xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ยกย่อง “ลุงจำลอง” มหาบุรุษ ดำเนินชีวิตพอเพียง-สมถะ อุทิศเพื่อสังคม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แกนนำพันธมิตรฯ ยกย่อง “พล.ต.จำลอง” เป็นมหาบุรุษ ดำเนินชีวิตพอเพียง และสมถะ สวนทางสังคมไทย ลุ่มหลงสร้างภาพ-โกหกพกลม ชี้ไม่ยึดติดลาภยศ สรรเสริญ รู้จักปล่อยวาง คิดดี ทำดี มีธรรมในใจ แต่ไม่เคยอวดอ้าง ชีวิตมีแต่เรื่องงานเพื่อสังคม อีกทั้งรักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ ไม่เปลี่ยน เผยความถูกต้องต้องมาก่อน ความยุติธรรมต้องมาเหนือความเท่าเทียม ที่สำคัญชาวเอเอสทีวีเป็นหนี้บุญคุณ ยันไม่เคยไว้ใจใครเท่า


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (12 ก.พ.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวผ่านการบันทึกเทปในงานเสวนา"ปวารณาวิพากษ์ วิภาษ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง" เนื่องในงาน งานโพชฌังคาริยสัจจายุ (ฉลองครบรอบอายุ ๗๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง) ซึ่งจัดขึ้นที่ชุมชนปฐมอโศก ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม ว่า วันนี้เป็นวันเกิดของ พล.ต.จำลอง 77 ปี 7 เดือน 7 วัน ซึ่งตรงกับเลข 7 ทั้งหมด และตนก็เกิดวันที่ 7 จึงถือว่าเลข 7 เป็นเลขมงคล ก่อนหน้านี้ตนจะเดินทางไป แต่ พล.ต.จำลองโทรศัพท์มาเมื่อวันศุกร์ กล่าวว่าห้ามมาเด็ดขาด เพราะยังมีขบวนการตามล่าตนอยู่ และเมื่อตนออกมานอกกรุงเทพฯ ไปยังเส้นทาง จ.นครปฐม ตัดเข้าสู่ปฐมอโศก มีโอกาสถูกวางแผนลอบทำร้ายได้ เพราะเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งที่ต้องการให้ตาย ตนจึงไม่มา แต่ก็อยากจะต้องพูดอะไรบางอย่างถึง พล.ต.จำลองให้ฟัง และให้ผู้ชมทราบว่าตนคิดอย่างไรกับ พล.ต.จำลอง

ทั้งนี้ ตนกับ พล.ต.จำลอง รู้จักกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยลงสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม. แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้มีความใกล้ชิดเหมือนยุคสมัยช่วงปลายปี 2548 ถึงปัจจุบัน ยอมรับว่าตั้งแต่ปี 2548 ถึงทุกวันนี้เป็นช่วงที่ตนรู้จัก พล.ต.จำลอง มากที่สุด และทำให้ตนเข้าใจมากจริงๆ และเคารพนับถือด้วยความจริงใจ พล.ต.จำลองเป็นคนในประเทศไทยเพียงไม่กี่คนที่ตนเต็มใจไหว้ และเคารพอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะ 8 ปีที่ผ่านมาการอยู่ร่วมทำงานร่วมอุดมการณ์ และความมีน้ำใจของ พล.ต.จำลอง ทำให้ตนเห็นว่า พล.ต.จำลองไม่ใช่รัฐบุรุษ เพราะรัฐบุรุษคือคนที่ทำให้เพื่อชาติบ้านเมืองเหมือนอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งต้องแยกออกเป็นกรณีพิเศษ แต่ในสถานภาพอย่าง พล.ต.จำลอง ตนเรียกได้เต็มที่ว่าเป็น “มหาบุรุษแห่งประเทศไทย”

คำว่า “มหาบุรุษ” ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริง คนที่ไม่รู้จัก พล.ต.จำลอง จะมองไปหลายรูปแบบ มหา, กระบี่มื้อเดียว, อาบน้ำวันละขัน ของพวกนี้ฟังดูแรกๆ เหมือนเป็นเรื่องตลก แต่ถ้าดูไปเรื่อยๆ แล้วและเข้าใจ ที่สำคัญคือต้องสัมผัส พล.ต.จำลองจริงๆ ถึงจะรู้คำว่ามหามื้อเดียว หรืออาบน้ำขันเดียว จริงๆ แล้วมันเป็นวิถีชีวิตของ พล.ต.จำลอง ในเรื่องความพอเพียงและความสมถะ ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ พี่ลักษณ์ (พ.ต.หญิง ศิริลักษณ์ ศรีเมือง) ภรรยา พล.ต.จำลอง ยังตัดผมให้อยู่ และ พล.ต.จำลองก็ตัดผมให้พี่ลักษณ์ด้วย ตนคิดว่าลำพังแค่สามีภรรยาตัดผมให้กันถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ว่า พล.ต.จำลองมีอะไรที่อยากให้สังคมไทยได้รับรู้ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่ลุ่มหลง หลงใหลกับการสร้างภาพ เป็นสังคมที่ชอบของปลอม เป็นสังคมที่ชอบการโกหกพกลม ยิ่งโกหกมากเท่าไหร่ยิ่งได้ดีมากเท่านั้น และนี่คือจริตของสังคมไทย

