ASTVผู้จัดการรายวัน - แกนนำพันธมิตรฯ ยกย่อง “พล.ต.จำลอง” เป็นมหาบุรุษ ต้นแบบชีวิตพอเพียง และสมถะ สวนทางสังคมไทย ลุ่มหลงสร้างภาพ-โกหกพกลม ชี้ไม่ยึดติดลาภยศ สรรเสริญ รู้จักปล่อยวาง คิดดี ทำดี มีธรรมในใจ แต่ไม่เคยอวดอ้าง ชีวิตมีแต่เรื่องงานเพื่อสังคม อีกทั้งรักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ ไม่เปลี่ยน เผยความถูกต้องต้องมาก่อน ความยุติธรรมต้องมาเหนือความเท่าเทียม ที่สำคัญชาวเอเอสทีวีเป็นหนี้บุญคุณ ยันไม่เคยไว้ใจใครเท่า
วานนี้ (12 ก.พ.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวเนื่องในงานปวารณาวิพากษ์ วิภาษ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และชาวกองทัพธรรม ซึ่งจัดขึ้นที่ชุมชนปฐมอโศก ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม ว่า วันนี้เป็นวันเกิดของ พล.ต.จำลอง 77 ปี 7 เดือน 7 วัน ซึ่งตรงกับเลข 7 ทั้งหมด และตนก็เกิดวันที่ 7 จึงถือว่าเลข 7 เป็นเลขมงคล ก่อนหน้านี้ตนจะเดินทางไป แต่ พล.ต.จำลองโทรศัพท์มาเมื่อวันศุกร์ กล่าวว่าห้ามมาเด็ดขาด เพราะยังมีขบวนการตามล่าตนอยู่ และเมื่อตนออกมานอกกรุงเทพฯ ไปยังเส้นทาง จ.นครปฐม ตัดเข้าสู่ปฐมอโศก มีโอกาสถูกวางแผนลอบทำร้ายได้ เพราะเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งที่ต้องการให้ตาย ตนจึงไม่มา แต่ก็อยากจะต้องพูดอะไรบางอย่างถึง พล.ต.จำลองให้ฟัง และให้ผู้ชมทราบว่าตนคิดอย่างไรกับ พล.ต.จำลอง
ทั้งนี้ ตนกับ พล.ต.จำลอง รู้จักกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยลงสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม. แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้มีความใกล้ชิดเหมือนยุคสมัยช่วงปลายปี 2548 ถึงปัจจุบัน ยอมรับว่าตั้งแต่ปี 2548 ถึงทุกวันนี้เป็นช่วงที่ตนรู้จัก พล.ต.จำลอง มากที่สุด และทำให้ตนเข้าใจมากจริงๆ และเคารพนับถือด้วยความจริงใจ พล.ต.จำลองเป็นคนในประเทศไทยเพียงไม่กี่คนที่ตนเต็มใจไหว้ และเคารพอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะ 8 ปีที่ผ่านมาการอยู่ร่วมทำงานร่วมอุดมการณ์ และความมีน้ำใจของ พล.ต.จำลอง ทำให้ตนเห็นว่า พล.ต.จำลองไม่ใช่รัฐบุรุษ เพราะรัฐบุรุษคือคนที่ทำให้เพื่อชาติบ้านเมืองเหมือนอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งต้องแยกออกเป็นกรณีพิเศษ แต่ในสถานภาพอย่าง พล.ต.จำลอง ตนเรียกได้เต็มที่ว่าเป็น “มหาบุรุษแห่งประเทศไทย”
คำว่า “มหาบุรุษ” ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริง คนที่ไม่รู้จัก พล.ต.จำลอง จะมองไปหลายรูปแบบ มหา, กระบี่มื้อเดียว, อาบน้ำวันละขัน ของพวกนี้ฟังดูแรกๆ เหมือนเป็นเรื่องตลก แต่ถ้าดูไปเรื่อยๆ แล้วและเข้าใจ ที่สำคัญคือต้องสัมผัส พล.ต.จำลองจริงๆ ถึงจะรู้คำว่ามหามื้อเดียว หรืออาบน้ำขันเดียว จริงๆ แล้วมันเป็นวิถีชีวิตของ พล.ต.จำลอง ในเรื่องความพอเพียงและความสมถะ ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ พี่ลักษณ์ (พ.ต.หญิง ศิริลักษณ์ ศรีเมือง) ภรรยา พล.ต.จำลอง ยังตัดผมให้อยู่ และ พล.ต.จำลองก็ตัดผมให้พี่ลักษณ์ด้วย ตนคิดว่าลำพังแค่สามีภรรยาตัดผมให้กันถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ว่า พล.ต.จำลองมีอะไรที่อยากให้สังคมไทยได้รับรู้ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่ลุ่มหลง หลงใหลกับการสร้างภาพ เป็นสังคมที่ชอบของปลอม เป็นสังคมที่ชอบการโกหกพกลม ยิ่งโกหกมากเท่าไหร่ยิ่งได้ดีมากเท่านั้น และนี่คือจริตของสังคมไทย
