อดีต ส.ว.สรรหา ทำหนังสือถึงนายกฯ ประกบ ส.ส.ปชป. 44 คน ยื่นหนังสือก่อนหน้านี้ ให้ถอนคดีเงินบริจาคออกจากคดีพิเศษ ชี้ ให้ดีเอสไอฟันอาญาแล้วให้ กกต.ยุบพรรค ปชป.เหมาะสมแล้ว ซัด “สดศรี” บอกเป็นอำนาจ กกต.หวั่นไม่เป็นกลาง คดีช้าเกินควร
วันนี้ (17 ม.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อยืนยันคำร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวน และดำเนินการตามกฎหมายกรณีปมบริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ว่า มีการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 57 วรรคสอง ที่จะมีโทษตามมาตรา 114 หรือไม่ หลังจาก 44 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทำหนังสือถึงนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อขอให้ถอนคดีออกจากคดีพิเศษ ซึ่งอาจมีข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน เพราะคดีนี้ตนเป็นผู้ร้องต่อดีเอสไอด้วยตนเอง เป็นเรื่องที่สืบเนื่องจากกรณีบริษัท จัดการน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ได้รับเรื่องไว้สืบสวนสอบสวนนานแล้ว และมีการขอให้ยกเลิกสวน จนถึงตอนนี้ก็ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ และมาตรา 57 วรรคสอง ระบุชัดเจนว่า การบริจาคแก่พรรคการเมืองตั้งแต่สองหมื่นบาทขึ้นไป ต้องบริจาคโดยวิธีการสั่งจ่ายเป็นตั๋วแลกเงิน หรือเช็คขีดคร่อม
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า การที่ นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการพรรคการเมืองฯ ระบุว่า การสอบสวนเรื่องนี้เป็นอำนาจโดยตรงของ กกต.นั้น ย่อมจะมีปัญหาเรื่องความเป็นกลางตามมาได้ และหากดีเอสไอดำเนินการทางอาญาจนได้ข้อสรุปว่ามีมูลแล้ว กกต.ก็ควรทำเรื่องเกี่ยวกับโทษการยุบพรรคต่อไป น่าจะเหมาะสมกว่าให้ดีเอสไอส่งเรื่องมาให้ กกต.ตั้งแต่เรื่องอีสท์วอเตอร์แล้วตนยังไม่ปรารถนาจะส่งเรื่องเงินบริจาค 20,000 บาท ให้ กกต.สอบสวน เพราะสงสัยในเรื่องการทำหน้าที่ว่าอาจจะล่าช้าเกินควร เหมือนกรณีอีสท์วอเตอร์ จึงขอยืนยันคำร้องให้ดีเอสไอดำเนินการต่อไป