัสการพ่อท่าน และผู้ประพฤติธรรม ชาวสันติอโศก ซึ่งวันนี้มาอยู่ที่ปฐมอโศก ผมจะพูดถึงความรู้สึกที่ได้ทำงานกับท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ผมก็ขออนุญาตท่านว่า ผมขอเรียกลุงก็แล้วกัน ท่านก็อนุญาต ส่วน พล.อ.ปรีชา ผมเผลอไปเรียกพี่เข้า ก็เลยต้องเรียกพี่ติดปาก ทั้งๆ ที่ท่านอายุรุ่นราวคราวเดียวกับท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็แบบไทยๆ นะครับ นับถือกันเป็นพี่ป้าน้าอา ลุง ถึงแม้จะไม่ได้เป็นญาติกันโดยสายเลือด แต่ก็เป็นญาติกันในความเป็นมนุษยชาติ

ผมไม่ได้เตรียมตัวมามากเท่า อ.สมเกียรติ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะทำวิทยานิพนธ์ อ.สมเกียรติ นี่สมเป็นครูบาอาจารย์ ก็ต้องเตรียมเอกสารมากมายอ้างอิง แต่ผมจะพูดความรู้สึกและประสบการณ์ คือส่วนตัวผมได้ยินชื่อท่าน พล.ต.จำลอง มานาน แต่ไม่เคยได้พูดคุยกัน แล้วผมก็ไม่ทราบว่าท่าน พล.ต.จำลอง รู้จักผมหรือเปล่า แต่รู้ว่าคำที่มาถึงผม ครั้งแรกที่ผมได้ยินว่าท่าน พล.ต.จำลอง ท่านพูดถึงผม ท่านอาจจะลืมไปแล้ว แต่ผมไม่ได้ยินกับหูนะครับ มีผู้มาเล่าให้ฟัง ช่วงนั้นประมาณ 2540 ผมไปร่วมต่อสู้ท่อก๊าวไทย-พม่ากับกลุ่มอนุรักษ์กาญจนบุรี นำโดยคุณภินันท์ กับคุณบุญส่ง คุณภินันท์ซึ่งรู้จักกับท่าน พล.ต.จำลอง ดี ก็มาบอกผมว่า ท่าน พล.ต.จำลอง บอกว่าภินันท์ไปร่วมมือกับนายพิภพได้อย่างไร ดูท่าทางบ้าๆ บอๆ ก็ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า ก็มาเล่าให้ฟัง ผมก็ขำ เราเป็นคนทำงานเอ็นจีโอ เรารู้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าเราทำอะไร และเรามีจุดมุ่งหมายอะไร ก็เป็นธรรมดา

หลังจากวันนั้น ถึงแม้ผมจะไม่ได้อ่านหนังสือเรื่องราวของท่าน พล.ต.จำลอง เท่ากับ อ.สมเกียรติ แต่ผมก็รู้ในการเคลื่อนไหวของท่าน แล้วรู้มามากที่สุดก็ตอนช่วงมาร่วมงานกับท่าน พล.ต.จำลอง กับแกนนำ และยิ่งรู้และเข้าใจความคิดของท่าน พล.ต.จำลอง ก็ช่วงที่นั่งรถด้วยกันไปต่างจังหวัดในเวลาหลายชั่วโมง 2 ครั้ง เมื่อนั่งรถก็ต้องคุยกัน ผมก็มักจะเป็นคนที่ชอบฟัง โดยสำหรับผู้หลักผู้ใหญ่คุย ก็ตั้งคำถามซักบ้าง พอให้ได้เนื้อความ ผมเองเป็นคนช่างสังเกตและศึกษาชีวิตของผู้คน โดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่