“ผมรู้จักพี่ลองมาจากวันนั้นถึงวันนี้ ผมไม่เคยเห็นพี่ลองไม่ได้คิดดีทำดีเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างที่พี่ลองคิดเป็นเรื่องดีทั้งนั้น และทุกอย่างที่พี่ลองทำก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุด เพราะพี่ลองผมเชื่อว่า ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้า พี่ลองจะคิดดี และจะทำดีตลอดเวลา ทำไมผมพูดเช่นนั้นได้ เพราะว่าสิ่งที่ผมสัมผัสกับพี่ลองมาตลอด 8 ปี ผมรู้ตลอดเวลาว่าพี่ลองคิดดี ทำดี ที่สำคัญคือ พี่ลองหวังดีกับคน พี่ลองดูแล้วเหมือนพระโพธิสัตว์ ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้พี่ลองเป็นคนคิดดี ทำดี และทำให้พี่ลองเป็นพี่ลองถึงทุกวันนี้ก็คือ พี่ลองเป็นคนปล่อยวาง การปล่อยวางพูดง่ายกว่าทำ แต่พี่ลองทำให้เห็น คนที่เคยเป็นถึงเลขาฯ นายกรัฐมนตรี คนที่เคยเป็นผู้ว่าฯ กทม.แล้วในที่สุดมานอนกลางดินกินกลางทราย ต่อสู้ในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง และเป็นธรรม คนอย่างนี้ไม่ปล่อยวางได้ยังไง” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวต่อว่า พล.ต.จำลอง เป็นคนไม่ยึดติดลาภ ยศ สรรเสริญ เพราะเป็นคนที่คิดแต่เรื่องดีๆ ทำแต่เรื่องที่ดีๆ ที่เป็นคนเช่นนั้นเพราะรู้จักพอเพียง สมถะ ถ้าใครรู้จักหรือสังเกตจะพบว่าชีวิตของ พล.ต.จำลอง ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย ใส่เสื้อม่อฮ่อมยังไง สิบกว่าปีก็ยังเหมือนเดิม รองเท้าแตะบางทีเดินเท้าเปล่า บางวันแต่งตัวดีหน่อยเพราะจำเป็นจะต้องไปขึ้นศาล ใส่รองเท้าหนังเป็นเรื่องราวใหญ่โต ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นความสมถะ ความพอเพียงของ พล.ต.จำลอง เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ไม่ได้สร้างภาพว่าเป็นคนสมถะ พอเพียง ทั้งในด้านอาหารการกิน การแต่งตัว และจิตใจ ส่วนคำว่ากระบี่มื้อเดียว พล.ต.จำลองเป็นคนกินอาหารมื้อเดียว ที่เอเอสทีวีตนเห็น พล.ต.จำลองกินอาหารกับผักจานเบ้อเริ่มมื้อเดียว แล้วอยู่ทั้งวัน ไม่กินเนื้อสัตว์ เหตุผลคงจะเป็นเพราะเรื่องสุขภาพ
ส่วนเรื่องที่สำคัญและไม่เคยมีใครคิด คือ พล.ต.จำลองไม่อยากเบียดเบียนสัตว์ เพราะเนื้อสัตว์จะมาได้ก็ต่อเมื่อต้องฆ่าสัตว์ เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าเป็นการกระทำของคนที่มีความคิดเป็นธรรมในใจหรือเปล่า ตนบอกว่าใช่ แต่ พล.ต.จำลองไม่เคยอวดอ้างอะไรเลย เพราะชีวิตที่ตนรู้จัก พล.ต.จำลอง ยึดถือหลักธรรมซึ่งเป็นหลักธรรมขั้นสูงของพระพุทธเจ้า เพราะ พล.ต.จำลองยึดถือชีวิตคืองาน งานคือชีวิต ตนยังไม่เคยเห็น พล.ต.จำลองอยู่ว่างเลยสักเรื่อง ยุ่งไปหมดเลย ถ้าไม่ทำโน่นก็ทำนี่ตลอดเวลา พล.ต.จำลองไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆ ถ้ารับปากใครแล้วเรื่องอะไรจะทำทันที ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง อันนี้คือคนซึ่งใช้ธรรมนำหน้า ตนยังทำสู้ไม่ได้ ถึงพยายามจะเลียนแบบตลอดเวลา เพราะฉะนั้นมีแต่เรื่องงาน ที่สำคัญเรื่องงานของ พล.ต.จำลอง ไม่ได้ทำเพื่อให้ตัวเองรวย เป็นคนที่ทำงานเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม ทั้งโลกมนุษย์และสังคมของสัตว์ด้วย เปิดร้านอาหารมังสวิรัติกำไรสักกี่บาท แต่ต้องการเอามังสวิรัติเข้าสู่สังคมไทยให้คนรู้ว่าในที่สุดการทำมังสวิรัติเป็นเรื่องที่ดีต่อร่างกาย ตนเชื่อว่า อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้อิทธิพลส่วนหนึ่งจาก พล.ต.จำลองเหมือนกัน
