“มาร์ค” มั่นใจจุดยืน “ไตรรงค์” ไม่เปลี่ยน ไม่กลัวถูกล็อบบี้ ตอกแก๊งแดงทำเพื่อตัวเองและนาย ชี้ใจดำให้สาวกเป็นตัวประกันหวังล้างผิดด้วย แนะฟังชาวบ้านก่อนเคอร์ฟิว หวั่นเข้าทางโจรใต้ ชาวบ้านมีปัญหา รับเตือน “เหลิม” ระวังบินมาเลย์เสี่ยงไฟใต้ลุกซ้ำ ขออย่าควบรวมสถาบันการเงิน ชี้แยกบัญชีโอนงบดีที่สุด เตือนสถานะการเงินง่อนแง่ กระทบความเชื่อมั่น บี้ “โต้ง” ให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย ใครจะดูแลเงินเฟ้อ เผยวงการการเงินไม่สบายใจ
วันนี้ (12 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ อ้างว่าได้ประสานกับนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เกี่ยวกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรม 2 ฉบับแล้วว่า ยังไม่ได้คุยกับนายไตรรงค์ในเรื่องนี้ แต่ตนคิดว่าใครติดต่อมานายไตรรงค์ก็คงคุยโดยมีจุดยืนชัดเจน เพราะขึ้นเวทีผ่าความจริงฯ สัปดาห์เว้นสัปดาห์อยู่แล้ว ซึ่งนายเจริญจะนำการพูดคุยไปอ้างเพื่อนำไปสู่การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 2 ฉบับไม่ได้ เพราะขนาดมีการเชิญตัวแทนกลุ่มพันธมิตรฯ และแกนนำ นปช.ไปหารือร่วมกันก็ยังได้ข้อสรุปที่ไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม ตนจะได้สอบถามนายไตรรงค์ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งมั่นใจว่าไม่สามารถล็อบบี้นายไตรรงค์ให้เปลี่ยนจุดยืนได้ พร้อมกับย้ำว่าจุดยืนพรรคยังเหมือนเดิมไม่หวั่นไหว่อการล็อบบี้ โดยยืนยันว่าหากจะนิรโทษกรรมให้ทำเฉพาะชาวบ้านที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ควรจับคนเหล่านี้เป็นตัวประกัน จึงขอย้ำว่าจะมาบีบพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้
ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำคนเสื้อแดง ออกมาเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์เปิดใจกว้างในเรื่องการนิรโทษกรรมนั้น นาอยภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้นายณัฐวุฒิมีจุดยืน เพราะคนมีใจมาชุมนุมจากคำเชิญของนายณัฐวุฒิจนได้รับความเดือดร้อน แต่นายณัฐวุฒิกลับไม่ยอมช่วยคนเหล่านี้ เพราะต้องไปช่วยนายก่อน จึงไม่ทราบว่าใครกันแน่ที่ใจแคบหรือใจดำ และการที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง ออกมาระบุว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่มีแกนนำ แต่เป็นการชุมนุมโดยประชาชนซึ่งจะทำให้แกนนำได้ประโยชน์จากการนิรโทษกรรมด้วยนั้น ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่ายังมีการเอาคนเสื้อแดงมาเป็นตัวประกัน เพื่อพ่วงให้มีการนิรโทษกรรมกับแกนนำด้วย เพราะกฎหมายไม่สามารถที่จะเขียนได้ว่าจะให้แกนนำได้รับผลประโยชน์หรือไม่ให้ แต่เขียนได้ด้วยการระบุการนิรโทษกรรมความผิดที่ชัดเจน เช่น การฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์คิดเรื่องนี้เพื่อช่วยชาวบ้านเสื้อแดงจริงๆ ที่เดือดร้อน แต่ติดที่แกนนำและพ.ต.ท.ทักษิณ ที่จับคนเสื้อแดงเป็นตัวประกัน นายณัฐวุฒิจึงไม่ควรถามว่าคนอื่นใจกว้างหรือไม่ แต่ต้องถามว่าใครใจดำชักชวนคนมาเดือดร้อนแต่ไม่ยอมแก้ปัญหาให้ เพราะมีผลประโยชน์ของตัวเองอยู่ เพราะถ้าตนใจดำเหมือนทางโน้นก็ต้องจับคนเสื้อแดงเป็นตัวประกันด้วย เผื่อจะนิรโทษกรรมคดีของตนด้วย แต่ไม่มีเพราะตนพร้อมที่จะขึ้นศาลและนิรโทษกรรมให้กับคนเสื้อแดงที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างเดียว
ผู้นำฝ่ายค้านฯ แสดงความเป็นห่วงกรณีที่รัฐบาลเตรียมพิจารณาประกาศเคอร์ฟิวในบางพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเห็นว่ารัฐบาลต้องมีข้อยุติในเรื่องนี้ ด้วยการทำให้เป็นระบบและเตือนว่าการจะใช้อำนาจพิเศษที่จำกัดเสรีภาพประชาชนเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนจึงต้องมีความจำเป็นที่ชัดเจน ซึ่งรัฐบาลต้องพิจารณาอย่างละเอียดว่าเหตุที่เกิดขึ้น เกิดที่ไหน เวลาอะไร ถ้ามีเคอร์ฟิวจริงจะช่วยได้หรือไม่ และหากคิดว่าเคอร์ฟิวเป็นคำตอบก็เร่งไปทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ว่าหากประชาชนจะต้องเดือดร้อนมากขึ้น ทำมาหากินลำบาก กรีดยางไม่ได้ ขนส่งสินค้ากลางคืนไม่ได้ จะยอมรับได้หรือไม่ และอยากให้รัฐบาลพิจารณาบทเรียนในปี 2549 ที่มีการประกาศใช้เคอร์ฟิวแต่ไม่ประสบความสำเร็จมาประกอบการตัดสินใจด้วย โดยไม่ควรทำแบบที่ ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่าให้ลองทำไปก่อนหากไม่ได้ผลค่อยยกเลิก เพราะจะเกิดความเสียหายที่ลุกลามบานปลายจนขยายผลให้เกิดปัญหามากขึ้น เป็นเหยื่อคนที่ไม่หวังดีใช้เป็นเงื่อนไขในการปลุกประชาชนต่อต้านรัฐ ซึ่งจะยิ่งกลายเป็นการเข้าทางผู้ก่อความไม่สงบที่จะใช้ความเดือดร้อนของประชาชนมาเป็นประโยชน์ ดังนั้นหากรัฐบาลจะประกาศเคอร์ฟิวจริงๆ ต้องไปทำความเข้าใจให้ประชาชนในพื้นที่ยอมรับด้วย
