xs
xsm
sm
md
lg

นักเคลื่อนไหวต่อต้าน ม.112 จุดไฟเผาตำรากฎหมายหน้าศาลอาญา

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ทำกิจกรรมเผาตำรากฎหมายและข้อความประท้วง ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายมาตรา 112
กลุ่มคนต่อต้านไม่เอามาตรา 112 ป่วนหน้าศาลอ่านอีก แจกแถลงการณ์ไม่หนำใจจุดไฟเผา “ตำรากฎหมายเชิงสัญลักษณ์” หลังศาลพิพากษาลงโทษ “สมยศ พฤกษาเกษมสุข” จำคุก 10 ปีคดีหมิ่นเบื้องสูง

วันนี้ (25 ม.ค.) ที่บริเวณหน้าศาลอาญา ถ.อาญารัชดาภิเษก มีเครือข่ายกิจกรรมทางสังคมประชาธิปไตย หรือกลุ่มคนต่อต้านไม่เอามาตรา 112 ประมาณกว่า 20 คนได้เดินทางมาทำกิจกรรมประท้วงกรณีศาลพิพากษาจำคุก 10 ปี คดีหมิ่นเบื้องสูง นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ ด้วยการอ่านและแจกแถลงการณ์รวมทั้งทำการจุดไฟ “เผาตำรากฎหมายเชิงสัญลักษณ์” ซึ่งเป็นประมวลกฎหมายอาญาฉบับสำเนา พร้อมชูป้ายข้อความประท้วง เช่น “พูดไม่ได้บ้าใบ้อย่างเดียว” “ต้องสรรเสริญอย่างเดียว กฎหมาย 112 เพื่อเหยียบหัวประชาชน”

โดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาทำนองว่า การจัดกิจกรรมเผาตำรากฎหมายเชิงสัญลักษณ์ในวันนี้เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่มีที่มาหลากหลาย แต่มีจุดร่วมเหมือนกันคือ ไม่เห็นด้วยกับความเผด็จการณ์ของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และอดทนไม่ได้กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับผู้ต้องขังคดีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาคดีของ น.ส.ดารณี หรือดา ตอร์ปิโด ที่ศาลอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีในทางลับ หรือกรณีการถูกตัดสินว่ามีความผิด แม้ว่าจะไม่สามารถพิสูจน์ได้จนสิ้นสงสัย ดังเช่นกรณีของนายธันย์ฐวุฒิ ทรีวโรดม หรือหนุ่มเรดนนท์ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเว็บมาสเตอร์ของเว็บไซต์ นปช.ยูเอสเอ หรือกรณีของนายอำพล ตั้งนพกุล หรืออากง เอสเอ็มเอส ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ส่งข้อความหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์

ล่าสุด ศาลพิพากษาลงโทษนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักกิจกรรมสายแรงงานและบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin (วอยซ์ ออฟ ทักษิณ) เป็นเวลา 10 ปี โดยผลักภาระความรับผิดชอบให้นายสมยศ โดยไม่มีการพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยในเรื่องเจตนากระทำผิด อันเป็นพื้นฐานของคดีอาญา ยังไม่ต้องพูดถึงสิทธิในการประกันตัว อันเป็นสิทธิพื้นฐานตามหลักสากล แต่สำหรับประเทศไทยเรานี้ต้องเป็นอภิสิทธิชนเท่านั้นจึงจะเข้าถึงสิทธินี้ได้

กรณีทั้งหมดที่กล่าวมานี้และอีกหลายกรณีที่ไม่ได้กล่าวถึง สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมไทยล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการผดุงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม อันเป็นหัวใจของการปกครองระบอบประชาธิปไตย หากบุคคลให้สถาบันตุลาการที่ได้ชื่อว่าเป็นคนดีเป็นผู้ที่มีความเที่ยงตรง กลับไม่ปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานทางกฎหมายเหล่านี้ ความยุติธรรมที่แท้จริงจะบังเกิดได้อย่างไร แล้วตำรากฎหมายที่วางกองอยู่ตรงหน้าที่เราได้ร่ำเรียนมานั้นจะยังมีความหมายอะไรต่อไปอีก “พอกันที 112! พอกันทีความไร้หลักการของกระบวนการยุติธรรมไทย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน บก.น.2 ทั้งในและนอกเครื่องแบบ และเจ้าหน้าที่ รปภ.ของศาลอาญาได้มาสังเกตการณ์ บันทึกภาพ และดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด

ด้านนายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า กรณีมีผู้ชุมนุมมาประท้วงหน้าศาลอาญานั้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศาลอาญาดูเเลรักษาความสงบ ซึ่งก็ไม่มีเหตุการณ์ร่้ายเเรงหรือลุกลาม ส่วนที่มีการเผาตำรา หรือเเจกเอกสารนั้นก็เป็นการแสดงความไม่เห็นด้วยในกระบวนการยุติธรรม ทางศาลอาญาก็จะไม่มีการดำเนินคดีอะไรต่อคนกลุ่มนี้ เพราะจะเป็นการต่อความยาว ผู้ชุมนุมก็ชุมนุมบริเวณข้่างหน้าศาลไม่ได้เข้ามาชุมนุมในเขตรั้วของศาล คิดว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์ลุกลามไปกว่านี้แล้ว เพราะทางศาลอาญาได้ชี้เเจงผ่านสื่อมวลชนไปเเล้วถึงคดีของนายสมยศ และเชื่อว่าประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นคนส่วนมากและมีความคิดเป็นกลางจะมีความเข้าใจ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ คนบางกลุ่มมีการปลุกระดมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือโดยการดึงต่างประเทศเข้ามา ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะมีความเข้าใจในวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมของประเทศไทยหรือไม่ แต่ที่ตนเชื่อว่าจะไม่บานปลาย เพราะกระบวนการยุติธรรมเรามีบทบัญญัติชัดเจนและตรวจสอบได้
กำลังโหลดความคิดเห็น