“ผมรู้จักพี่ลองมาจากวันนั้นถึงวันนี้ ผมไม่เคยเห็นพี่ลองไม่ได้คิดดีทำดีเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างที่พี่ลองคิดเป็นเรื่องดีทั้งนั้น และทุกอย่างที่พี่ลองทำก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุด เพราะพี่ลองผมเชื่อว่า ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้า พี่ลองจะคิดดี และจะทำดีตลอดเวลา ทำไมผมพูดเช่นนั้นได้ เพราะว่าสิ่งที่ผมสัมผัสกับพี่ลองมาตลอด 8 ปี ผมรู้ตลอดเวลาว่าพี่ลองคิดดี ทำดี ที่สำคัญคือ พี่ลองหวังดีกับคน พี่ลองดูแล้วเหมือนพระโพธิสัตว์ ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้พี่ลองเป็นคนคิดดี ทำดี และทำให้พี่ลองเป็นพี่ลองถึงทุกวันนี้ก็คือ พี่ลองเป็นคนปล่อยวาง การปล่อยวางพูดง่ายกว่าทำ แต่พี่ลองทำให้เห็น คนที่เคยเป็นถึงเลขาฯ นายกรัฐมนตรี คนที่เคยเป็นผู้ว่าฯ กทม.แล้วในที่สุดมานอนกลางดินกินกลางทราย ต่อสู้ในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง และเป็นธรรม คนอย่างนี้ไม่ปล่อยวางได้ยังไง” นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวต่อว่า พล.ต.จำลอง เป็นคนไม่ยึดติดลาภ ยศ สรรเสริญ เพราะเป็นคนที่คิดแต่เรื่องดีๆ ทำแต่เรื่องที่ดีๆ ที่เป็นคนเช่นนั้นเพราะรู้จักพอเพียง สมถะ ถ้าใครรู้จักหรือสังเกตจะพบว่าชีวิตของ พล.ต.จำลอง ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย ใส่เสื้อม่อฮ่อมยังไง สิบกว่าปีก็ยังเหมือนเดิม รองเท้าแตะบางทีเดินเท้าเปล่า บางวันแต่งตัวดีหน่อยเพราะจำเป็นจะต้องไปขึ้นศาล ใส่รองเท้าหนังเป็นเรื่องราวใหญ่โต ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นความสมถะ ความพอเพียงของ พล.ต.จำลอง เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ไม่ได้สร้างภาพว่าเป็นคนสมถะ พอเพียง ทั้งในด้านอาหารการกิน การแต่งตัว และจิตใจ ส่วนคำว่ากระบี่มื้อเดียว พล.ต.จำลองเป็นคนกินอาหารมื้อเดียว ที่เอเอสทีวีตนเห็น พล.ต.จำลองกินอาหารกับผักจานเบ้อเริ่มมื้อเดียว แล้วอยู่ทั้งวัน ไม่กินเนื้อสัตว์ เหตุผลคงจะเป็นเพราะเรื่องสุขภาพ

ส่วนเรื่องที่สำคัญและไม่เคยมีใครคิด คือ พล.ต.จำลองไม่อยากเบียดเบียนสัตว์ เพราะเนื้อสัตว์จะมาได้ก็ต่อเมื่อต้องฆ่าสัตว์ เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าเป็นการกระทำของคนที่มีความคิดเป็นธรรมในใจหรือเปล่า ตนบอกว่าใช่ แต่ พล.ต.จำลองไม่เคยอวดอ้างอะไรเลย เพราะชีวิตที่ตนรู้จัก พล.ต.จำลอง ยึดถือหลักธรรมซึ่งเป็นหลักธรรมขั้นสูงของพระพุทธเจ้า เพราะ พล.ต.จำลองยึดถือชีวิตคืองาน งานคือชีวิต ตนยังไม่เคยเห็น พล.ต.จำลองอยู่ว่างเลยสักเรื่อง ยุ่งไปหมดเลย ถ้าไม่ทำโน่นก็ทำนี่ตลอดเวลา พล.ต.จำลองไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆ ถ้ารับปากใครแล้วเรื่องอะไรจะทำทันที ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง อันนี้คือคนซึ่งใช้ธรรมนำหน้า ตนยังทำสู้ไม่ได้ ถึงพยายามจะเลียนแบบตลอดเวลา เพราะฉะนั้นมีแต่เรื่องงาน ที่สำคัญเรื่องงานของ พล.ต.จำลอง ไม่ได้ทำเพื่อให้ตัวเองรวย เป็นคนที่ทำงานเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม ทั้งโลกมนุษย์และสังคมของสัตว์ด้วย เปิดร้านอาหารมังสวิรัติกำไรสักกี่บาท แต่ต้องการเอามังสวิรัติเข้าสู่สังคมไทยให้คนรู้ว่าในที่สุดการทำมังสวิรัติเป็นเรื่องที่ดีต่อร่างกาย ตนเชื่อว่า อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้อิทธิพลส่วนหนึ่งจาก พล.ต.จำลองเหมือนกัน

“ใครจะไปนึก คนอย่างพี่ลอง มีคนญี่ปุ่นชื่นชมในตัวพี่ลองมาก บริจาคเครื่องฟอกไตมาให้พี่ลองเป็นสิบๆ เครื่อง ให้ฟรี พี่ลองแทนที่จะเอาเครื่องฟอกไตมาแล้วไปแจกคนโน้น ไม่มี พี่ลองคิดในรูปแบบสงสารคนที่เดือดร้อนจากโรคไต แต่ไม่มีเงินที่จะฟอกไต พี่ลองเลยตั้งศูนย์ฟอกไต ราคาไม่แพง ราคาถูกมาก ให้มนุษย์ทุกคน ไม่กีดกันว่าใครก็ตาม นี่คือการแก้ปัญหาทุกข์ยากของคน มันเป็นลักษณะเหมือนกับของพระโพธิสัตว์ ใครจะไปรู้ว่าถ้าพี่ลองไม่พูดให้ฟังว่าพี่ลองเลี้ยงสุนัขจรจัดเป็นพันๆ ตัว พี่ลองเลี้ยงหมาที่คนเขาทิ้งแล้วเป็นพันๆ ตัว เฉพาะค่าอาหารอย่างเดียวเงินตั้งเท่าไหร่ แล้วอีกเรื่องหนึ่ง พี่ลองเปิดศูนย์ล้างพิษตับ ที่โรงเรียนผู้นำ เพราะว่าหลักสูตรล้างพิษตับคือการทำให้คนเอาพิษจากร่างกายออกไป แล้วพี่ลองคิดค่าล้างพิษตับแค่ 2,500 บาท กำไรไม่มีหรอก คือขอให้ศูนย์นั้นอยู่ได้ คนที่ล้างพิษตับจากพี่ลองออกจากศูนย์นั้น ผมว่าน่าจะถึงหมื่นแล้ว คนที่รอดชีวิต ทำให้สุขภาพดี เพราะการกระทำได้อานิสงส์จากพี่ลอง” นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวว่า พล.ต.จำลอง ยังสร้างโรงเรียนผู้นำ สมัยก่อนตำรวจ ทหาร จะเข้าโรงเรียนผู้นำสอนหลักธรรม สอนการเป็นผู้นำ สอนคุณธรรม สอนจริยธรรม หลายคนที่เคยผ่านโรงเรียนผู้นำไป คุณภาพชีวิตดีขึ้น ความคิดดีขึ้น แต่เผอิญความเป็น พล.ต.จำลอง พอการเมืองเปลี่ยน คนที่ไม่ชอบ พล.ต.จำลอง ก็ไม่ให้ตำรวจ ไม่ให้ทหารเข้ามาเรียนโรงเรียนผู้นำ จริงๆ แล้วโรงเรียนผู้นำยังมีประโยชน์มากกว่า วปอ.หรือ วปรอ.อีก เพราะโรงเรียนผู้นำคือการเสริมสร้างจิตวิญญาณให้คนเป็นคนดี ให้มีจิตสำนึก เป็นสิ่งซึ่ง พล.ต.จำลองเป็นคนที่ทำ อีกอันหนึ่ง พล.ต.จำลอง เป็นคนที่รักชาติ รักศาสนา รักพระมหากษัตริย์ การกระทำตั้งแต่เป็นทหาร ตั้งแต่ยศร้อยตรีขึ้นมาจนกระทั่งวันนี้ ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่เป็นที่กังขาเลยแม้แต่นิดเดียว คบกับ พล.ต.จำลอง มา 8 ปี อันหนึ่งที่รู้คือ พล.ต.จำลอง ยึดถือความถูกต้องเป็นหลักชีวิต ความถูกต้องต้องมาก่อน ขณะเดียวกัน ตนเรียนรู้จาก พล.ต.จำลองเรื่องความเท่าเทียมกันและความยุติธรรม พล.ต.จำลอง บอกว่า ความเท่าเทียมกันหรือจะสู้ความยุติธรรม ความยุติธรรมต้องมาเหนือความเท่าเทียมกัน