“ใครจะไปนึก คนอย่างพี่ลอง มีคนญี่ปุ่นชื่นชมในตัวพี่ลองมาก บริจาคเครื่องฟอกไตมาให้พี่ลองเป็นสิบๆ เครื่อง ให้ฟรี พี่ลองแทนที่จะเอาเครื่องฟอกไตมาแล้วไปแจกคนโน้น ไม่มี พี่ลองคิดในรูปแบบสงสารคนที่เดือดร้อนจากโรคไต แต่ไม่มีเงินที่จะฟอกไต พี่ลองเลยตั้งศูนย์ฟอกไต ราคาไม่แพง ราคาถูกมาก ให้มนุษย์ทุกคน ไม่กีดกันว่าใครก็ตาม นี่คือการแก้ปัญหาทุกข์ยากของคน มันเป็นลักษณะเหมือนกับของพระโพธิสัตว์ ใครจะไปรู้ว่าถ้าพี่ลองไม่พูดให้ฟังว่าพี่ลองเลี้ยงสุนัขจรจัดเป็นพันๆ ตัว พี่ลองเลี้ยงหมาที่คนเขาทิ้งแล้วเป็นพันๆ ตัว เฉพาะค่าอาหารอย่างเดียวเงินตั้งเท่าไหร่ แล้วอีกเรื่องหนึ่ง พี่ลองเปิดศูนย์ล้างพิษตับ ที่โรงเรียนผู้นำ เพราะว่าหลักสูตรล้างพิษตับคือการทำให้คนเอาพิษจากร่างกายออกไป แล้วพี่ลองคิดค่าล้างพิษตับแค่ 2,500 บาท กำไรไม่มีหรอก คือขอให้ศูนย์นั้นอยู่ได้ คนที่ล้างพิษตับจากพี่ลองออกจากศูนย์นั้น ผมว่าน่าจะถึงหมื่นแล้ว คนที่รอดชีวิต ทำให้สุขภาพดี เพราะการกระทำได้อานิสงส์จากพี่ลอง” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวว่า พล.ต.จำลอง ยังสร้างโรงเรียนผู้นำ สมัยก่อนตำรวจ ทหาร จะเข้าโรงเรียนผู้นำสอนหลักธรรม สอนการเป็นผู้นำ สอนคุณธรรม สอนจริยธรรม หลายคนที่เคยผ่านโรงเรียนผู้นำไป คุณภาพชีวิตดีขึ้น ความคิดดีขึ้น แต่เผอิญความเป็น พล.ต.จำลอง พอการเมืองเปลี่ยน คนที่ไม่ชอบ พล.ต.จำลอง ก็ไม่ให้ตำรวจ ไม่ให้ทหารเข้ามาเรียนโรงเรียนผู้นำ จริงๆ แล้วโรงเรียนผู้นำยังมีประโยชน์มากกว่า วปอ.หรือ วปรอ.อีก เพราะโรงเรียนผู้นำคือการเสริมสร้างจิตวิญญาณให้คนเป็นคนดี ให้มีจิตสำนึก เป็นสิ่งซึ่ง พล.ต.จำลองเป็นคนที่ทำ อีกอันหนึ่ง พล.ต.จำลอง เป็นคนที่รักชาติ รักศาสนา รักพระมหากษัตริย์ การกระทำตั้งแต่เป็นทหาร ตั้งแต่ยศร้อยตรีขึ้นมาจนกระทั่งวันนี้ ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่เป็นที่กังขาเลยแม้แต่นิดเดียว คบกับ พล.ต.จำลอง มา 8 ปี อันหนึ่งที่รู้คือ พล.ต.จำลอง ยึดถือความถูกต้องเป็นหลักชีวิต ความถูกต้องต้องมาก่อน ขณะเดียวกัน ตนเรียนรู้จาก พล.ต.จำลองเรื่องความเท่าเทียมกันและความยุติธรรม พล.ต.จำลอง บอกว่า ความเท่าเทียมกันหรือจะสู้ความยุติธรรม ความยุติธรรมต้องมาเหนือความเท่าเทียมกัน
ขณะเดียวกัน ตนอยู่กับ พล.ต.จำลอง มา 8 ปี รู้เลยว่า พล.ต.จำลองเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ ฟังดูเหมือนเป็นเผด็จการ จริงๆ ไม่ใช่ ที่ประชุมแกนนำพันธมิตรฯ หรือที่ประชุมหลายๆ แห่ง เชื่อว่าแกนนำคนอื่นๆ ก็จะยืนยันได้ว่า พล.ต.จำลอง ในทางตรงกันข้ามกับข่าวหรือสิ่งที่คนเห็นว่า พล.ต.จำลองเผด็จการ ไม่ใช่ พล.ต.จำลองเป็นนักประชาธิปไตยตัวยง เพราะพี่ลองจะถามทุกคนหมด แม้กระทั่งเด็กจะถามว่าคิดยังไง แต่เมื่อถามแล้วประมวลก็จะบอกว่า พวกคุณเอายังไงผมเอาด้วย ซึ่งตรงกันข้ามกับลักษณะข่าวลือของ พล.ต.จำลอง สมัยที่เราชุมนุมใหม่ๆ คนจะกลัว พล.ต.จำลอง ว่าฮึดขึ้นมาบอก เดินไปชนมัน แต่ พล.ต.จำลองกลับเป็นคนที่กลัวมากที่สุด กลัวมีเรื่อง กลัวประชาชนเดือดร้อน แต่ว่าอะไรก็ตามที่ตกผลึกแล้ว เช่นเรื่องชาติบ้านเมือง จะบอกว่าเป็นไงเป็นกัน ทั้งนี้ ในการชุมนุม 158 วัน พล.ต.จำลอง บอกกับตนว่า ผมจะต้องไปประท้วงเรื่องดินแดน ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร ผมจะไปในนามส่วนตัว ตนบอกว่า ข้อแรกโดยพื้นฐานตนต้องไปอยู่แล้ว แต่ข้อที่สองสิ่งที่ประท้วงเรื่องดินแดนชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ต้องทำ