และครั้งที่ 2 ที่ผมสงสัยก็คือ ทำไมคุณหมอเสม พริ้งพวงแก้ว จึงมาสนับสนุนคุณทักษิณ ชินวัตร หมอเสมไปพูดที่สถานีวิทยุแห่งหนึ่ง บอกว่าหมอเหวงเป็นคนชวน แต่เมื่อผมคุยกับท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็ทราบว่าตัวท่านเองไปคนไปชวน อ.เสม และผมมาทบทวนก็ เอ๊ะ ทำไม อ.เสม จึงเชื่อท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ทบทวนก็ถึงบางอ้อว่า สมัยที่ อ.เสม เป็นรัฐมนตรี ท่าน พล.ต.จำลอง สู้เรื่องการทำแท้ง อ.เสม ก็ร่วมด้วยกับท่าน พล.ต.จำลอง ความสนิทและความสัมพันธ์อันนั้นทำให้ผมถึงบางอ้อ ว่าทำไม อ.เสม จึงเชื่อท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่จะมาร่วมสนับสนุนคุณทักษิณ แต่ อ.เสม ก็ไม่ได้ เพราะเชื่อท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เพราะว่า อ.เสม ประทับใจ ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีรัฐบาลไหนที่มีนโยบายเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพชัดเจนเท่าพรรคไทยรักไทย คือเรื่อง 30 บาท รักษาทุกโรค ผมก็นำคำแก้ตัวนี้ไปแก้ตัวกับลูกศิษย์ลูกหา อ.เสม และคุณหมอ ไว้เสมอว่าต้องเข้าใจ อ.เสม นะ เพราะ อ.เสม ที่มาสนับสนุนคุณทักษิณเพราะท่านมีความรู้สึกกับเรื่องสุขภาพของประชาชนมาก เพราะฉะนั้นท่าน พล.ต.จำลอง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ไปเชื้อเชิญ แต่นโยบายคุณทักษิณก็เป็นส่วนหนึ่ง และเมื่อคุณทักษิณเปลี่ยนไป คนก็บอกว่าทำไมจึงไม่ให้ อ.เสม ออกมาเหมือนท่าน พล.ต.จำลอง ผมก็ไปหา อ.เสม ซึ่งเป็นประธานมูลนิธิเด็ก ก็สนิทสนมกับผมมาก ท่านก็รับผมเป็นลูก รวมทั้งคุณรัชนี ธงไชย ด้วย ท่านก็บอกว่าพ่อเป็นคนให้บันไดเขาขึ้น พ่อจะไม่เอาให้เขา ชวนให้เขาลง แต่พ่อจะฝึกสมาธิ ทำสมาธิ ทำวิปัสสนา ดลใจให้คุณทักษิณเปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจ ผมไปเล่าให้คนรุ่นใหม่ฟังก็ไม่มีทางเข้าใจ ว่านี่เป็นวิธีคิดแบบคนโบราณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่าน พล.ต.จำลอง ไม่ได้มีวิธีคิดแบบคนโบราณ แต่ท่านแสดงออกมากกว่าคุณทักษิณ ผมบอกได้เลยว่าที่สัมผัสกับลุงจำลองในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ ลุงจำลองเป็นสุภาพบุรุษมาก ในการต่อสู้กับคุณทักษิณ ถ้าคุณสังเกตสิ่งที่ลุงจำลองพูดถึงคุณทักษิณ พูดบนฐานของความเป็นสุภาพบุรุษ ผมเชื่อว่าท่าน พล.ต.จำลอง รู้เบื้องหลังคุณทักษิณเยอะ แต่ท่านจะนิ่ง แต่ท่านจะบอกเฉพาะเรื่องสำคัญๆ กับคุณทักษิณ เช่นบอกว่า 26,000 อะไรเนี่ย ให้คืนภาษี 20,000 ล้าน ถ้ามองในแง่คนข้างนอกก็คือ ท่าน พล.ต.จำลอง ช่วยทักษิณ อันนี้คือความเป็นสุภาพบุรุษ หาทางให้คุณทักษิณกลับเนื้อกลับใจมาทำความดีซะ แต่ถ้าสุดท้ายท่านก็บอกว่า ถ้าไม่เชื่อท่านก็จะออกมาต่อต้าน นี่คือความเป็นสุภาพบุรุษ บอกกับมิตรก่อน แล้วลุงจำลองก็พูดเสมอว่า ยังถือว่าทักษิณเป็นน้องอยู่ แต่ท่าน (นี่ผมพูดเอง) ท่านจะไม่ตามใจน้องหรอกถ้าน้องทำผิด ท่านจะต้องจัดการ นี่ผมถือว่าสุภาพบุรุษ

แล้วเวลาเราเดินขบวนไปด้วยกัน เดินครั้งแรกเลยที่ออกจากสนามหลวง ผมก็เดินคู่กับท่าน พล.ต.จำลอง มีคนผ่านหน้ากระทรวงอะไรที่สุดารัตน์เขาเป็นเจ้ากระทรวง พวกเราหลายคนก็ว่า ใช้คำหยาบคาย ลุงก็ตะโกนไปว่าอย่าใช้คำหยาบ ฉะนั้นลุงจำลองนี่จะไม่ใช้คำหยาบเลย ยกเว้นคำเดียวเท่านั้นเอง คือ "ตอแหล" ไม่รู้ออกมาได้ยังไง ก็ไม่ใช่คำหยาบนะ ก็พูดว่าตามพฤติกรรมที่ควรเป็น

