ปชป.ไม่ลดละลุยจับมอดโกงจำนำข้าว แจกหนังสือ “รู้ลึก รู้จริง โกงจำนำข้าว” เปิดโปงกลโกงทุจริตละเอียดยิบ ย้ำชาติเสียหายปีละ 5 แสนล้าน ชาวนาถูกเอาเปรียบ แฉเวียนเทียนมโหฬาร 11 ล้านตัน “วรงค์” เตรียมให้ข้อมูล ป.ป.ช.พรุ่งนี้ เปิดแผลรัฐ 3 เรื่องจีทูเจี๊ยะ ฟอกเงิน แฉโครงข่ายโกงจำนำข้าวระดับบิ๊ก เชื่อเลื่อนแถลงผลงานหวั่นถูกแฉโกงซ้ำ
วันนี้ (30 ม.ค.) นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก ซึ่งเป็นทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหาการทุจริตโครงการจำนำข้าว ร่วมกันแถลงถึงปัญหาจากโครงการรับจำนำข้าว โดยนายเกียรติกล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้สร้างภาระงบประมาณ 5 แสนล้านบาทต่อปี และมีความเสียหายเกิดขึ้นปีละ 2.3 แสนล้านบาท ซึ่งพรรคได้ชี้ให้เห็นว่ามีกระบวนการทุจริตอย่างมากมายในการจำนำข้าวและความเสียหายเกิดกับภาระงบประมาณของประเทศ แต่เกษตรกรไม่ได้รับเงินในราคาจำนำ 1.5 หมื่นบาทและ 2 หมื่นบาท โดยรายงานของกระทรวงเกษตรฯ ยอมรับว่าเกษตรกรได้รับเงินเพียงแค่ 9 พันกว่าบาทสำหรับข้าวเจ้า และ 1.4 หมื่นบาทสำหรับข้าวหอมมะลิ
นอกจากนี้ยังพบว่า ข้อมูลที่กระทรวงพาณิชย์แจกจ่ายต่อสาธารณะยังคลาดเคลื่อนต่อความจริงด้วย พรรคจึงจัดทำหนังสือชื่อ “รู้ลึก รู้จริง โกงจำนำข้าว” จำนวน 5 พันเล่ม เพื่อประมวลข้อเท็จจริงทั้งหมดที่นำเสนอในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยทำให้เกิดความเข้าใจง่าย เพราะกระบวนการคอร์รัปชันเป็นไปอย่างซับซ้อน มีบุคคลเกี่ยวข้องหลายกลุ่ม และยังโยงใยไปถึงบุคคลต่างๆ ที่กำกับดูแลโครงการนี้ด้วย โดยเคยหวังว่าหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วรัฐบาลจะมีการปรับปรุงโครงการแต่รัฐบาลกลับเดินหน้าด้วยวิธีและกระบวนการเดิมที่จะสร้างความเสียหายแก่ประเทศ กระทบถึงสถานะการคลังของประเทศ และยังกระทบไปถึงการประเมินความน่าเชื่อถือของไทยด้วย เพราะสถาบันจัดอันดับความเชื่อถือของประเทศต่างๆ ก็ได้หยิบยกปัญหาจากโครงการนี้ไปเป็นปัจจัยในการตัดสินด้วย ซึ่งประเมินว่าหากรัฐยังดำเนินการเช่นนี้ต่อไป ประเทศไทยอาจถูกลดความน่าเชื่อถือและเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อฐานะการคลังและเศรษฐภิจในภาพรวมของประเทศ
นายเกียรติกล่าวด้วยว่า หนังสือรู้ลึก รู้จริง โกงจำนำข้าว เป็นการสะท้อนไปถึงรัฐบาลเพื่อให้เห็นถึงปัญหาและเร่งรีบแก้ไข ซึ่งทางพรรคได้ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบสืบสวนหาข้อเท็จจริงควบคู่ไปด้วย ทั้งนี้เห็นว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องให้ข้อเท็จจริงกับประชาชนในเรื่องการระบายข้าวแบบจีทูจี จะอ้างว่าเป็นความลับไม่ได้ เพราะหลังจากลงนามในสัญญาแล้วรัฐบาลต้องเปิดเผย แต่เมื่อรัฐบาลยังไม่มีการเปิดเผยอาจเป็นเพราะไม่มีการซื้อข้าวจริงตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง นอกจากนี้ยังพบว่า มีการเวียนเทียนข้าวถึง 11 ล้านตันในระบบการรับจำนำข้าวด้วย
