xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ชี้อย่ารวมหมิ่นสถาบันเป็นคดีการเมือง ติงแดงบี้ศาลตามใจ-อัด “เหลิม” ดูถูก ปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
หน.ปชป.ยันไม่ใช่เรื่องใหม่ เหตุยื่นประท้วง “สมยศ” ถูกตัดสินคดีหมิ่นเบื้องสูง ชี้ไม่เกินไป อธิบดีศาลแจงตัดสินตาม กม. อัดมีพวกทำสับสน โยงเป็นคดีการเมือง รับพูดเรื่องการเมืองไม่ผิด แต่จาบจ้วงต้องแยก งงแก๊งแดง จี้อธิบดีศาลอาญาขอโทษ ทั้งทีแจงเรื่อง ม.112 ตาม กม. ย้ำคิดให้ศาลตัดสินตามใจ สังคมลำบาก-ตอก “เป็ดเหลิม” เสียเวลา ท้า “จูดี้” เข้าวิน แนะขอโทษดูถูก ปชช.

วันนี้ (5 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนักวิชาการทางสังคมและประชาชนลงชื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงประธานรัฐสภา นายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จากกรณีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ถูกศาลอาญาตัดสินจำคุกในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นว่า ประเด็นข้อเรียกร้องหรือข้อประท้วงเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันมา ซึ่งตนคิดว่าปัญหาต้องแยกแยะ เพราะการไปประท้วงว่าศาลตัดสินไม่ถูกต้อง หรือไม่ควรมีการลงโทษนายสมยศนั้น ที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นว่าเมื่อศาลตัดสินแล้วจะมาบอกว่าศาลทำเกินไป และยื่นเรื่องถึงนายกฯ หรือประธานสภา แต่คดีนี้ก็ยังไม่ถึงที่สุด ซึ่งคู่ความก็สามารถไปอุทธรณ์ได้ ถ้าเห็นว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ควรจะปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไป เพราะอธิบดีศาลก็ออกมาอธิบายชัดเจนว่าการตัดสินของศาลยึดตามตัวบทกฎหมาย ซึ่งหลายครั้งในคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มักมีความพยายามทำให้เกิดความสับสนโดยไม่ไปดูรายละเอียดของการสืบพยานของคำพิพากษาว่าทำไมศาลถึงได้ตัดสินอย่างนี้ แล้วก็ไปสรุปว่าเป็นความคิดเห็นต่างทางการเมืองเลยถูกลงโทษ

“ผมยืนยันว่าความเห็นต่างทางการเมืองนั้นไม่ควรจะถูกลงโทษ แต่ผมเข้าใจว่าหลายกรณี รวมทั้งกรณีนี้ศาลไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แต่เป็นการไปเผยแพร่สิ่งที่อ้างว่าเป็นข้อเท็จจริง แต่เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งกระทบกระเทือนไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และสิ่งผลกระทบกระเทือนถึงความมั่นคงของประเทศด้วย ส่วนเรื่องสิทธิการได้รับการประกันตัว หรือกฎหมายก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ถ้ามาบอกว่าการตัดสินคดีนี้ไม่ควรจะเป็นอย่างนี้ ไม่ควรจะลงโทษ และไปเหมารวมโดยไม่ดูข้อเท็จจริงในคดีว่าคนถูกลงโทษแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง จะเป็นการสร้างความสับสนในสังคม” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยื่นหนังสือให้อธิบดีศาลออกมาขอโทษ และลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบในกรณีที่ อธิบดีศาลอาญา ออกมาแสดงความคิดเห็นกรณีการที่มีกลุ่มต่อต้านมาตรา 112 วิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินของศาลนั้นว่า ตนไม่เข้าใจว่าอธิบดีศาลไปทำผิดอะไร ถึงจะต้องไปขอโทษและลาออก เพราะอธิบดีก็พูดตามกฎหมายไม่ได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวเลย แต่เป็นการอธิบายกฎหมายให้เข้าใจซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะหากมีการตัดสินไปแล้ว แต่มีการไปสร้างกระแส สร้างความสับสน อธิบดีศาลก็ได้ทำการชี้แจง ไม่ได้มีอะไรที่จะต้องไปขอโทษหรือลาออก

“ในที่สุดสังคมจะหาข้อยุติไม่ได้ เพราะถ้าเราบอกว่ากระบวนการยุติธรรมนี้พอตัดสินแล้ว ก็บอกไม่ยอมรับ แต่ถ้าตัดสินถูกใจก็ไม่เห็นมีการมาพูดถึงเรื่องเหล่านี้เลย แล้วปัญหาจะยุติอย่างไร จึงอยากให้คนเหล่านี้ย้อนกลับไปดูหลักของสังคมประชาธิปไตย ซึ่งการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองนั้นทำได้ แต่การที่จะไปตั้งคำถามกับกระบวนการที่เป็นข้อยุติของสังคมแล้วบ้านเมืองจะอยู่อย่างไร เพราะใครไม่พอใจก็ระดมคนมา ก็จะเป็นสังคมซึ่งเหมือนกับไม่มีกฎหมาย ผมซึ่งไม่เชื่อว่าสังคมไม่มีกฎหมายจะเป็นประชาธิปไตยได้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี แสดงความมั่นใจว่าผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และหากพูดผิดจะงดให้สัมภาษณ์ 7 วันนั้นว่า เป็นไปได้ที่การพูดเช่นนี้จะเป็นรูปแบบการหาเสียงของ ร.ต.อ.เฉลิม แต่ตนเห็นว่าหาก ร.ต.อ.เฉลิมพูดผิดจริงอย่าหยุดพูด 7 วันเลย ควรจะมาขอโทษประชาชนมากกว่า เพราะพูดอะไรไม่รู้ เหมือนดูถูกว่าประชาชนจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่มีเวลาอีกเกือบเดือนที่ประชาชนจะพิจารณาผู้สมัคร จึงไม่อยากให้ไปเสียเวลากับการท้าทาย การพูดว่าใครจะชนะ หรือแพ้เลย ควรเอาเนื้อหาสาระที่จะเป็นประโยชน์กับคน กทม.มาพูดดีกว่า ส่วนกรณีที่มีผู้สมัครหลายคนไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้โพลยุติการเผยแพร่ผลการสำรวจนั้นก็เป็นระเบียบของ กกต.อยู่แล้วว่า 7 วันสุดท้ายห้ามเผยแพร่ผลโพล


กำลังโหลดความคิดเห็น