เพราะฉะนั้น พล.ต.จำลองไม่ได้ไปคนเดียว ตนไปด้วย เพราะฉะนั้นพันธมิตรฯ จึงตัดสินใจชุมนุม 158 วัน แต่ถึงทุกคนจะฟัง พล.ต.จำลอง แต่ พล.ต.จำลอง มักจะกล่าวว่า คุณไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ แต่ผมต้องไป เพราะผมเชื่อของผมอย่างนี้ เพราะผมต้องปกป้องชาติบ้านเมือง จะเห็นได้ชัดว่า พล.ต.จำลอง ไม่ใช่เป็นเผด็จการ นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตถูกต้องหมด ตนจำได้หลายเรื่องที่พูด พล.ต.จำลอง ใช้ธรรม ไม่ได้ใช้กิเลสมอง คนใจจริง จริงใจ แน่ไม่แน่ก็ต้องดู สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บริษัทเหล้าเบียร์ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ พล.ต.จำลองมองว่า บริษัทเหล้า บริษัทเบียร์ เข้าตลาดหลักทรัพย์คือการมอมเมาคน ชาวอโศกไปชุมนุมหน้าตลาดหลักทรัพย์ ปักหลักพักค้าง พล.ต.จำลองจะแสดงความเป็นธรรม ข้อเท็จจริง หลักการ ความซื่อสัตย์ จริยธรรม คุณธรรมออกไป ไม่รีรออะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
อีกเรื่องที่สำคัญที่สุด ชาวเอเอสทีวีทุกคนเป็นหนี้บุญคุณ พล.ต.จำลอง และชาวอโศก ตลอดจนพี่น้องพันธมิตรฯ ที่สนับสนุนเอเอสทีวี พล.ต.จำลอง รู้ว่าตนเป็นคนปากหนัก พูดกับตนเองว่า ขึ้นเวทีบอกว่าเอเอสทีวีลำบาก คุณสนธิไม่พูด ผมพูดเอง พร้อมที่จะออกโทรทัศน์ ลงเสียง ให้บริจาคเอเอสทีวี เดินเรื่องแม้กระทั่งบัญชีที่ตั้งไว้ ก็เป็นบัญชีสาขาราชวัตร ที่ พล.ต.จำลองรู้จัก และเป็นธุระหมดเลย แม้กระทั่งสินค้าของสันติอโศก ปุ๋ยของ อ.ขวัญดิน อ.แก่นฟ้า บอกว่ากำไรจะแบ่งให้เอเอสทีวีเลย กระทั่งมีชาวอโศกหลายคนที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้ พล.ต.จำลอง ต้องไปชี้แจงให้ฟัง มองว่าเอเอสทีวีนั้นคือแหล่งที่จะเอาปัญญาออกไป เหมือนกับว่าเป็นเครื่องมือในการแสดงธรรม เพราะสิ่งที่ พล.ต.จำลอง หรือชาวอโศกทำ คือธรรมที่พระพุทธเจ้าชั้นสูง ไม่มีใครเคยทำมาก่อน นี่คือ พล.ต.จำลอง พวกเราซาบซึ้งกับ พล.ต.จำลองมาก
“พี่ลองจะเป็นคนที่น่ารักที่สุด แม้กระทั่งบางเรื่องที่พี่ลองตัดสินใจไปแล้ว เวลาพูดกับเรา พี่ลองยังใช้คำพูดที่น่ารักมาก คุณสนธิครับ มีเรื่องอย่างนี้ๆ นะ เขาบอกมาอย่างนี้ๆ นะ สุดแล้วแต่คุณสนธินะ เอาก็เอา ไม่เอาก็ไม่เอา ผมรู้เลย พี่ลองตัดสินใจแล้วเรื่องนี้ เมื่อพี่ลองตัดสินใจแล้ว ผมไม่มีวันที่จะปฏิเสธพี่ลอง รู้ไหมครับเพราะอะไร เพราะว่าพี่ลองคิดดี ทำดี เพราะฉะนั้นสิ่งที่พี่ลองตัดสินใจ คือสิ่งที่พี่ลองคิดดีแล้ว และก็ทำดีแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วผมยืนยันที่นี้ว่า ตั้งแต่เกิดมา ผมพูดตรงไปตรงมา ผมไม่เคยไว้ใจใครมากเท่ากับผมไว้ใจ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ความไว้ใจนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่พี่ลองตัดผมเกรียน ให้พี่ลักษณ์ตัดผม ทานมังสวิรัติ หรือแต่งตัวใส่ม่อฮ่อมตลอดชีวิต นั่นเป็นแค่องค์ประกอบ แต่ที่ผมไว้ใจเพราะว่าจิตใจพี่ลองเป็นจิตใจที่สูงส่ง มีคุณธรรม เป็นจิตใจที่ปกป้องจริยธรรม เป็นจิตใจที่รักชาติ รักบ้าน รักเมือง จิตใจของพี่ลองเป็นจิตใจที่ไม่มีวาระซ่อนเร้นเลยแม้แต่เรื่องเดียว ใครก็ตามที่มีเรื่องกับพี่ลอง หาเรื่องพี่ลอง ไอ้นั่นในทางโลกถือว่าเป็นคนที่เลวที่สุด” นายสนธิกล่าว