ขณะเดียวกัน ตนอยู่กับ พล.ต.จำลอง มา 8 ปี รู้เลยว่า พล.ต.จำลองเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ ฟังดูเหมือนเป็นเผด็จการ จริงๆ ไม่ใช่ ที่ประชุมแกนนำพันธมิตรฯ หรือที่ประชุมหลายๆ แห่ง เชื่อว่าแกนนำคนอื่นๆ ก็จะยืนยันได้ว่า พล.ต.จำลอง ในทางตรงกันข้ามกับข่าวหรือสิ่งที่คนเห็นว่า พล.ต.จำลองเผด็จการ ไม่ใช่ พล.ต.จำลองเป็นนักประชาธิปไตยตัวยง เพราะพี่ลองจะถามทุกคนหมด แม้กระทั่งเด็กจะถามว่าคิดยังไง แต่เมื่อถามแล้วประมวลก็จะบอกว่า พวกคุณเอายังไงผมเอาด้วย ซึ่งตรงกันข้ามกับลักษณะข่าวลือของ พล.ต.จำลอง สมัยที่เราชุมนุมใหม่ๆ คนจะกลัว พล.ต.จำลอง ว่าฮึดขึ้นมาบอก เดินไปชนมัน แต่ พล.ต.จำลองกลับเป็นคนที่กลัวมากที่สุด กลัวมีเรื่อง กลัวประชาชนเดือดร้อน แต่ว่าอะไรก็ตามที่ตกผลึกแล้ว เช่นเรื่องชาติบ้านเมือง จะบอกว่าเป็นไงเป็นกัน ทั้งนี้ ในการชุมนุม 158 วัน พล.ต.จำลอง บอกกับตนว่า ผมจะต้องไปประท้วงเรื่องดินแดน ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร ผมจะไปในนามส่วนตัว ตนบอกว่า ข้อแรกโดยพื้นฐานตนต้องไปอยู่แล้ว แต่ข้อที่สองสิ่งที่ประท้วงเรื่องดินแดนชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ต้องทำ

เพราะฉะนั้น พล.ต.จำลองไม่ได้ไปคนเดียว ตนไปด้วย เพราะฉะนั้นพันธมิตรฯ จึงตัดสินใจชุมนุม 158 วัน แต่ถึงทุกคนจะฟัง พล.ต.จำลอง แต่ พล.ต.จำลอง มักจะกล่าวว่า คุณไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ แต่ผมต้องไป เพราะผมเชื่อของผมอย่างนี้ เพราะผมต้องปกป้องชาติบ้านเมือง จะเห็นได้ชัดว่า พล.ต.จำลอง ไม่ใช่เป็นเผด็จการ นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตถูกต้องหมด ตนจำได้หลายเรื่องที่พูด พล.ต.จำลอง ใช้ธรรม ไม่ได้ใช้กิเลสมอง คนใจจริง จริงใจ แน่ไม่แน่ก็ต้องดู สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บริษัทเหล้าเบียร์ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ พล.ต.จำลองมองว่า บริษัทเหล้า บริษัทเบียร์ เข้าตลาดหลักทรัพย์คือการมอมเมาคน ชาวอโศกไปชุมนุมหน้าตลาดหลักทรัพย์ ปักหลักพักค้าง พล.ต.จำลองจะแสดงความเป็นธรรม ข้อเท็จจริง หลักการ ความซื่อสัตย์ จริยธรรม คุณธรรมออกไป ไม่รีรออะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

อีกเรื่องที่สำคัญที่สุด ชาวเอเอสทีวีทุกคนเป็นหนี้บุญคุณ พล.ต.จำลอง และชาวอโศก ตลอดจนพี่น้องพันธมิตรฯ ที่สนับสนุนเอเอสทีวี พล.ต.จำลอง รู้ว่าตนเป็นคนปากหนัก พูดกับตนเองว่า ขึ้นเวทีบอกว่าเอเอสทีวีลำบาก คุณสนธิไม่พูด ผมพูดเอง พร้อมที่จะออกโทรทัศน์ ลงเสียง ให้บริจาคเอเอสทีวี เดินเรื่องแม้กระทั่งบัญชีที่ตั้งไว้ ก็เป็นบัญชีสาขาราชวัตร ที่ พล.ต.จำลองรู้จัก และเป็นธุระหมดเลย แม้กระทั่งสินค้าของสันติอโศก ปุ๋ยของ อ.ขวัญดิน อ.แก่นฟ้า บอกว่ากำไรจะแบ่งให้เอเอสทีวีเลย กระทั่งมีชาวอโศกหลายคนที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้ พล.ต.จำลอง ต้องไปชี้แจงให้ฟัง มองว่าเอเอสทีวีนั้นคือแหล่งที่จะเอาปัญญาออกไป เหมือนกับว่าเป็นเครื่องมือในการแสดงธรรม เพราะสิ่งที่ พล.ต.จำลอง หรือชาวอโศกทำ คือธรรมที่พระพุทธเจ้าชั้นสูง ไม่มีใครเคยทำมาก่อน นี่คือ พล.ต.จำลอง พวกเราซาบซึ้งกับ พล.ต.จำลองมาก