เพราะฉะนั้นผมอยากจะเรียนว่า ความสำเร็จของลุงจำลองมาจากความผิดพลาดด้วย จะบอกว่าลุงจำลองไม่มีความผิดพลาด หรือก้าวจังหวะพลาดเลยก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นผมก็ต้องเทียบกับมหาตมะ คานธี ผมคิดว่าชีวิตของลุงจำลองถ้าเทียบกับมหาตมะ คานธี ที่เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ว่าข้าพเจ้าทดลองความจริง ถ้าไปอ่านหนังสือเล่มนี้จะเห็นข้อผิดพลาดของมหาตมะ คานธี หลายครั้ง แต่มหาตมะ คานธี ถือว่าตัวเองกำลังทดลองความจริง ตัวเองไม่ได้เป็นผู้ตรัสรู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด ไปหมด แต่เมื่อผิดแล้วต้องแก้ความผิด ผมว่าลุงจำลอง กรณีคุณทักษิณก็เห็นชัดเจน เพราะลุงจำลองก็รับอยู่ว่าตัวเองอาจจะพลาด ที่คนมักจะใช้คำว่า เอาทักษิณออกจากขวด ก็เอาให้กลับขวดซะ เพราะฉะนั้นถ้าผมเปรียบเทียบกับมหาตมะ คานธี ก็คือ ชีวิตของลุงจำลองคือชีวิตที่ทดลองความจริง ในการทดลองความจริงก็ต้องมีผิดมีพลาดบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา และเมื่อทดลองความจริงแล้ว ลุงจำลองก็จะก้าวไปข้างหน้า และสิ่งที่เหมือนกันกับมหาตมะ คานธี ก็คือ ทุกครั้งที่ผิดหวัง ไม่สมหวัง มหาตมะ คานธี จะกลับไปอ่านภควัทคีตา พออ่านภควัทคีตาแล้ว พลังและการคิดที่ถูกต้องก็กลับคืนมา ผมเชื่อว่ามหาจำลอง หรือลุงจำลอง ท่านไม่เคยพูดนะครับว่าท่านท้อแท้หรือผิดหวัง แต่ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาก็คงต้องมีบ้าง และผมคิดว่าปฐมอโศก สันติอโศก พ่อท่าน เป็นหลักธรรมให้ลุงจำลอง ถ้ามองไปทางไหนแล้วมีความรู้สึกว่ามองไม่เห็น ผมคิดว่าฐานของปฐมอโศก และสันติอโศก คือฐานทางจิตวิญญาณและหลักธรรมของลุงจำลอง เมื่อเทียบกับมหาตมะ คานธี คือรัฐบุรุษ เมื่อกี้คุณสนธิบอกว่า เปรียบเทียบลุงจำลองเป็นมหาบุรุษ และมหาตมะ คานธี ก็ได้รับยกย่องจากโลกมากว่าเป็นมหารัฐบุรุษ จะมีหลักธรรมอยู่ข้างหลัง ชีวิตมันจะไปมา แกว่งไปมาก็แล้วแต่ เมื่อหันกลับมาหาหลักธรรม จะก้าวไปในสิ่งที่ถูกต้องได้ และที่มหาตมะ คานธี กับลุงจำลองเหมือนกันนิดหนึ่งก็คือว่า มีภรรยาเป็นหลักอยู่ที่บ้าน

ผมไม่ได้เคยอ่านคนที่เขียนถึงภรรยาท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แต่ว่าฟังจากหลายคนและรวมทั้งที่ผมอยู่ 193 วัน ได้สัมผัสกับภรรยาท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และผมก็พูดกับทุกคนว่า คนที่นิ่งที่สุดในหมู่ภรรยาแกนนำ คือภรรยาของลุงจำลอง ศรีเมือง นิ่งที่สุด แล้วยิ่งมาฟัง อ.สมเกียรติ ว่าหลายเรื่องที่ลุงจำลองต้องทำ เป็นข้อเสนอแนะจากศรีภรรยาของท่าน แต่ผมไม่รู้ว่าลุงจำลองเคยทะเลาะกับภรรยาของท่านบ้างหรือเปล่า

พล.อ.ปรีชา- เดี๋ยว อ.พิภพ ขออนุญาตนิดหนึ่ง ป้าลักษณ์นี่นอกจากจะบงการลุงจำลองแล้ว ยังบงการผมอีกต่างหาก