วานนี้ (12 ก.พ.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวเนื่องในงานปวารณาวิพากษ์ วิภาษ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และชาวกองทัพธรรม ซึ่งจัดขึ้นที่ชุมชนปฐมอโศก ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม ว่า วันนี้เป็นวันเกิดของ พล.ต.จำลอง 77 ปี 7 เดือน 7 วัน ซึ่งตรงกับเลข 7 ทั้งหมด และตนก็เกิดวันที่ 7 จึงถือว่าเลข 7 เป็นเลขมงคล ก่อนหน้านี้ตนจะเดินทางไป แต่ พล.ต.จำลองโทรศัพท์มาเมื่อวันศุกร์ กล่าวว่าห้ามมาเด็ดขาด เพราะยังมีขบวนการตามล่าตนอยู่ และเมื่อตนออกมานอกกรุงเทพฯ ไปยังเส้นทาง จ.นครปฐม ตัดเข้าสู่ปฐมอโศก มีโอกาสถูกวางแผนลอบทำร้ายได้ เพราะเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งที่ต้องการให้ตาย ตนจึงไม่มา แต่ก็อยากจะต้องพูดอะไรบางอย่างถึง พล.ต.จำลองให้ฟัง และให้ผู้ชมทราบว่าตนคิดอย่างไรกับ พล.ต.จำลอง
ทั้งนี้ ตนกับ พล.ต.จำลอง รู้จักกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยลงสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม. แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้มีความใกล้ชิดเหมือนยุคสมัยช่วงปลายปี 2548 ถึงปัจจุบัน ยอมรับว่าตั้งแต่ปี 2548 ถึงทุกวันนี้เป็นช่วงที่ตนรู้จัก พล.ต.จำลอง มากที่สุด และทำให้ตนเข้าใจมากจริงๆ และเคารพนับถือด้วยความจริงใจ พล.ต.จำลองเป็นคนในประเทศไทยเพียงไม่กี่คนที่ตนเต็มใจไหว้ และเคารพอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะ 8 ปีที่ผ่านมาการอยู่ร่วมทำงานร่วมอุดมการณ์ และความมีน้ำใจของ พล.ต.จำลอง ทำให้ตนเห็นว่า พล.ต.จำลองไม่ใช่รัฐบุรุษ เพราะรัฐบุรุษคือคนที่ทำให้เพื่อชาติบ้านเมืองเหมือนอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งต้องแยกออกเป็นกรณีพิเศษ แต่ในสถานภาพอย่าง พล.ต.จำลอง ตนเรียกได้เต็มที่ว่าเป็น “มหาบุรุษแห่งประเทศไทย”
คำว่า “มหาบุรุษ” ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริง คนที่ไม่รู้จัก พล.ต.จำลอง จะมองไปหลายรูปแบบ มหา, กระบี่มื้อเดียว, อาบน้ำวันละขัน ของพวกนี้ฟังดูแรกๆ เหมือนเป็นเรื่องตลก แต่ถ้าดูไปเรื่อยๆ แล้วและเข้าใจ ที่สำคัญคือต้องสัมผัส พล.ต.จำลองจริงๆ ถึงจะรู้คำว่ามหามื้อเดียว หรืออาบน้ำขันเดียว จริงๆ แล้วมันเป็นวิถีชีวิตของ พล.ต.จำลอง ในเรื่องความพอเพียงและความสมถะ ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ พี่ลักษณ์ (พ.ต.หญิง ศิริลักษณ์ ศรีเมือง) ภรรยา พล.ต.จำลอง ยังตัดผมให้อยู่ และ พล.ต.จำลองก็ตัดผมให้พี่ลักษณ์ด้วย ตนคิดว่าลำพังแค่สามีภรรยาตัดผมให้กันถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ว่า พล.ต.จำลองมีอะไรที่อยากให้สังคมไทยได้รับรู้ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่ลุ่มหลง หลงใหลกับการสร้างภาพ เป็นสังคมที่ชอบของปลอม เป็นสังคมที่ชอบการโกหกพกลม ยิ่งโกหกมากเท่าไหร่ยิ่งได้ดีมากเท่านั้น และนี่คือจริตของสังคมไทย
