xs
xsm
sm
md
lg

77 ปี 7 เดือน 7 วัน ของ ลุงจำลอง ศรีเมือง

เผยแพร่:   โดย: ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2478 ปัจจุบันถึงวันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 ก็ถือว่าเป็นวันครบอายุ 77 ปี 7 เดือน และ 7 วัน

ความจริงแล้วแต่ไหนแต่ไร ลุงจำลอง ศรีเมือง ไม่ได้มีความประสงค์ที่จะจัดงานวันคล้ายวันเกิดเลย คราวนี้ก็เช่นกันชาวอโศกได้จัดงานพิเศษโดยที่ไม่ได้บอกให้ลุงจำลองทราบมาก่อนว่าจะจัดงานครบรอบตัวเลขมหัศจรรย์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับลุงจำลองที่ปฐมอโศก จังหวัดนครปฐม

ลุงจำลอง ศรีเมือง บอกกับผมว่าถ้ารู้ก่อนว่าจะจัดงานนี้จะห้ามปรามว่าไม่ต้องจัดเพราะเป็นคนที่ไม่เคยจัดงานวันเกิดอยู่แล้ว แต่เมื่อชาวอโศกตั้งใจจัดงานนี้ขึ้นก็ต้องเลยตามเลย แต่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่ดีต่อชาวอโศกที่มีต่อลุงจำลอง ศรีเมือง มีมากเพียงใด

ลุงจำลอง ศรีเมือง ผ่านงานทางการเมืองอย่างมากมาย เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 2 สมัย เป็นทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รองนายกรัฐมนตรี ฯลฯ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง มีภาวะความเป็นผู้นำสูงและเสียสละเพื่อคนอื่นตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ ในยามที่ลุงจำลองเป็นหัวหน้านักเรียนก็ได้ไปจัดกิจกรรมฉายภาพยนตร์เพื่อหารายได้ซื้ออุปกรณ์กีฬาและดนตรีเข้าสโมสรนักเรียนนายร้อย แต่การกระทำดังกล่าวไปผิดในข้อหาขัดคำสั่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดในระหว่างประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งขณะนั้นคือ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงถูกปลดจากหัวหน้านักเรียนนายร้อยเป็นนักเรียนลูกแถว และถูกลงโทษให้รับกระบี่ช้าออกไป ไม่พร้อมกับเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ จปร. จึงจบ จปร.รุ่น 7/2 แต่ก็ได้ใจเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกันอย่างยิ่ง

เรื่องการต่อสู้เพื่อคุณธรรมและศีลธรรมและความถูกต้องนั้น ถือเป็นเรื่องที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ทำมาแล้วหลายเรื่องก่อนที่จะมาร่วมงานกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็น การต่อต้านกฎหมายทำแท้ง การชุมนุมขับไล่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร, การต่อต้านการขายบางจาก, การชุมนุมต่อต้านเอาหุ้นเบียร์ช้างเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ฯลฯ ในการต่อสู้ของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นที่ยอมรับนับถือทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ อีกทั้งยังเคยได้รับรางวัลแมกไซไซ อีกด้วย

แต่งานทางการเมืองของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง คงไม่ค่อยจะถูกใจนักการเมืองไทยบางกลุ่มเสียเท่าไหร่ เพราะลุงจำลองจะยอมหักแต่ไม่ยอมงอให้กับความไม่ถูกต้องในบ้านเมืองนี้มาโดยตลอด

พล.ต.จำลอง เริ่มชีวิตทางการเมืองเมื่อ พ.ศ. 2522 โดยดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แต่ต่อมาได้ขอลาออกจากตำแหน่ง เพราะไม่เห็นด้วยกับการเสนอให้แก้ไขกฎหมายทำแท้ง และสามารถหยุดยั้งกฎหมายดังกล่าวได้สำเร็จ

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีพร้อมกับรัฐมนตรีจากพรรคพลังธรรม เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับนโยบาย ส.ป.ก. 4-01 ของพรรคประชาธิปัตย์ และทำให้นายชวน หลีกภัย ออกพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรในวันนั้น

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ชุมนุมประท้วงอดข้าวเสียสละเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อต่อสู้กับ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 จนหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬผ่านไปแล้ว ก็มีแหล่งข่าวแจ้งให้ พล.ต.จำลอง ศรีเมืองทราบว่า มีกลุ่มทหารบางคนได้ลงขันกันให้พรรคการเมืองหนึ่งซื้อเสียงเป็นจำนวนหลายพันล้านบาท เพื่อไม่ให้ พล.ต.จำลอง ชนะการเลือกตั้ง เพราะกลัวว่าจะกลับมาเช็กบิลทหารเหล่านั้น