พิภพ- นั่นเป็นของแถม เพราะรู้ว่าพี่ปรีชาจะบงการลุงจำลองได้ต่อ แต่มหาตมะ คานธี ได้พูดถึงเรื่องนี้ไว้ ว่าท่านขัดแย้งกับภรรยาของท่านอย่างไรบ้าง แต่ในขณะที่ผมบอกแล้วมหาตมะ คานธี จะบอกว่า ข้าพเจ้าทดลองความจริง เมื่อขัดแย้งแล้ว ท่านจะกลับไป ขัดแย้งกันอาจจะตกใจนะ คนที่ไม่เคยอ่านประวัติมหาตมะ คานธี ผลักภรรยาออกจากบ้านเลย ภรรยาคือ กัสตูรบา อี ชื่อที่ใช้เรียกกัน มีหนังสือสืบเรื่องนี้ แต่ทั้งหมดที่ผมยกมาเปรียบเทียบเพื่อจะบอกว่า เราคนไทย อีกร้อยปี หันกลับมาดู พ.ศ.นี้ จะไม่คิดว่ามีคนอย่างนี้ คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยืนอยู่บนประเทศไทยได้อย่างไร มันดูน่ามหัศจรรย์และอัศจรรย์ เหมือนกับไอสไตน์ บอกกับชาวโลกว่า อีกร้อยปีข้างหน้า เมื่อคุณหันกลับมามอง คุณจะสงสัยว่ามีคนแบบมหาตมะ คานธี เดินอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างไร

ผมหวังว่า 77 ปี 7 เดือน 7 วัน และอาจจะต่อไปอีก โลกจะรู้จักท่าน พล.ต.จำลอง มากขึ้น และคำที่ไอสไตน์เคยใช้กับมหาตมะ คานธี ก็อาจจะมีนักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังมาใช้กับท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ตอนนี้ท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง รู้ในเอเชีย ญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ มากมาย แต่ว่าเพียงแต่งานของท่านมหาตมะ คานธี เป็นการต่อสู้ในเรื่องของเอกราช กับมหาอำนาจ แต่ดูงานของลุงจำลองที่ต่อสู้ ก็ไม่แพ้กัน ถึงแม้จะไม่ใช่เป็นระดับที่ต่อสู้กับมหาอำนาจอย่างนั้นก็ตาม

อีกประเด็นหนึ่งที่ผมอยากจะพูดจากความรู้สึก ผมสงสัยลุงจำลองหลายเรื่อง ถามเลยครับ เหมือนกับสงสัยท่าน พล.อ.ปรีชา หลายเรื่อง แล้วผมเองเป็นคนที่พยายามจะเรียนรู้ว่าท่านคิดเรื่องนี้อย่างไร สิ่งแรกก็คือเรื่องที่ไปรบในลาว คือต้องเข้าใจความรู้สึกของพวกผมซึ่งอยู่ในสมัยนั้นนะ ซึ่งเราเป็นนักต่อสู้ด้านจักรวรรดินิยม เราก็จะไม่ค่อยเห็นด้วย ผมไม่เข้าใจเลยแต่ก่อนนี้ แต่วันนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านทำอย่างนั้น ยังไม่บอกนะว่าเข้าใจยังไง เข้าใจ พล.อ.ปรีชา เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่ผมได้โอกาสได้ใกล้ชิด คนอย่างท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และท่าน พล.อ.ปรีชา ผมจะเก็บความสงสัยไว้ และก็พยายามหาคำตอบด้วยตัวเอง แต่ผมไม่เหมือน อ.สมเกียรติ แกหาคำตอบโดยการอ่านหนังสือ แต่ผมหาคำตอบจากการพูดคุยและสัมผัส เพราะฉะนั้นการที่มีข่าวร่ำลือในข้อสงสัยต่อ พล.ต.จำลอง ว่าเป็นเผด็จการหรือเปล่า เอาแต่ใจตัวหรือเปล่า แล้วคนที่อยู่ข้างหลังผมก็เยอะแยะ แล้วเป็นคนที่มุ่งใช้ความรุนแรงหรือเปล่า เมื่อผมได้ทำงานกับท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในตลอดระยะเวลา 6-7 ปี ผมยืนยันจากใจว่าไม่มี ท่าน พล.ต.จำลองเป็นนักประชาธิปไตย และพร้อมจะฟังความเห็น เมื่อไม่มีการประชุมก็จะโทรศัพท์ถาม อ.พิภพ ว่ายังไง คุณสมเกียรติว่ายังไง จะโทรศัพท์ถามหมด แล้วผมก็อธิบายว่า ถ้าคุณไม่ได้ประชุมกับแกนนำในรอบ 6-7 ปี คุณไม่มีทางรู้จักแกนนำว่าคิดอะไร อ.ปานเทพ ก็คงจะ..แต่สิ่งที่แกนนำคิด หลายเรื่องบอกในที่สาธารณะไม่ได้ เพราะ ทำไมบอกไม่ได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งเสียหายนะครับ เป็นสิ่งดี เพราะว่าเราอยู่ในสถานการณ์สู้รบ ผมถือว่าจนถึงวันนี้ยังเป็นสงครามอยู่ สงครามที่จะต้องเอาแพ้ชนะ ถ้าพูดภาษาชาวบ้านคือ เป็นสงครามฝ่ายธรรมะ กับฝ่ายอธรรม สู้กันอยู่ เมื่อสู้กันอยู่ก็ต้องมีกลศึก และมียุทธศาสตร์ ยุทธวิธี และผมสรุปได้เลยว่า คนที่นำในเรื่องยุทธศาสตร์และยุทธวิธีอย่างเก่งมากคือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ถึงแม้ท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะพยายามฟังความเห็น แต่เนื่องจากการคิดทางยุทธศาสตร์ ทางยุทธวิธี มันชัดเจนจากประสบการณ์ ผมคิดว่าไม่มีใครมีประสบการณ์เรื่องการนำมวลชนเท่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เพราะฉะนั้นเมื่อมีความชัดเจนอย่างนี้ เราก็ย่อมที่จะต้องเห็นด้วยและคล้อยตาม อาจจะมีการตกแต่งบ้างนิดหน่อย มีตั้งคำถามข้ามไปข้างหน้าอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นพี่น้องก็คงจะเข้าใจว่านี่คือข้อสงสัยของผมต่อการทำงานกับท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และผมคิดว่าเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด ไม่เคยมีช่วงชีวิตไหนที่ดีเท่านี้ที่ได้เป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อันนี้พูดจากใจจริง และที่ดีที่สุด ก็คือได้ทำงานร่วมกับผู้ที่มีความสามารถและมีคุณธรรมที่จะแก้ไขปัญหาประเทศชาติ และที่ดีที่สุด ได้มีพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ในช่วง 6-7 ปีนี้ผมเสียเพื่อนไปเยอะนะครับ ไม่ใช่น้อย เยอะ เรียกว่าเกือบจะมองหน้ากันไม่ได้ทั้งที่เคยร่วมสู้รบกันมาในสมัยหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันก็ได้เพื่อนใหม่ ที่ดูชัดเจน จริงจัง จริงใจ และเสียสละ ทุ่มเทมากกว่าเพื่อนรุ่นก่อน ฉะนั้นเกิดมาชาตินี้ตายก็ไม่เสียชาติเกิด