นพ.วรงค์กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลเคยบอกว่าจะแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจสอบการระบายข้าวแบบจีทูจี ซึ่งฝ่ายค้านเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้วแต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ จึงเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเร่งรัดในเรื่องนี้ด้วย และในวันพรุ่งนี้จะไปให้ข้อมูลกับ ป.ป.ช.ใน 3 สามประเด็น คือ 1. กรณีการระบายข้าวแบบจีทูจีไม่โปร่งใส แต่เป็นการขายเพื่อเวียนเทียนในประเทศ ผ่านไอ้ปาล์ม และไอ้โจ ในฐานะบริษัท และตัวบุคคล 2. กรณีรัฐบาลพัวพันการฟอกเงินในโครงการระบายข้าว ซึ่งจะมอบเอกสารเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินให้แก่ ป.ป.ช.เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อตีแผ่ให้สังคมรับรู้ว่า รัฐบาลขายข้าวพัวพันกับขบวนการฟอกเงิน และ 3. การระบายข้าวของรัฐบาล มีไอ้ปาล์ม ไอ้โจ ซึ่งเป็นเด็กในบ้านอยู่ในขบวนการที่ใหญ่พอสมควร โดยจะเปิดเผยต่อ ป.ป.ช.เพราะเป็นข้อมูลลับ
ด้านนายอาคมกล่าวถึงปัญหาเซอร์เวเยอร์ว่า เป็นการตรวจเฉพาะขาเข้า ขาออกไม่ตรวจ มีการนำข้าวคุณภาพต่ำเข้าไปสวม และยังมีปัญหาเรื่องการเช่าโกดังมาเก็บข้าว โดยเจ้าของโกดังไม่ต้องรับผิดชอบคุณภาพข้าว ซึ่ง ป.ป.ช.เคยเตือนสองครั้งว่าให้รัฐบาลทบทวน เพราะไม่มีที่ไหนในโลกที่รัฐบาลเป็นทั้งพ่อค้าและผู้ส่งออก ทำให้เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ยังพบปัญหาข้าวล้นโกดังมีการเช่าโกดังร้างมาเก็บข้าวทำให้ข้าวเสื่อมคุณภาพซึ่งจะเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง และผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร รวมถึงอีกหลายจังหวัดยอมรับว่ามีการนำข้าวต่างประเทศเข้ามาสวมสิทธิทำให้เกิดความเสียหาย พร้อมตั้งข้อสังเกตกรณีที่หลายจังหวัดเกิดไฟไหม้โกดังเก็บข้าวของรัฐบาลด้วย
นายจุรินทร์กล่าวถึงประเด็นที่รัฐบาลยังไม่ยอมแถลงผลงานในขณะนี้ โดยยื้อไปหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะนำประเด็นที่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญไปพันกับเรื่องการเมือง ทั้งที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมากกว่าการมองประโยชน์ส่วนตัวทางการเมืองจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และยังเชื่อว่ารัฐบาลคงกลัวว่าจะถูกแฉเรื่องการทุจริตเพิ่มเติม โดยเฉพาะเรื่องโครงการจำนำข้าว หรือจีทูเจี๊ยะ ภาค 2 เป็นเรื่องที่รัฐบาลเป็นห่วงรวมทั้งการทุจริตอื่นๆ ซึ่งยังเดินหน้าอย่างไม่หยุดเป็นแผลใหญ่ของรัฐบาลที่ทำให้รัฐบาลไม่กล้าแถลงผลงาน จึงพยายามยื้อไปหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ยอมแลกกับความเสี่ยงว่าไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เพราะต้องการปิดหูปิดตาคนกรุงเทพมหานคร