ในระหว่างที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ไม่เคยพาประชาชนไปเสี่ยงอันตราย แต่ภายหลังจาก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ถูกจับตัวไปแล้ว ทหารจึงยิงประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก แต่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะถูกนักการเมืองบางคนจากพรรคประชาธิปัตย์ปั่นกระแสเพื่อต้องการเอาชนะการเลือกตั้งอย่างอำมหิตว่า “จำลองพาคนไปตาย” จนพรรคประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นผลสำเร็จ

แม้จะพ้นจากงานทางการเมืองในรัฐสภา และในคณะรัฐมนตรีมาแล้ว แต่พล.ต.จำลอง ศรีเมือง มักจะพูดให้ฟังอยู่เสมอว่าการเมืองในสภาแก้ปัญหาในประเทศไม่ได้ แต่การเมืองนอกสภาสามารถแก้ปัญหาประเทศได้ผลมากกว่า

ต้องถือว่าเป็นความโชคดีและธรรมะจัดสรร ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นหนึ่งในแกนนำ ที่มีบทบาทสูงอย่างมาก เพราะด้านหนึ่งก็เป็นผู้เชื่อมระหว่างมวลชนและทีมงานชาวอโศกเข้ากับมวลชนและทีมงานของเอเอสทีวีจนสามารถทำให้เป็นการชุมนุมที่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการในการชุมนุมของชาวอโศกที่ผนวกเข้ากับการนำเสนอของทีมงานสื่อเอเอสทีวี

แม้ในยามที่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ถูกใส่ร้ายต่างๆ นานาว่า “รับเงินทักษิณ” แต่การยืนหยัดของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ทำให้หลายคนเชื่อว่าถ้าคนอย่างสนธิเป็นอย่างที่กล่าวหาแล้วคนอย่างพล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะยืนหยัดเคียงข้างสนับสนุนได้อย่างไร ปัจจุบันนี้อาจกล่าวได้ว่า พล.ต.จำลอง กับคุณสนธิ ได้ผ่านการพิสูจน์ด้วยการเสียสละในหลายวิกฤต ที่ไม่มีใครจะมาเสี้ยมให้เกิดความหวาดระแวงซึ่งกันและกันได้เลย และทั้งคู่คิดไม่ต่างกันและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันชนิดสู้ที่ไหนก็จะไปด้วยกันพร้อมกับแกนนำที่เหลือทุกคน

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยึดความถูกต้องมากกว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นคนสนับสนุนมาตั้งแต่เริ่มงานทางการเมือง เมื่อทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ยื่นจดหมายเรียกร้องให้เสียภาษี แต่เมื่อไม่ทำตามก็เดินหน้ากลายเป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในการขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้กลายเป็นนักโทษหนีอาญาแผ่นดินทุกวันนี้

จุดยืนที่มั่นคงตั้งแต่ลาออกจากเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลาออกจากรองนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และการเดินหน้าขับไล่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ย่อมแสดงให้เห็นว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะไม่ยอมยืนอยู่ข้างความไม่ถูกต้องโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะล่อด้วยตำแหน่ง อำนาจ หรือผลประโยชน์อื่นใด

ลุงจำลอง ทำงานอยู่ตลอดเวลาเพราะถือว่า “งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน” และงานที่ทำก็คือการเสียสละเพื่อคนอื่นทั้งสิ้น ทั้งมูลนิธิพลตรีจำลอง ศรีเมือง ที่ช่วยฟอกไตราคาถูก ทำงานสร้างคนผ่านโรงเรียนผู้นำ ริเริ่มเชิญชวนให้คนรับประทานอาหารมังสวิรัติ จัดตั้งมูลนิธิสงเคราะห์สัตว์ที่ต้องเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนถูกทอดทิ้งจำนวนมาก จัดหลักสูตรล้างพิษลำไส้ ถุงน้ำดี และตับ ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ขวัญดีเพื่อนำเงินมาช่วยหล่อเลี้ยงเอเอสทีวี และรวมถึงการรณรงค์ครั้งแรกในชีวิตที่เชิญชวนให้ประชาชนบริจาคช่วยเอเอสทีวีอยู่ให้รอดได้และสามารถนำเสนอข่าวสารได้อย่างอิสระโดยที่ไม่ต้องพึ่งเงินจากทุนสามานย์หรือนักการเมืองคนใด ฯลฯ