สำหรับท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ผมอยากพูดอีกแง่มุมหนึ่งที่ยังไม่ได้พูด ท่านทำงานมาก เต็มไปหมด รวมทั้งท่านสมณโพธิรักษ์ มีบริษัท มีงานผลิต งานอะไรเยอะไปหมด ท่านทำได้ยังไง โทรศัพท์ผมเคยในทีวี 2-3 เครื่อง ผมบอกได้เลย ท่าน พล.ต.จำลอง เป็นนักบริหารจัดการที่เก่งที่สุด ถ้าบริหารจัดการไม่เก่ง สิ่งที่คิดมันจะไม่เกิด และไม่นำไปสู่ความเป็นจริง ท่านสมณโพธิรักษ์ก็เหมือนกัน ซึ่งผมไม่บังควรหรอกที่จะมา... ผมเป็นคนที่มีบาปเยอะ จะไปบอกกับคนที่มีบุญอย่างท่าน ก็ไม่ได้ แต่ก็ต้องบอกว่าท่านก็เป็นนักบริหารจัดการเอง ท่านเติบโตมากเลย มีสาขาได้มากขนาดนี้ ผมยิ่งรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่เยอะ ผมเคยถามว่า อาจารย์พุทธทาส ท่านเจ้าคุณธรรมปิฎก อาจารย์ชา ท่านขยายเรื่องคณะสงฆ์อย่างไร ผมเป็นคนสนใจเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นอยากจะบอกเลยว่าสันติอโศก และปฐมอโศก ที่ขยายตัวไปเป็นอโศกต่างๆ เกิดจากการบริหารจัดการ แต่บริหารจัดการนั้นถ้าไม่มีคุณธรรมรองรับ มันก็เป็นการบริหารจัดการที่ก่อให้เกิดเป็นพิษเป็นภัยกับโลก แต่สิ่งที่สันติอโศกทำ โดยเฉพาะคำที่บอกว่า "ใช้บุญนิยมสู้กับทุนนิยม" และใช้วิธีจัดการ ผมคิดว่าก้าวหน้าและเท่าเทียมกับวิธีการจัดการแบบทุนนิยม แต่แตกต่างกันตรงที่ว่าทุนนิยมมุ่งกดขี่ ขูดรีด และเอาเปรียบ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ แต่บุญนิยมมุ่งที่จะรักษาทรัพยากรธรรมชาติและกระจายรายได้ออกไปให้ทั่วถึง เพราะฉะนั้นไม่ว่าเกิดวิกฤตบ้านเมืองอย่างไร ถ้าเราเทียบกับเรือนโนอา สันติอโศกจะลอยอยู่ในทะเล แล้วเมื่อน้ำลด สันติอโศกและขบวนการสันติอโศกจะเป็นผู้เผยแพร่ธรรมะในโลกยุคใหม่ นี่เปรียบเทียบแบบในพระคัมภีร์ของคริสตศาสนา