นายอภิสิทธิ์ยังเปรียบเทียบกับกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้นในตัวเมืองจังหวัดยะลาและรัฐมีแนวคิดที่จะจัดพื้นที่เซฟตี้โซนก็ต้องใช้เวลาในการทำให้คนในพื้นที่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องถูกจำกัดสิทธิบางอย่างเพื่อให้มาตรการรักษาความปลอดภัยทำได้ แต่ถ้าชาวบ้านไม่ยอมรับ รัฐบาลดุ่ยๆ ไปทำ ฝ่ายตรงข้ามก็ยิ่งปลุกระดมทำให้ปัญหาแก้ยากขึ้น ส่วนการที่ ร.ต.อ.เฉลิมยังยืนยันว่าต้องหารือกับทางมาเลเซียเพื่อยุติปัญหาภาคใต้นั้น ตนเคยเตือนไปแล้ววันที่เชิญไปที่ทำเนียบ โดยเตือนต่อหน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า สิ่งที่ไปดำเนินการที่มาเลเซียมีหลายมุม และถ้าไม่ระมัดระวัง ไม่เข้าใจความละเอียดอ่อน ปัญหาจะรุนแรงมากขึ้น ซึ่งหากรัฐบาลกำหนดนโยบายผิดพลาดก็จะเสียหายมากขึ้นจนแก้ยาก อย่าคิดว่าเสียหายไม่เป็นไรเลิกแล้วทำใหม่ เหมือนโครงการจำนำข้าว ที่ทำให้ไทยสูญเสียตลาดส่งออกไป ก็อย่าคิดว่าจะเอาตลาดกลับมาได้ง่ายๆ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อถึงปัญหาสถานะทางการเงินของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และเอสเอ็มอีแบงก์ว่า ตนอยากให้ระบบการแก้ปัญหามีความโปร่งใส ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นภาครัฐจะมีภาระอย่างไรก็ว่าไป แต่ไม่เห็นด้วยกับการควบรวมกิจการเพราะการควบรวมที่จะกระทบต่ออีกสถาบันการเงินหนึ่ง จึงต้องระมัดระวัง เพราะหลายครั้งที่เกิดปัญหาเช่นนี้ โดยให้คนที่แข็งแรงไปอุ้มคนที่อ่อนแอจนอ่อนแอไปด้วยนั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งในช่วงที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรียึดหลักว่า หากเป็นการขาดทุนจากนโยบายของรัฐบาลก็จะมีการแยกบัญชีชัดเจน เพื่อโอนงบประมาณไปชดเชยให้กับสถาบันการเงินของรัฐ เพราะถือว่าเป็นความจงใจตามนโยบายที่ทำให้เกิดภาวะขาดทุน แต่ถ้าเป็นการขาดทุนจากเรื่องอื่นก็ต้องบริหารจัดการตามความรับผิดชอบปกติ ทั้งนี้ เห็นว่าถ้าสถาบันการเงินของรัฐมีสถานะการเงินง่อนแง่นก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของต่างประเทศด้วย รัฐบาลจึงต้องเตรียมการให้ดี ซึ่งตนหวังว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคงไม่ส่งผลกระทบจนทำให้ไทยถูกลดการจัดอันดับความน่าเชื่อถือหากรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาให้ถูกจุดและถูกวิธี
นายอภิสิทธิ์ยังเตือนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังที่ทำหนังสือไปถึงประธานแบงก์ชาติให้พิจารณาลดดอกเบี้ยว่า เรื่องเหล่านี้ควรทำเป็นการภายใน เพราะจากที่ตนได้พบปะกับคนในวงการการเงินก็มีความรู้สึกไม่สบายใจ เพราะหากกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยไม่สามารถหาคำตอบร่วมกันได้ ก็จะกระทบต่อความเชื่อมั่นทั้งหมด ไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งๆ ที่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยดีควรจะไปได้มากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีการนำเรื่องการขาดทุนของแบงก์ชาติไปบีบให้ต้องลดดอกเบี้ยนโยบายนั้น ตนเห็นว่าเป็นเรื่องเทคนิคที่ต้องไปดู โดยต้องกำหนดนโยบายการแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนให้ชัด จะจบแค่เรื่องดอกเบี้ยขึ้นหรือลงไม่ได้ และหากจะให้แบงก์ชาติทำเรื่องนี้ รัฐบาลก็ต้องชัดเจนว่าใครจะดูแลเรื่องเงินเฟ้อ ถ้ารัฐบาลจะดูแลจะปรับลดงบประมาณลงหรือไม่ แต่ยังเชื่อว่าฝ่ายการเมืองคงบีบผู้ว่าฯ แบงก์ชาติไม่ได้เพราะมีความเป็นอิสระและมีกฎหมายคุ้มครองดีพอสมควร