ลุงจำลอง เป็นคนเอาใจใส่รายละเอียดมาก มักจะสอบถามพนักงานถึงความเดือดร้อนในเรื่องเงินเดือน จึงเป็นคนออกหน้ารณรงค์ให้ประชาชนบริจาคช่วยเหลือเอเอสทีวีมาโดยตลอด แม้แต่ในยามที่เอเอสทีวีขาดเงินอย่างหนักจนกระทบต่อเงินเดือนพนักงานเมื่อปีที่แล้ว ลุงจำลองก็ยังหยิบยืมเงินมาให้คุณสนธิยืมเพื่อจ่ายเงินเดือนให้เอเอสทีวีโดยที่ไม่มีใครร้องขอและไม่บอกใคร และก็ไม่เคยได้อะไรเป็นการตอบแทน

ลุงจำลอง ศรีเมือง กลายเป็นโซ่ข้อกลางที่เชื่อมโลกของชาวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้าหาสันติอโศก จนกล่าวได้ว่าการต่อสู้ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เรามีญาติทางธรรมเกิดขึ้นมากมายจากการต่อสู้และเสียสละ และถือเป็นความโชคดีที่การต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีชาวอโศกอยู่ในขบวน ซึ่งเป็นมิตรที่ปฏิบัติธรรมโดยไม่เคยหวังผลตอบแทนอีกเช่นกัน

แต่เดิมชาวอโศกที่อยู่ในชุมชนปิดที่คนภายนอกไม่มีใครรู้จัก แต่เมื่อได้มารู้จักในการชุมนุมแล้วตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา สังคมไทยได้ปรับทัศนคติมองชาวสันติอโศกอย่างเข้าใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก และคนที่เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจำนวนมากก็เปลี่ยนความคิดไปมาก ทั้งการอยู่ง่ายกินง่าย ยึดติดน้อยลง และรู้จักความพอเพียงมากขึ้นนับตั้งแต่มาชุมนุมร่วมกับชาวอโศก

ลุงจำลอง ศรีเมือง เป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน สุภาพ และสมถะ ซื่อสัตย์ เสียสละ รับประทานอาหารมังสวิรัติ ถือศีล 8 เป็นคนเขียนหนังสือใช้ตัวเลขไทย ฯลฯ จนอาจกล่าวได้ว่าเราจะหาคนลักษณะแบบนี้ในยุคได้ยากเหลือเกิน เป็นความโชคดีที่เราได้รู้จักและทำงานร่วมกับคนแบบนี้ได้ในช่วงที่เรามีชีวิตอยู่

เพราะความเรียบง่ายและสมถะ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เล่าให้ฟังว่าทรงผมของลุงจำลองเป็นฝีมือตัดผมของภรรยา พ.ต.ศิริลักษณ์ ศรีเมือง ที่มีความสะดวกมากเพราะจะตัดเวลาใดก็ได้ และข้อสำคัญไม่มีการถกเถียงหรือทะเลาะกัน เพราะในขณะตัดผมนั้นจะไม่มีกระจกให้ส่องดูด้วย ทรงผมก็ออกมาอย่างไรก็ต้องตามนั้นไม่เคยเปลี่ยน

ลุงจำลอง ศรีเมือง เป็นคนที่รับฟังและสอบถามความคิดเห็นจากคนอื่นเสมอ แม้ว่าจะเป็นความเห็นจากคนที่อายุน้อยกว่า หรือแม้มีประสบการณ์น้อยกว่า และพร้อมจะเปลี่ยนความคิดหรือแผนงานเสมอหากมีข้อมูลใหม่ หรือได้รับความเห็นที่ดีกว่าสิ่งเดิม สะท้อนให้เห็นว่าเป็นคนที่ไม่ยึดอัตตาในตัวตนของตัวเอง ทั้งๆ ลุงจำลองได้ผ่านประสบการณ์ในชีวิตมาอย่างมากมายเหลือเกิน

มีหลายคนได้เคยเรียกร้องในการกลับมาทำงานทางการเมืองของ ลุงจำลอง ศรีเมือง ไม่ว่าการตั้งพรรคการเมือง หรือการลงสมัครในตำแหน่งใด แต่สำหรับลุงจำลอง ศรีเมือง ได้บอกว่าอายุมากแล้ว และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังต้องทำต่อไป ควรให้เป็นเรื่องของคนรุ่นต่อไป

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงไม่มีใครจะมาแทน “ลุงจำลอง ศรีเมือง” ได้อีกแล้ว!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น