“พี่ลองจะเป็นคนที่น่ารักที่สุด แม้กระทั่งบางเรื่องที่พี่ลองตัดสินใจไปแล้ว เวลาพูดกับเรา พี่ลองยังใช้คำพูดที่น่ารักมาก คุณสนธิครับ มีเรื่องอย่างนี้ๆ นะ เขาบอกมาอย่างนี้ๆ นะ สุดแล้วแต่คุณสนธินะ เอาก็เอา ไม่เอาก็ไม่เอา ผมรู้เลย พี่ลองตัดสินใจแล้วเรื่องนี้ เมื่อพี่ลองตัดสินใจแล้ว ผมไม่มีวันที่จะปฏิเสธพี่ลอง รู้ไหมครับเพราะอะไร เพราะว่าพี่ลองคิดดี ทำดี เพราะฉะนั้นสิ่งที่พี่ลองตัดสินใจ คือสิ่งที่พี่ลองคิดดีแล้ว และก็ทำดีแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วผมยืนยันที่นี้ว่า ตั้งแต่เกิดมา ผมพูดตรงไปตรงมา ผมไม่เคยไว้ใจใครมากเท่ากับผมไว้ใจ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ความไว้ใจนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่พี่ลองตัดผมเกรียน ให้พี่ลักษณ์ตัดผม ทานมังสวิรัติ หรือแต่งตัวใส่ม่อฮ่อมตลอดชีวิต นั่นเป็นแค่องค์ประกอบ แต่ที่ผมไว้ใจเพราะว่าจิตใจพี่ลองเป็นจิตใจที่สูงส่ง มีคุณธรรม เป็นจิตใจที่ปกป้องจริยธรรม เป็นจิตใจที่รักชาติ รักบ้าน รักเมือง จิตใจของพี่ลองเป็นจิตใจที่ไม่มีวาระซ่อนเร้นเลยแม้แต่เรื่องเดียว ใครก็ตามที่มีเรื่องกับพี่ลอง หาเรื่องพี่ลอง ไอ้นั่นในทางโลกถือว่าเป็นคนที่เลวที่สุด” นายสนธิกล่าว

คำต่อคำ "สนธิ ลิ้มทองกุล"ปวารณา วิพากษ์ วิภาษ "พล.ต.จำลอง ศรีเมือง

สนธิ- สวัสดีครับพี่ลอง วันนี้เป็นวันเกิดของพี่ลอง อายุ 77 ปี 7 เดือน แล้วก็ 7 วัน ซึ่งตรงกับเลข 7 หมดเลย เผอิญผมก็เกิดวันที่ 7 เหมือนกัน ผมก็ต้องถือว่าเลข 7 เป็นเลขที่เป็นสิริมงคล

ก่อนอื่น ท่านผู้ชมและท่านที่มาอยู่ในงานวันนี้ เดิมทีผมตั้งใจจะไปพูดถึงพี่ลองด้วยตัวเองบนเวที แต่ว่าความที่พี่ลองเป็นคนที่นึกถึงคนอื่นก่อนตัวเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันหนึ่งที่ผม ประเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง โทรศัพท์มาหาผมเมื่อวันศุกร์ สั่งผมเด็ดขาดเลย บอกว่าคุณสนธิ ห้ามมาเด็ดขาดนะ เหตุที่ห้ามมาเด็ดขาดก็เพราะว่ามีขบวนการตามล่าคุณยังอยู่ และเขาเตรียมตัว และอีกอย่างคุณออกมานอกกรุงเทพฯ แล้ว วิ่งออกมาเส้นสายนครปฐม แล้วก็ตัดเข้าสู่ปฐมอโศก มันมีโอกาสที่จะถูกวางแผนลอบทำร้ายได้ เพราะว่าคุณเป็นเป้าหมายอันดับ 1 ที่เขาต้องการให้ตาย พี่ลองก็ยืนยันและบอกว่า ไม่ให้มาๆ ผมก็เลยไม่มา แต่ว่ายังไงถึงไม่มาผมก็อยากจะต้องพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับพี่ลองที่ผมเคารพรักมาก ให้กับพี่ลองฟังเป็นส่วนตัว และในขณะเดียวกัน ก็จะได้ให้ท่านผู้ชมที่ชมอยู่ ตลอดจนท่านผู้ซึ่งมาในงานคล้าย 77 ปี 7 เดือน 7 วัน ของพี่ลอง ในวันนี้ ให้รับทราบว่าผมคิดยังไงกับพี่ลอง

พี่ลองกับผมรู้จักกันมานานแล้ว จริงๆ แล้วคนไม่รู้หรอก ตั้งแต่สมัยที่ท่านสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. จากวันนั้นเป็นต้นมา ผมก็ได้มีส่วนเกี่ยวพันกับพี่ลอง ไม่มากก็น้อย แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้มีความใกล้ชิดเหมือนกับยุคสมัยปี 2548 ปลายปี ที่มาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

ถ้าถามผม ผมยอมรับว่าตั้งแต่ 2548 จนถึงวันนี้ เป็นช่วงที่ผมรู้จักพี่ลองมากที่สุด แล้วทำให้ผมเข้าใจในตัวพี่ลองมากจริงๆ ทำให้ผมเคารพนับถือด้วยความจริงใจ พี่ลองเป็นคนในประเทศไทยไม่กี่คนที่ผมเต็มใจไหว้ แล้วก็ผมเคารพอย่างไม่มีเงื่อนไข

ทำไมผมถึงพูดเช่นนั้น เพราะว่า 8 ปีที่ผ่านมานี้ การอยู่ร่วม ทำงาน ร่วมอุดมการณ์ และความมีน้ำใจของพี่ลอง มันทำให้ผมเห็นว่าพี่ลองไม่ใช่รัฐบุรุษ เพราะรัฐบุรุษนั้นเป็นคนซึ่งทำงานให้ชาติบ้านเมือง เหมือนอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งต้องแยกท่านออกเป็นกรณีพิเศษ แต่ในสถานภาพอย่างพี่ลอง ผมเรียกพี่ลองได้เต็มที่ว่าเป็นมหาบุรุษแห่งประเทศไทย

คำว่ามหาบุรุษนั้น ไม่ได้เป็นการพูดเกินเลยความจริง คนที่ไม่รู้จักพี่ลองก็จะมองพี่ลองไปหลายรูปหลายแบบ มหากระบี่มื้อเดียว อาบน้ำวันละขัน คือของพวกนี้ฟังดูแรกๆ เหมือนกับเป็นเรื่องตลก แต่ถ้าดูไปเรื่อยๆ และเข้าใจพี่ลอง และสัมผัสตัวพี่ลอง ที่สำคัญคือต้องสัมผัสตัวพี่ลองจริงๆ ถึงจะรู้ว่าคำว่ามหามื้อเดียว หรืออาบน้ำขันเดียว จริงๆ แล้วมันเป็นวิถีชีวิตของพี่ลองในเรื่องของความพอเพียงและความสมถะ ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ จนทุกวันนี้พี่ลักษณ์ คือภรรยาพี่ลอง ยังตัดผมให้พี่ลองอยู่ และพี่ลองก็เป็นคนตัดผมให้พี่ลักษณ์ด้วย ผมคิดว่าลำพังแค่สามีตัดผมให้ภรรยา และภรรยาตัดผมให้สามี ผมถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ว่าพี่ลองมีอะไรที่ผมคิดว่าอยากให้สังคมไทยได้รับรู้ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่ลุ่มหลง หลงใหลกับการสร้างภาพ สังคมไทยเป็นสังคมที่ชอบของปลอม สังคมไทยเป็นสังคมที่ชอบการโกหกพกลม ยิ่งโกหกมากเท่าไร ยิ่งได้ดีมากเท่านั้น และนี่คือจริตของสังคมไทย