“ผมรู้จักพี่ลองมาจากวันนั้นถึงวันนี้ ผมไม่เคยเห็นพี่ลองไม่ได้คิดดีทำดีเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างที่พี่ลองคิดเป็นเรื่องดีทั้งนั้น และทุกอย่างที่พี่ลองทำก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุด เพราะพี่ลองผมเชื่อว่า ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้า พี่ลองจะคิดดี และจะทำดีตลอดเวลา ทำไมผมพูดเช่นนั้นได้ เพราะว่าสิ่งที่ผมสัมผัสกับพี่ลองมาตลอด 8 ปี ผมรู้ตลอดเวลาว่าพี่ลองคิดดี ทำดี ที่สำคัญคือ พี่ลองหวังดีกับคน พี่ลองดูแล้วเหมือนพระโพธิสัตว์ ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้พี่ลองเป็นคนคิดดี ทำดี และทำให้พี่ลองเป็นพี่ลองถึงทุกวันนี้ก็คือ พี่ลองเป็นคนปล่อยวาง การปล่อยวางพูดง่ายกว่าทำ แต่พี่ลองทำให้เห็น คนที่เคยเป็นถึงเลขาฯ นายกรัฐมนตรี คนที่เคยเป็นผู้ว่าฯ กทม.แล้วในที่สุดมานอนกลางดินกินกลางทราย ต่อสู้ในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง และเป็นธรรม คนอย่างนี้ไม่ปล่อยวางได้ยังไง” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวต่อว่า พล.ต.จำลอง เป็นคนไม่ยึดติดลาภ ยศ สรรเสริญ เพราะเป็นคนที่คิดแต่เรื่องดีๆ ทำแต่เรื่องที่ดีๆ ที่เป็นคนเช่นนั้นเพราะรู้จักพอเพียง สมถะ ถ้าใครรู้จักหรือสังเกตจะพบว่าชีวิตของ พล.ต.จำลอง ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย ใส่เสื้อม่อฮ่อมยังไง สิบกว่าปีก็ยังเหมือนเดิม รองเท้าแตะบางทีเดินเท้าเปล่า บางวันแต่งตัวดีหน่อยเพราะจำเป็นจะต้องไปขึ้นศาล ใส่รองเท้าหนังเป็นเรื่องราวใหญ่โต ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นความสมถะ ความพอเพียงของ พล.ต.จำลอง เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ไม่ได้สร้างภาพว่าเป็นคนสมถะ พอเพียง ทั้งในด้านอาหารการกิน การแต่งตัว และจิตใจ ส่วนคำว่ากระบี่มื้อเดียว พล.ต.จำลองเป็นคนกินอาหารมื้อเดียว ที่เอเอสทีวีตนเห็น พล.ต.จำลองกินอาหารกับผักจานเบ้อเริ่มมื้อเดียว แล้วอยู่ทั้งวัน ไม่กินเนื้อสัตว์ เหตุผลคงจะเป็นเพราะเรื่องสุขภาพ
ส่วนเรื่องที่สำคัญและไม่เคยมีใครคิด คือ พล.ต.จำลองไม่อยากเบียดเบียนสัตว์ เพราะเนื้อสัตว์จะมาได้ก็ต่อเมื่อต้องฆ่าสัตว์ เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าเป็นการกระทำของคนที่มีความคิดเป็นธรรมในใจหรือเปล่า ตนบอกว่าใช่ แต่ พล.ต.จำลองไม่เคยอวดอ้างอะไรเลย เพราะชีวิตที่ตนรู้จัก พล.ต.จำลอง ยึดถือหลักธรรมซึ่งเป็นหลักธรรมขั้นสูงของพระพุทธเจ้า เพราะ พล.ต.จำลองยึดถือชีวิตคืองาน งานคือชีวิต ตนยังไม่เคยเห็น พล.ต.จำลองอยู่ว่างเลยสักเรื่อง ยุ่งไปหมดเลย ถ้าไม่ทำโน่นก็ทำนี่ตลอดเวลา พล.ต.จำลองไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆ ถ้ารับปากใครแล้วเรื่องอะไรจะทำทันที ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง อันนี้คือคนซึ่งใช้ธรรมนำหน้า ตนยังทำสู้ไม่ได้ ถึงพยายามจะเลียนแบบตลอดเวลา เพราะฉะนั้นมีแต่เรื่องงาน ที่สำคัญเรื่องงานของ พล.ต.จำลอง ไม่ได้ทำเพื่อให้ตัวเองรวย เป็นคนที่ทำงานเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม ทั้งโลกมนุษย์และสังคมของสัตว์ด้วย เปิดร้านอาหารมังสวิรัติกำไรสักกี่บาท แต่ต้องการเอามังสวิรัติเข้าสู่สังคมไทยให้คนรู้ว่าในที่สุดการทำมังสวิรัติเป็นเรื่องที่ดีต่อร่างกาย ตนเชื่อว่า อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้อิทธิพลส่วนหนึ่งจาก พล.ต.จำลองเหมือนกัน