ท่าน พล.ต.จำลอง พร้อมที่จะรับเงินทุกบาททุกสตางค์ ขณะที่ผู้ใหญ่ของผมบางคนก็เป็นคนเรียกว่า สมถะเหมือนท่าน พล.ต.จำลอง แต่ท่านจะระวังในเรื่องรับเงิน แต่ท่าน พล.ต.จำลอง ท่านรับเงินทุกบาททุกสตางค์ แต่ท่านบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ แยกแยะหมด ว่าเงินนี้ให้ใครๆๆๆ แล้วท่านจะไม่ก้าวก่ายเลยว่าจะเอาเงินนี้ไปใช้อีกเรื่องหนึ่ง ผมคิดว่าอันนี้ไม่ใช่ศรัทธาท่าน พล.ต.จำลอง เท่านั้นในเรื่องความเป็นนักปฏิบัติธรรม แต่ว่าการศรัทธานั้นอยู่ที่การบริหารจัดการด้วย เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าวิธีการบริหารจัดการของท่านทำให้ทุกส่วนที่ท่านได้คิดงานขึ้นมามันไปได้ แม้แต่เรื่องหมาๆ หรือสุนัข นี่พูดล้อเล่นนะครับ คือการเลี้ยงสุนัข ท่านก็ไปได้ ผมก็เคยถามว่า ท่านมีความคิดในเรื่องปฏิรูปที่ดิน หรือในเรื่องทำให้คนจนมีทางทำมาหากินมั้ย ท่านก็พูดออกมาว่าท่านมีที่ดินอยู่บ้าง ท่านก็จะแบ่งให้ชาวบ้านที่ยากจนมาทำนา ทำการผลิต แต่มีข้อแม้ว่าต้องถือศีล 5 ไม่ดูโทรทัศน์ ท่านไม่ได้อ้างอะไรเลย แค่ทำง่ายๆ ธรรมดาๆ แต่ปรากฏว่าคนที่มาอยู่กับท่านประสบความสำเร็จไปทุกคน เสียดาย ท่านมีที่ดินน้อยไปหน่อย ผมจึงอยากให้ท่านเดินรับบริจาคที่ดิน แล้วเอาที่ดินมาแจกคนจน แล้วก็จัดการให้คนจนที่มาทำที่ดินนั้น สามารถดำเนินชีวิตที่มีคุณธรรมกำกับ และทำการผลิตที่ได้ผล นี่ผมเสนอนะครับในโอกาสท่านอายุครบ 77 ปี เพราะว่าอันนี้ในอินเดียมีคนทำต่อจากท่านมหาตมะ คานธี คือ วิโนพา ภาเว จะเดินไปทั่วอินเดียเลย เพื่อขอบริจาคที่ดินและเอามาให้คนจนทำมาหากิน ผมคิดว่าถ้าท่านทำเรื่องนี้ จะเป็นการปฏิรูปที่ดินครั้งใหญ่ที่สุดของสังคมไทย