ผมรู้จักพี่ลองมา จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมไม่เคยเห็นพี่ลองไม่ได้คิดดีทำดีเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทุกอย่างที่พี่ลองคิด เป็นเรื่องดีทั้งนั้น และทุกอย่างที่พี่ลองทำ ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกันเพราะฉะนั้นแล้ว ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุด เพราะพี่ลองนี่ ผมเชื่อว่าทันทีที่ลืมตาตื่นมาตอนเช้า พี่ลองจะคิดดี และจะทำดี ตลอดเวลา ทำไมผมพูดเช่นนั้นได้ เพราะว่าสิ่งที่ผมสัมผัสกับพี่ลองมาตลอดเวลา 8 ปี ผมรู้ตลอดเวลาว่าพี่ลองคิดดี ทำดี ที่สำคัญคือพี่ลองหวังดีกับคน พี่ลองดูแล้วเหมือนพระโพธิสัตว์

อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้พี่ลองเป็นคนคิดดี ทำดี และทำให้พี่ลองเป็นอย่างพี่ลองทุกวันนี้ คือ พี่ลองเป็นคนปล่อยวาง การปล่อยวางนี่พูดง่ายกว่าทำ แต่พี่ลองทำให้เห็น คนที่เคยเป็นถึงเลขาฯ นายกรัฐมนตรี คนที่เคยเป็นผู้ว่าฯ กทม. แล้วในที่สุดมานอนกลางดินกินกลางทราย ต่อสู้ในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องและเป็นธรรม คนอย่างนี้ไม่ปล่อยวางได้อย่างไร เพราะว่าพี่ลองเป็นคนซึ่งไม่ยึดติดเลย ไม่ว่าจะเป็นลาภ จะเป็นยศ สรรเสริญ ไม่ต้องมาสรรเสริญพี่ลอง ไม่ต้องเอาลาภมาให้พี่ลอง ไม่ต้องติดยศให้พี่ลองเป็นพลเอก หรือให้พี่ลองเป็นโน่นเป็นนี่ พี่ลองไม่ต้อง เพราะพี่ลองคิดแต่เรื่องที่ดีๆ และทำแต่เรื่องที่ดีๆ

ทำไมพี่ลองถึงเป็นคนเช่นนั้น เพราะว่าพี่ลองเป็นคนที่รู้จักพอเพียง เป็นคนที่สมถะ ถ้าใครรู้จักพี่ลองดี หรือว่าสังเกตพี่ลอง จะเห็นชัดว่าชีวิตพี่ลองไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย เราเคยเห็นพี่ลองใส่เสื้อม่อฮ่อมยังไง จากวันนั้นหลายสิบปีมาแล้ว มาถึงวันนี้ พี่ลองยังเหมือนเดิม รองเท้าแตะ บางทีเดินเท้าเปล่า บางวันพี่ลองแต่งตัวดีหน่อย เพราะจำเป็นจะต้องไปโน่นไปนี่ ไปขึ้นศาล พี่ลองใส่รองเท้าหนังเป็นเรื่องราวใหญ่โตเลยนะ เป็นเรื่องราวใหญ่โตที่คนตกใจ เกิดอะไรขึ้นกับพี่ลอง เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่าความสมถะ ความพอเพียงของพี่ลอง เป็นอย่างนี้มานานแล้ว พี่ลองไม่ได้สร้างภาพว่าตัวเองสมถะ ตัวเองพอเพียง ตัวเองสมถะ พอเพียงในเรื่องการกิน ตัวเองสมถะพอเพียงในเรื่องเครื่องแต่งตัว และที่สำคัญตัวเองสมถะพอเพียงในเรื่องจิตใจ

อีกเรื่องหนึ่ง คำว่ากระบี่มื้อเดียว พี่ลองเป็นคนทานอาหารมื้อเดียว พี่ลองเคยรับประทานอาหารที่เอเอสทีวี ที่ออฟฟิศผู้จัดการ ผมเห็นพี่ลองทานจานเบ้อเร่อเลย ทานอาหารกับผัก มื้อเดียวแล้วพี่ลองก็อยู่ทั้งวัน พี่ลองไม่ทานเนื้อสัตว์ เหตุผลก็เพราะว่า 1. คงจะเป็นเพราะเรื่องสุขภาพ เรื่องที่ 2 ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ไม่เคยมีใครคิด พี่ลองไม่อยากเบียดเบียนสัตว์ เพราะเนื้อสัตว์จะมาได้ก็ต่อเมื่อต้องฆ่าสัตว์ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าถามว่านี่เป็นคน เป็นความคิด เป็นการกระทำของคนที่มีธรรมอยู่ในใจหรือเปล่า ผมบอกว่าใช่ แต่พี่ลองไม่เคยไปอวดอ้างอะไรทั้งสิ้นเลย และชีวิตที่ผมรู้จักพี่ลองมา พี่ลองยึดถือหลักธรรม ซึ่งเป็นหลักธรรมขั้นสูงของพระพุทธเจ้า เพราะพี่ลองยึดถือชีวิตคืองาน งานคือชีวิต ผมยังไม่เคยเห็นพี่ลองอยู่ว่างเลยสักเรื่องหนึ่ง พี่ลองยุ่งไปหมดเลย ถ้าไม่ทำโน่นก็ทำนี่ ตลอดเวลา พี่ลองไม่ได้นั่งเฉยๆ ถ้าพี่ลองรับปากใครแล้ว เรื่องอะไร พี่ลองจะทำทันที ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง อันนี้คือคนซึ่งใช้ธรรมนำหน้า ผมยังทำสู้พี่ลองไม่ได้ ถึงพยายามจะเลียนแบบตลอดเวลา เพราะฉะนั้นชีวิตพี่ลองมีแต่เรื่องงานๆๆ และที่สำคัญคือ เรื่องงานของพี่ลองไม่ได้ทำเพื่อให้ตัวเองรวย พี่ลองเป็นคนทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และไม่ใช่สังคมของโลกมนุษย์อย่างเดียวนะ รวมไปจนถึงสังคมของสัตว์ด้วย