“ใครจะไปนึก คนอย่างพี่ลอง มีคนญี่ปุ่นชื่นชมในตัวพี่ลองมาก บริจาคเครื่องฟอกไตมาให้พี่ลองเป็นสิบๆ เครื่อง ให้ฟรี พี่ลองแทนที่จะเอาเครื่องฟอกไตมาแล้วไปแจกคนโน้น ไม่มี พี่ลองคิดในรูปแบบสงสารคนที่เดือดร้อนจากโรคไต แต่ไม่มีเงินที่จะฟอกไต พี่ลองเลยตั้งศูนย์ฟอกไต ราคาไม่แพง ราคาถูกมาก ให้มนุษย์ทุกคน ไม่กีดกันว่าใครก็ตาม นี่คือการแก้ปัญหาทุกข์ยากของคน มันเป็นลักษณะเหมือนกับของพระโพธิสัตว์ ใครจะไปรู้ว่าถ้าพี่ลองไม่พูดให้ฟังว่าพี่ลองเลี้ยงสุนัขจรจัดเป็นพันๆ ตัว พี่ลองเลี้ยงหมาที่คนเขาทิ้งแล้วเป็นพันๆ ตัว เฉพาะค่าอาหารอย่างเดียวเงินตั้งเท่าไหร่ แล้วอีกเรื่องหนึ่ง พี่ลองเปิดศูนย์ล้างพิษตับ ที่โรงเรียนผู้นำ เพราะว่าหลักสูตรล้างพิษตับคือการทำให้คนเอาพิษจากร่างกายออกไป แล้วพี่ลองคิดค่าล้างพิษตับแค่ 2,500 บาท กำไรไม่มีหรอก คือขอให้ศูนย์นั้นอยู่ได้ คนที่ล้างพิษตับจากพี่ลองออกจากศูนย์นั้น ผมว่าน่าจะถึงหมื่นแล้ว คนที่รอดชีวิต ทำให้สุขภาพดี เพราะการกระทำได้อานิสงส์จากพี่ลอง” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวว่า พล.ต.จำลอง ยังสร้างโรงเรียนผู้นำ สมัยก่อนตำรวจ ทหาร จะเข้าโรงเรียนผู้นำสอนหลักธรรม สอนการเป็นผู้นำ สอนคุณธรรม สอนจริยธรรม หลายคนที่เคยผ่านโรงเรียนผู้นำไป คุณภาพชีวิตดีขึ้น ความคิดดีขึ้น แต่เผอิญความเป็น พล.ต.จำลอง พอการเมืองเปลี่ยน คนที่ไม่ชอบ พล.ต.จำลอง ก็ไม่ให้ตำรวจ ไม่ให้ทหารเข้ามาเรียนโรงเรียนผู้นำ จริงๆ แล้วโรงเรียนผู้นำยังมีประโยชน์มากกว่า วปอ.หรือ วปรอ.อีก เพราะโรงเรียนผู้นำคือการเสริมสร้างจิตวิญญาณให้คนเป็นคนดี ให้มีจิตสำนึก เป็นสิ่งซึ่ง พล.ต.จำลองเป็นคนที่ทำ อีกอันหนึ่ง พล.ต.จำลอง เป็นคนที่รักชาติ รักศาสนา รักพระมหากษัตริย์ การกระทำตั้งแต่เป็นทหาร ตั้งแต่ยศร้อยตรีขึ้นมาจนกระทั่งวันนี้ ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่เป็นที่กังขาเลยแม้แต่นิดเดียว คบกับ พล.ต.จำลอง มา 8 ปี อันหนึ่งที่รู้คือ พล.ต.จำลอง ยึดถือความถูกต้องเป็นหลักชีวิต ความถูกต้องต้องมาก่อน ขณะเดียวกัน ตนเรียนรู้จาก พล.ต.จำลองเรื่องความเท่าเทียมกันและความยุติธรรม พล.ต.จำลอง บอกว่า ความเท่าเทียมกันหรือจะสู้ความยุติธรรม ความยุติธรรมต้องมาเหนือความเท่าเทียมกัน
ขณะเดียวกัน ตนอยู่กับ พล.ต.จำลอง มา 8 ปี รู้เลยว่า พล.ต.จำลองเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ ฟังดูเหมือนเป็นเผด็จการ จริงๆ ไม่ใช่ ที่ประชุมแกนนำพันธมิตรฯ หรือที่ประชุมหลายๆ แห่ง เชื่อว่าแกนนำคนอื่นๆ ก็จะยืนยันได้ว่า พล.ต.จำลอง ในทางตรงกันข้ามกับข่าวหรือสิ่งที่คนเห็นว่า พล.ต.จำลองเผด็จการ ไม่ใช่ พล.ต.จำลองเป็นนักประชาธิปไตยตัวยง เพราะพี่ลองจะถามทุกคนหมด แม้กระทั่งเด็กจะถามว่าคิดยังไง แต่เมื่อถามแล้วประมวลก็จะบอกว่า พวกคุณเอายังไงผมเอาด้วย ซึ่งตรงกันข้ามกับลักษณะข่าวลือของ พล.ต.จำลอง สมัยที่เราชุมนุมใหม่ๆ คนจะกลัว พล.ต.จำลอง ว่าฮึดขึ้นมาบอก เดินไปชนมัน แต่ พล.ต.จำลองกลับเป็นคนที่กลัวมากที่สุด กลัวมีเรื่อง กลัวประชาชนเดือดร้อน แต่ว่าอะไรก็ตามที่ตกผลึกแล้ว เช่นเรื่องชาติบ้านเมือง จะบอกว่าเป็นไงเป็นกัน ทั้งนี้ ในการชุมนุม 158 วัน พล.ต.จำลอง บอกกับตนว่า ผมจะต้องไปประท้วงเรื่องดินแดน ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร ผมจะไปในนามส่วนตัว ตนบอกว่า ข้อแรกโดยพื้นฐานตนต้องไปอยู่แล้ว แต่ข้อที่สองสิ่งที่ประท้วงเรื่องดินแดนชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ต้องทำ