ก็อยากจะกราบเรียนท่าน พล.ต.จำลอง เพราะบ้านเรามีปัญหาเรื่องที่ดินมากเหลือเกิน

ในเรื่องปุ๋ย ผมพูดหลายครั้งว่า ปุ๋ยนี่ไม่ใช่หาเงินให้เอเอสทีวี และทำแค่ปุ๋ยอินทรีย์เท่านั้นนะ แต่สิ่งที่ลุงจำลองทำ มันมีนัยของการปฏิวัติเนื้อดิน ผมใช้คำว่าเนื้อดิน เพราะเนื้อดินของเมืองไทยมีสารพิษมากเหลือเกิน เพราะฉะนั้นการที่ลุงจำลองพยายามที่จะให้คนใช้ปุ๋ยอินทรีย์ นั่นก็คือการปฏิวัติเนื้อดิน คุณภาพของดิน และการที่ชาวอโศกและลุงจำลองกินมังสวิรัติ ไม่กินเนื้อสัตว์ก็เป็นการปฏิวัติเรื่องเนื้อดิน เพราะว่าการเลี้ยงสัตว์เป็นการทำลายดินมากที่สุด พิสูจน์มาแล้ว ไม่ว่าเลี้ยงวัว ฟาร์มวัว หรืออะไรก็ดี เพราะฉะนั้นงานที่ลุงจำลองทำ ดูเป็นงานเล็กๆ ในเรื่องปุ๋ย ดูธรรมดาๆ คนอื่นก็ทำ แต่นัยสำหรับผมตีความคนที่เป็นนักปฏิวัติแบบลุงจำลอง คงไม่ทำแค่ขายปุ๋ยอินทรีย์ให้เอเอสทีวีเท่านั้น จะต้องมีนัยทางการเมืองก็คือ ปฏิวัติเนื้อดิน คุณภาพของดินทั้งประเทศ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นล่ะครับถ้าการปฏิวัตินี้สำเร็จ เมืองไทยเรามีภูมิอากาศดีอยู่แล้ว นั่นก็คือเราจะเป็นแหล่งอาหารของโลกที่แท้จริง

เรื่องของลุงจำลองนี่นะ พูดสัก 2-3 ชั่วโมงก็คงจะไม่จบ พูดได้เยอะ เพราะคนอะไรทำไมจึงทำอะไรได้มากมายขนาดนี้ ติดคุกติดตะรางก็ติดมาแล้ว โอกาสจะถูกถีบตกจากเครื่องบินก็เกือบมาแล้ว ท่านเล่าให้ผมฟังเอง ตอนถูกจับตอนพฤษภาฯ 35 เพราะฉะนั้นผมก็ยืนยันกับพรรคพวกว่า คุณจะมีภาพพจน์กับท่าน พล.ต.จำลอง อย่างไรก็แล้วแต่ แต่วันนี้ไม่ใช่ ไม่ใช่ภาพพจน์ที่คุณมี เพราะคุณไม่รู้จัก พล.ต.จำลอง อย่างแท้จริง ขอบคุณครับ

ปานเทพ- พล.ต.จำลอง จะมีอะไรเพิ่มเติมไหมครับในรอบนี้ ไว้ตอนหลังดีกว่านะครับ ในช่วงสุดท้ายมันเป็นช่วงสรุป และเวลาเราก็เหลือจำกัด เพียงแค่ 24 นาที ก็จะขออนุญาตให้ท่านละ 5 นาที เพื่อให้ พล.ต.จำลอง ได้สรุปปิดท้าย ก็ขออนุญาติ พล.อ.ปรีชา ก่อนนะครับ ว่ามีการเขียนในประวัติ ในเว็บไซต์ชื่อวิกิพีเดีย พิมพ์คำว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็จะไล่ตั้งแต่ประวัตินักเรียน เด็กๆ ไปจนถึงสมัยนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ไปจนถึงหัวข้อหนึ่ง พูดถึงคำว่า วีรบุรุษภูผาที ในนี้เขียนว่า หลังจากจบการศึกษาแล้ว ในปี พ.ศ.2511 ระหว่างสงครามเวียดนาม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในขณะมียศร้อยเอก สังกัดเหล่าทหารสื่อสาร ได้เข้าไปปฏิบัติการพิเศษในประเทศลาว ณ ยุทธภูมิภูผาที ใช้ชื่อรหัสว่า โยธิน มีวีรกรรมในการป้องกันสถานีเรดาร์จากการยึดครองจากคอมมิวนิสต์ จนได้รับฉายาว่า วีรบุรุษภูผาที ครับ ในช่วงนี้จะขออนุญาตให้ พล.อ.ปรีชา เพราะเป็นเพื่อนในยามพฤษภาฯ ทมิฬ อยู่ฝ่ายอำนาจรัฐ แต่มายืนอยู่ข้างเพื่อนที่ชื่อ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ด้วยเหตุผลอะไร เงื่อนไขอะไร มาฟังจาก พล.อ.ปรีชา ครับ