พี่ลองเปิดร้านขายอาหารมังสวิรัติ จะกำไรสักกี่บาทกี่สตางค์ แต่พี่ลองต้องการเอามังสวิรัติเข้าสู่สังคมไทย ให้คนรู้ว่าในที่สุดแล้วการรับประทานมังสวิรัติจะเป็นเรื่องที่ดีต่อร่างกาย ไม่เชื่อลองถามพิธีกรรายการวันนี้ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ผมเชื่อว่า อ.ปานเทพ ก็ได้อิทธิพลส่วนหนึ่งมาจากพี่ลองเหมือนกัน ใครจะไปนึก คนอย่างพี่ลอง มีคนญี่ปุ่นชื่นชมในตัวพี่ลองมาก บริจาคเครื่องฟอกไตมาให้พี่ลองเป็นสิบๆ เครื่อง ให้ฟรี พี่ลองแทนที่จะเอาเครื่องฟอกไตมาแล้วไปคนโน้นคนนี้ ไม่มี พี่ลองคิดในรูปแบบสงสารคนที่เดือดร้อนจากโรคไต แต่ไม่มีเงินที่จะฟอกไต พี่ลองเลยตั้งศูนย์ฟอกไต ราคาไม่แพง ราคาถูกมาก ให้มนุษย์ทุกคน ไม่กีดกันว่าใครก็ตาม นี่คือการแก้ปัญหาทุกข์ยากของคน มันเป็นลักษณะเหมือนกับของพระโพธิสัตว์ ใครจะไปรู้ล่ะถ้าพี่ลองไม่พูดให้ฟัง ว่าพี่ลองเลี้ยงสุนัขจรจัดเป็นพันๆ ตัว พี่ลองเลี้ยงหมาที่คนเขาทิ้งแล้วเป็นพันๆ ตัว เฉพาะค่าอาหารอย่างเดียว เดือนหนึ่งเท่าไร

แล้วอีกเรื่องหนึ่ง พี่ลองเปิดศูนย์ล้างพิษตับที่โรงเรียนผู้นำ เพราะว่าหลักสูตรล้างพิษตับคือการทำให้คนเอาพิษจากร่างกาย จากตับ ออกไป แล้วพี่ลองคิดราคาแค่ 2,500 บาท กำไรไม่มีหรอกครับ คือขอให้ศูนย์นั้นอยู่ได้ คนที่ล้างพิษตับจากพี่ลองออกจากศูนย์ตรงนั้นผมว่าน่าจะถึงหมื่นแล้ว คนที่รอดชีวิต ทำให้สุขภาพดี เพราะการกระทำ ได้มาจากอานิสงส์ของพี่ลอง อันนี้คนไม่เคยรู้ แต่ผมจะเรียนให้ทราบ และพี่ลองยังสร้างโรงเรียนผู้นำ ตำรวจสมัยก่อน ทหาร จะเข้าคอร์สโรงเรียนผู้นำ สอนหลักธรรม สอนการเป็นผู้นำ สอนคุณธรรม สอนจริยธรรม หลายคนที่เรียนผ่านโรงเรียนผู้นำ คุณภาพชีวิตดีขึ้น ความคิดดีขึ้น แต่เผอิญความเป็น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พอการเมืองเปลี่ยน คนที่ไม่ชอบพี่ลองก็ไม่ให้ตำรวจ ไม่ให้ทหาร มาเรียนโรงเรียนผู้นำ จริงๆ แล้วโรงเรียนผู้นำยังมีประโยชน์มากกว่า วปอ. หรือ วปร. เสียอีก เพราะว่าโรงเรียนผู้นำคือการเสริมสร้างจิตวิญญาณให้คนเป็นคนดี ให้มีจิตสำนึก และตรงนี้เป็นสิ่งซึ่งพี่ลองเป็นคนทำ

อีกอันหนึ่งพี่ลองเป็นคนที่รักชาติ รักศาสนา รักพระมหากษัตริย์ อันนี้แทบจะไม่ต้องพูดเลย ไม่ต้องพูดเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะการกระทำของพี่ลอง ตั้งแต่พี่ลองเป็นทหาร ตั้งแต่ยศร้อยตรีขึ้นมา จนกระทั่งวันนี้ เป็นคนอายุ 77 ปี 7 เดือน 7 วัน ความรักชาติ ความรักศาสนา และความรักพระมหากษัตริย์ ไม่เป็นที่กังขาเลยแม้แต่นิดเดียว คบกับพี่ลองมา 8 ปี อันหนึ่งที่รู้ พี่ลองยึดถือความถูกต้องเป็นหลักชีวิต ความถูกต้องสำหรับพี่ลองต้องมาก่อน และพี่ลอง สำคัญมาก ผมเรียนรู้จากพี่ลองในเรื่องของความเท่าเทียมกันและความยุติธรรม พี่ลองบอกว่าความเท่าเทียมกัน หรือจะสู้ความยุติธรรม ความยุติธรรมต้องมาเหนือความเท่าเทียมกัน อันนี้ลึกซึ้ง เป็นหลักธรรมที่ลึกซึ้ง ลองคิดให้ดีๆ เหมือนกับคนที่ล้างพิษตับ คิวของพี่ลองเต็มหมด แต่พอผมบอกว่า พี่ลองครับ คนไทยมาจากอเมริกาเขาเข้าคิวไม่ได้ พี่ลองบอกว่า มาเลยๆ เดี๋ยวผมแซงคิวให้ เพราะว่าคนไทยที่อเมริกาเขาเป็นแฟนพันธุ์แท้พันธมิตรฯ เขาเสียเงินสนับสนุนส่งมาแล้ว อุตส่าห์บินมาจากทางไกล เราต้องให้ความยุติธรรมเขา พี่ลองเป็นคนเล่าให้ผมฟังเอง บอกว่าท่านพุทธทาสเคยพูดว่า ที่สวนโมกข์นั้นวันหนึ่งมีงานใหญ่ คนก็จะมางานกันเยอะ ท่านพุทธทาสก็จะบอกกับลูกศิษย์ท่านบอกว่า ให้ไปดูซิ ว่าใครก็ตามที่มาสวนโมกข์ประจำ เป็นคนมาปฏิบัติธรรมประจำ และเป็นคนที่ช่วยวัดประจำ ให้เขาเข้ามาก่อน ให้เข้ามานั่งแถวหน้า ส่วนคนที่มางานเพราะเขาได้ข่าวว่ามีงาน ให้เขาทีหลัง นี่คือความยุติธรรมต้องมาก่อนความเท่าเทียมกัน