เพราะฉะนั้น พล.ต.จำลองไม่ได้ไปคนเดียว ตนไปด้วย เพราะฉะนั้นพันธมิตรฯ จึงตัดสินใจชุมนุม 158 วัน แต่ถึงทุกคนจะฟัง พล.ต.จำลอง แต่ พล.ต.จำลอง มักจะกล่าวว่า คุณไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ แต่ผมต้องไป เพราะผมเชื่อของผมอย่างนี้ เพราะผมต้องปกป้องชาติบ้านเมือง จะเห็นได้ชัดว่า พล.ต.จำลอง ไม่ใช่เป็นเผด็จการ นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตถูกต้องหมด ตนจำได้หลายเรื่องที่พูด พล.ต.จำลอง ใช้ธรรม ไม่ได้ใช้กิเลสมอง คนใจจริง จริงใจ แน่ไม่แน่ก็ต้องดู สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บริษัทเหล้าเบียร์ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ พล.ต.จำลองมองว่า บริษัทเหล้า บริษัทเบียร์ เข้าตลาดหลักทรัพย์คือการมอมเมาคน ชาวอโศกไปชุมนุมหน้าตลาดหลักทรัพย์ ปักหลักพักค้าง พล.ต.จำลองจะแสดงความเป็นธรรม ข้อเท็จจริง หลักการ ความซื่อสัตย์ จริยธรรม คุณธรรมออกไป ไม่รีรออะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
อีกเรื่องที่สำคัญที่สุด ชาวเอเอสทีวีทุกคนเป็นหนี้บุญคุณ พล.ต.จำลอง และชาวอโศก ตลอดจนพี่น้องพันธมิตรฯ ที่สนับสนุนเอเอสทีวี พล.ต.จำลอง รู้ว่าตนเป็นคนปากหนัก พูดกับตนเองว่า ขึ้นเวทีบอกว่าเอเอสทีวีลำบาก คุณสนธิไม่พูด ผมพูดเอง พร้อมที่จะออกโทรทัศน์ ลงเสียง ให้บริจาคเอเอสทีวี เดินเรื่องแม้กระทั่งบัญชีที่ตั้งไว้ ก็เป็นบัญชีสาขาราชวัตร ที่ พล.ต.จำลองรู้จัก และเป็นธุระหมดเลย แม้กระทั่งสินค้าของสันติอโศก ปุ๋ยของ อ.ขวัญดิน อ.แก่นฟ้า บอกว่ากำไรจะแบ่งให้เอเอสทีวีเลย กระทั่งมีชาวอโศกหลายคนที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้ พล.ต.จำลอง ต้องไปชี้แจงให้ฟัง มองว่าเอเอสทีวีนั้นคือแหล่งที่จะเอาปัญญาออกไป เหมือนกับว่าเป็นเครื่องมือในการแสดงธรรม เพราะสิ่งที่ พล.ต.จำลอง หรือชาวอโศกทำ คือธรรมที่พระพุทธเจ้าชั้นสูง ไม่มีใครเคยทำมาก่อน นี่คือ พล.ต.จำลอง พวกเราซาบซึ้งกับ พล.ต.จำลองมาก
“พี่ลองจะเป็นคนที่น่ารักที่สุด แม้กระทั่งบางเรื่องที่พี่ลองตัดสินใจไปแล้ว เวลาพูดกับเรา พี่ลองยังใช้คำพูดที่น่ารักมาก คุณสนธิครับ มีเรื่องอย่างนี้ๆ นะ เขาบอกมาอย่างนี้ๆ นะ สุดแล้วแต่คุณสนธินะ เอาก็เอา ไม่เอาก็ไม่เอา ผมรู้เลย พี่ลองตัดสินใจแล้วเรื่องนี้ เมื่อพี่ลองตัดสินใจแล้ว ผมไม่มีวันที่จะปฏิเสธพี่ลอง รู้ไหมครับเพราะอะไร เพราะว่าพี่ลองคิดดี ทำดี เพราะฉะนั้นสิ่งที่พี่ลองตัดสินใจ คือสิ่งที่พี่ลองคิดดีแล้ว และก็ทำดีแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วผมยืนยันที่นี้ว่า ตั้งแต่เกิดมา ผมพูดตรงไปตรงมา ผมไม่เคยไว้ใจใครมากเท่ากับผมไว้ใจ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ความไว้ใจนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่พี่ลองตัดผมเกรียน ให้พี่ลักษณ์ตัดผม ทานมังสวิรัติ หรือแต่งตัวใส่ม่อฮ่อมตลอดชีวิต นั่นเป็นแค่องค์ประกอบ แต่ที่ผมไว้ใจเพราะว่าจิตใจพี่ลองเป็นจิตใจที่สูงส่ง มีคุณธรรม เป็นจิตใจที่ปกป้องจริยธรรม เป็นจิตใจที่รักชาติ รักบ้าน รักเมือง จิตใจของพี่ลองเป็นจิตใจที่ไม่มีวาระซ่อนเร้นเลยแม้แต่เรื่องเดียว ใครก็ตามที่มีเรื่องกับพี่ลอง หาเรื่องพี่ลอง ไอ้นั่นในทางโลกถือว่าเป็นคนที่เลวที่สุด” นายสนธิกล่าว