พล.อ.ปรีชา- ก่อนที่จะพูดถึงวีรบุรุษภูผาที ของพี่ลองของผม ผมอยากจะบอกว่าตอนที่พี่ลองเขาอดอาหารที่หน้าสภา ผมตอนนั้นรับราชการเป็นพลตรี เป็นเสนาธิการกรมยุทธศึกษาทหารบก แล้ววันรุ่งขึ้นกำลังจะไปต่างประเทศในหน้าที่ราชการพอดี ก็เป็นห่วง เขาไม่รู้ว่าผมนี่รักเขา เพราะผมไม่ค่อยแสดงไง เวลายามเขามีสุขมีอำนาจ ผมไม่เคยไปขออะไรเขาเลย แต่เมื่อเขาอยู่ในภาวะอันตรายเช่นนั้นคนที่เรารักและเราห่วง ก็ไปหาเขา โดยในหน้าที่ราชการผมอยู่ตำแหน่งประจำการ และอยู่ข้างฝ่ายรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ว่าด้วยความรักและห่วงเพื่อน ก็ไปหาเขา เขาก็ไม่พูดกับผมหรอก ชารีบกลับบ้าน อันตรายกับตัวเอง เราออมกำลังกลับโดยด่วน เขาพูดเท่านี้ เขารู้ว่าผมจะต้องถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาล แล้วก็จริง ตอนที่ผมไม่อยู่ ผมขึ้นเครื่องบินวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่าคนข้างบ้างบอกว่ามีทหารมา ขี่มอเตอร์ไซค์มาวนหน้าบ้านผมหลายรอบเลย ก็เป็นอันจบเรื่องพี่ลองเรื่องนี้ ในตอนพฤษภาฯ ทมิฬ แล้วผมก็ไม่ได้เจอกับท่านอีกเลย จนมาถึงวันที่ไปชวนท่านออกจากถ้ำมานั่นล่ะ

ทีนี้เรื่องวีรบุรุษภูผาที ผมว่าสถานการณ์มีความจำเป็นที่พี่ลองต้องเล่า แต่ผมในฐานะนักการทหาร จะบอกว่า หนทางสุดท้ายที่เราจะป้องกันที่มั่นเราไว้ได้ ที่เราไม่สามารถจะมีกำลังเหนือข้าศึกในขณะที่ข้าศึกจะวิ่งเข้าสู่ฐาน หมายความว่ามาเข้าทะลวงพื้นที่ระวังป้องกันเรามาหมดแล้ว หนทางสุดท้าย แล้วผมก็ทำที่กองพันของผม คือยิงจากอากาศเหนือฐาน หมายความว่าแลกกันเลย มึงก็ตาย กูก็ตาย แนวความคิดเช่นนี้จะใช้วาระสุดท้ายเมื่อไม่เห็นทางเลือกอื่นอีกแล้ว พี่ลองได้ใช้เลือกหนทางสุดท้ายอันนี้ เดี๋ยวในเวลาของผม 2-3 นาที จะให้พี่ลองมาเล่า แต่ว่าผมมีเรื่องหนึ่ง เวลานี้ภาคใต้กำลังขยายความอันตรายอย่างมาก พี่ลองของผมแกก็บอกอยู่แล้วว่าแก ส.ท.ร. แส่ทุกเรื่อง ตอนที่เราอยู่กัน เมื่อตอนปล้นปืนเมื่อปี 47 เราก็เป็นห่วง ท่านก็บอกผม ชาไปดูซิภาคใต้ แล้วไปหาข้อคิดเห็นมา ผมก็ไปกับป้า ป้านั่งข้างๆ ผมขับรถเปอร์โยต์ไป ทุกแห่งที่ผู้ก่อการร้ายตัดคอพระ อะไรน่ะ ผมตัดหนังสือพิมพ์ไทยรัฐไว้หมดเลย แล้วก็ไปทางนั้นกับป้าสองคนเท่านั้น แล้วก็มาเขียน แนวความคิดว่าเราจะต้องทำอย่างไร ก็เป็นอันว่าเราก็เขียน แล้วก็เสนอตัวบุคคลที่เป็นแม่ทัพที่จะลงไปทำหน้าที่อันนี้ คนๆ นั้นคือ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ทักษิณรับไป เอาคำพูดของเราไปใช้ ปฏิบัติการเชิงรุกอะไรก็ว่าไป แต่ว่าไม่เอาสพรั่ง เพราะสพรั่งก็เป็นนักรบ เขาเป็นนักจัดการกับข้าศึก ที่ ... ผมขออนุญาตน้องสพรั่ง พี่ไม่ได้ว่าน้องนะ ผมสร้างมากับมือ ปานเทพรู้ จริง/ไม่จริง เอาล่ะ พี่ลองมาว่าเรื่องผาทีให้มันๆ หน่อย พี่ลองขออนุญาต

คลิกอ่านต่อ
เวทีปวารณาวิพากษ์ วิภาษ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในงานโพชฌังคาริยสัจจายุ (ฉลองครบรอบอายุ 77 ปี 7 เดือน 7 วัน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง) ซึ่งจัดขึ้นที่ชุมชนปฐมอโศก ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม (ภาพจากเฟซบุ๊ก ลุงจำลองแฟนคลับ)

กำลังโหลดความคิดเห็น