แต่พี่ลองมีอยู่อย่างหนึ่ง อันหนึ่งซึ่งอยู่กับพี่ลองมา 8 ปี อย่างใกล้ชิด รู้เลยว่าพี่ลองเป็นคนยอมหัก ไม่ยอมงอ คำว่ายอมหัก ไม่ยอมงอ ฟังให้ดีๆ เหมือนกับพี่ลองเป็นเผด็จการ จริงๆ ไม่ใช่ พี่ลองไม่ใช่เป็นคนเผด็จการ ในที่ประชุมแกนนำ หรือที่ประชุมหลายแห่ง ที่ผมสังเกต ผมเชื่อว่าพี่พิภพ อ.สมเกียรติ แม้กระทั่ง อ.ปานเทพ ก็จะยืนยันได้ว่าพี่ลอง ในทางตรงกันข้ามกับข่าว หรือสิ่งที่คนเห็นว่าพี่ลองเผด็จการ ไม่ใช่ พี่ลองนี่เป็นนักประชาธิปไตยตัวยงเลย เพราะพี่ลองจะถามทุกคนหมด เรื่องนี้คุณสนธิว่ายังไง แล้วแต่คุณนะ คุณเอายังไงผมเอาด้วย พี่ลองจะถามแม้กระทั่งเด็ก พี่ลองจะถามว่าคิดยังไง แต่เมื่อถามแล้ว ประมวลแล้ว ทุกคนจะเอาอย่างนี้ พี่ลองจะบอกว่า พวกคุณเอายังไงผมเอาด้วย ซึ่งตรงกันข้ามกับลักษณะข่าวลือของพี่ลอง

สมัยที่เราร่วมชุมนุมกันใหม่ๆ คนจะกลัวพี่ลอง พี่พิภพก็จะกลัวพี่ลอง ทุกคนกลัวหมด กลัวว่าเดี๋ยวพี่ลองฮึดขึ้นมา บอกว่า เฮ้ย เดินไปชนมัน เกิดอะไรเกิดขึ้น พี่ลองกลับเป็นคนที่กลัวมากที่สุด กลัวมีเรื่อง กลัวประชาชนเดือดร้อน พี่ลองเป็นคนที่กลัวมากที่สุดเลย แต่ว่าถ้าอะไรก็ตามพี่ลองตกผลึกแล้ว เป็นปรัชญา เป็นความถูกต้องแล้ว อย่างเช่นเรื่องชาติบ้านเมือง พี่ลองจะบอกว่าเป็นไงเป็นกัน เป็นคนที่ยอมหักไม่ยอมงอ ผมจำได้ วันที่พี่ลองมาพูด ก่อนที่เราจะชุมนุม 158 วัน ประชุมกัน พี่ลองด้วยความที่เป็นนักประชาธิปไตย ก็เลยบอกว่า คุณสนธิ ผมนี่จะต้องออกไปประท้วงเรื่องดินแดนนะ แต่ถ้าคุณสนธิไม่เห็นด้วย ไม่เป็นไร ผมจะไปในฐานะส่วนตัว ผมบอก พี่ลองครับ ข้อแรก โดยพื้นฐานความใกล้ชิด ความรักเคารพกัน ในน้ำใจพี่ลอง ผมต้องไปกับพี่ลองอยู่แล้ว แต่ข้อที่ 2 สิ่งที่พี่ลองทำ ประท้วงเรื่องดินแดนของชาติบ้านเมือง เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ต้องทำ ผมยิ่งต้องการจะไปใหญ่ เพราะฉะนั้นแล้วพี่ลองไม่ได้ไปคนเดียว ผมไปด้วย นั่นคือที่มาว่าทำไมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งหมด แกนนำ ถึงตัดสินใจไปร่วมชุมนุม 158 วัน

แต่ความที่พี่ลอง ถึงจะเป็นหนึ่งในแกนนำที่ทุกคนฟังมากที่สุด แต่พี่ลองกลับจะบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ แต่ผมต้องไป เพราะผมเชื่อของผมอย่างนี้ เพราะผมต้องปกป้องชาติบ้านเมือง ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ชัดว่า พี่ลองไม่ใช่คนเผด็จการ พี่ลองเป็นคนที่น่ารักมากๆ แล้วคนไม่รู้ ลึกๆ แล้วพี่ลองเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก นี่ผมกล้าพูดเลย พี่ลองเป็นคนซึ่งมองอะไรไกล ไม่ได้มองแค่สั้นๆ แล้วสิ่งที่พี่ลองพูด ในอนาคต สิ่งที่มันจะเกิดขึ้น ถูกต้องหมด ไม่เคยผิดเลยแม้แต่เรื่องเดียว ผมจำได้ หลายเรื่องที่พี่ลองพูด แต่เผอิญพี่ลองใช้ธรรมในการมองการณ์ไกล พี่ลองไม่ได้ใช้กิเลสมอง

คนใจจริง จริงใจ แน่ ไม่แน่ คุณก็นึกดูแล้วกัน สมัยที่ทักษิณ ชินวัตร อยู่ เป็นนายกรัฐมนตรี บริษัทเหล้าบริษัทเบียร์ของเสี่ยเจริญจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ พี่ลองเห็นว่าการที่เอาบริษัทเหล้าบริษัทเบียร์เข้าตลาดหลักทรัพย์คือการมอมเมาคน จำได้มั้ย ชาวอโศกไปชุมนุมกันหน้าตลาดหลักทรัพย์ ไปปักหลักพักค้างเลย พี่ลองจะแสดงจิตวิญญาณความเป็นธรรม ข้อเท็จจริง หลักการ ความซื่อสัตย์ จริยธรรม คุณธรรม ออกไปโดยที่พี่ลองไม่รีรออะไรเลยแม้แต่นิดเดียว นี่คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง

อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด พวกเราชาวเอเอสทีวีทุกคน เป็นหนี้บุญคุณ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และชาวอโศก ตลอดจนพี่น้องพันธมิตรฯ ที่สนับสนุนเอเอสทีวี พี่ลองรู้ว่าผมเป็นคนปากหนัก พี่ลองเป็นคนพูดเองเลย ขึ้นเวที บอกว่าเอเอสทีวีลำบากนะ คุณสนธิเขาไม่พูด ผมพูดเอง ฝีมือพี่ลองทั้งสิ้น พี่ลองพร้อมจะออกโทรทัศน์ ลงเสียงให้บริจาคเอเอสทีวี พี่ลองเดินเรื่อง แม้กระทั่งบัญชีครั้งแรกที่ตั้งไว้ ก็เป็นบัญชีที่สาขาราชวัตรที่พี่ลองรู้จัก และพี่ลองเป็นธุระหมดเลย แม้กระทั่งสินค้าของสันติอโศก ปุ๋ยของ อ.ขวัญดิน อ.แก่นฟ้า พี่ลองบอกเลยกำไรจะแบ่งให้เอเอสทีวี จะให้เอเอสทีวี จนกระทั่งก็มีหลายคนที่อยู่ในชาวอโศกที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้ พี่ลองต้องไปชี้แจงให้ฟัง เพราะพี่ลองมองว่าเอเอสทีวีนั้นคือแหล่งที่จะเอาปัญญาออกไปเหมือนกับว่า เป็นเครื่องมือในการแสดงธรรม เพราะสิ่งที่พี่ลองทำ หรือชาวอโศกทำนั้น คือธรรมพระพุทธเจ้าชั้นสูงที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน นี่คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พวกเราซาบซึ้งกับพี่ลองมาก

แล้วพี่ลองแกเป็นคนที่น่ารักที่สุด แม้กระทั่งบางเรื่องที่พี่ลองตัดสินใจแล้ว เวลาพูดกับเรา พี่ลองยังใช้คำพูดที่น่ารักมาก คุณสนธิครับ มีเรื่องอย่างนี้ๆ นะ เขาบอกมาอย่างนี้ๆ นะ สุดแล้วแต่คุณสนธินะ เอาก็เอา ไม่เอาก็ไม่เอา ผมรู้เลย พี่ลองตัดสินใจแล้วเรื่องนี้ เมื่อพี่ลองตัดสินใจแล้ว ผมจะไม่มีวันที่จะปฏิเสธพี่ลอง รู้ไหมครับเพราะอะไร เพราะพี่ลองคิดดี ทำดี เพราะฉะนั้นสิ่งที่พี่ลองตัดสินใจ คือสิ่งที่พี่ลองคิดดีแล้ว และทำดีแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วผมยืนยันในที่นี่ว่า ตั้งแต่เกิดมา ผมพูดตรงไปตรงมาเลย ผมไม่เคยไว้ใจใครมากเท่ากับผมไว้ใจ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ความไว้ใจนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่พี่ลองตัดผมเกรียน ให้พี่ลักษณ์ตัดผม ทานมังสวิรัติ หรือแต่งตัว ใส่ม่อฮ่อมมาตลอดชีวิต นั่นเป็นแค่องค์ประกอบ แต่ที่ผมไว้ใจเพราะว่าจิตใจพี่ลองเป็นจิตใจที่สูงส่ง มีคุณธรรม เป็นจิตใจที่ปกป้องจริยธรรม เป็นจิตใจที่รักชาติ รักบ้านรักเมือง และจิตใจของพี่ลองเป็นจิตใจที่ไม่มีวาระซ่อนเร้นเลยแม้แต่เรื่องเดียว ใครก็ตามที่มีเรื่องกับพี่ลอง หาเรื่องพี่ลอง ไอ้นั่นในทางโลกต้องถือว่าเป็นคนที่เลวที่สุด ในทางธรรมพวกนี้กำลังทำบาปอยู่ เพราะพี่ลองเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ที่สุด วันเกิดพี่ลอง 77 ปี 7 เดือน 7 วัน อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ วันเกิดผมก็วันที่ 7 พฤศจิกายน เพราะฉะนั้นแล้ว วันนี้พวกชาวเลข 7 มาพูดกัน ผมไม่มีอะไรให้พี่ลองเลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่พี่ลองให้พวกผมตลอดเวลา คุณค่าตรงนี้ มันอธิบายไม่ได้ เพราะพี่ลองไม่ได้เป็นคนที่เน้นความสำเร็จ แต่พี่ลองเน้นคุณค่าของชีวิต คุณค่าของชีวิต คือทำอย่างไรที่จะให้ชีวิตมีค่ากับสังคม มีค่ากับคนที่อยู่รอบตัวเอง และที่สำคัญที่สุดมีค่ากับตัวเอง ถ้าถามผมวัตรปฏิบัติของพี่ลองยังเหนือกว่าพระไม่รู้กี่รูปที่บวชเรียนมา แต่ยังไม่มีความบริสุทธิ์เท่าพี่ลอง ผมคิดว่าพี่ลองเป็นคนที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่าพี่ลองเป็นคนมีสัจจะบารมี ผมเชื่อว่าพี่ลองพูดคำไหน พูดคำนั้น คนที่ตื่นตี 4-5 ลุกขึ้นมาสวดมนต์ไหว้พระ จากนั้นทำงานตลอดไม่หยุดเลย คุณสนธิ ผมอยู่เมืองกาญจน์ เดียวผมจะเข้ามาคุณ ผมมาได้ เดี๋ยวผมมาถึงจะเข้ามา แต่ผมอยู่ได้ไม่นานนะ เข้ามาพูดเรื่องโน้นนี้เสร็จ เดี๋ยวผมต้องไปแล้ว เดี๋ยวผมต้องไปทำอันนั้นต่อ พี่ลองไม่เคยหยุดอยู่นิ่ง และพี่ลองเป็นคนซึ่งจิตใจเมตตา กรุณา ผมอยากให้พนักงานเอเอสทีวีรู้ว่า มีอยู่หลายช่วงที่เราเดือดร้อนจริงๆ พี่ลองจะไปขนเงินสดมาให้เรา พี่ลองให้เรายืม แต่พี่ลองไม่พูดเลยเอามาจากไหน ผมรู้เอามาจากไหน ก็เอามาจากงานที่พี่ลองทำแหละ ขอยืมมาก่อน ขนเป็นแบงก์ใบละ 1,000 เป็นปึกๆ ยก คุณสนธิเอาไป โชคดีที่เราคืนหมดเแล้ว และพี่ลองก็เป็นคนที่น่ารักมาก คนที่นอน 2-3 ทุ่มทุกวัน ยกเว้นวันเดียวคือวันศุกร์ พี่ลองบอกผม คุณสนธิคุณรู้ไหม ทุกวันศุกร์ผมจะกลายเป็นคนที่นอนดึก เพราะว่าผมต้องอยู่รอดูคุณออกรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ วันนี้ก็ถือว่าโทษฐานที่ดูคุยทุกเรื่องกับสนธิ ก็เลยต้องทนดูคุยทุกเรื่องกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง สุขสันต์วันเกิดครับพี่ลอง



กำลังโหลดความคิดเห็น