ศูนย์ข่าวศรีราชา - อีสท์ วอเตอร์ ผุดโครงการก่อสร้างอาคารสูบน้ำดิบ และวางท่อส่งน้ำ มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพการจ่ายน้ำ รองรับการเติบโตของพื้นที่ชลบุรี
นายเลอศักดิ์ กาญจพงศ์ธร ผู้จัดการโครงการก่อสร้างอาคารสูบน้ำดิบและวางท่อส่งน้ำ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำ ภาคตะวันออก (จำกัด) หรือ อีสท์วอเตอร์ กล่าวว่า บริษัทอีสท์ วอเตอร์ กำลังดำเนินการก่อสร้างระบบสูบน้ำที่อ่างเก็บน้ำบางพระ ขนาดกำลังการผลิต 200,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน ด้วยเงินลงทุน 865 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณการใช้น้ำรวม 106 ล้าน ลบ.ม. หรือ 290,000 ลบ.ม. ต่อวัน
ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันระบบสูบจ่ายน้ำของบริษัทในพื้นที่ชลบุรีมีความสามารถในการสูบจ่ายเพียง 50,000 ลบ.ม.ต่อวัน (อ่างฯ บางพระ) และ 50,000 ลบ.ม.ต่อวัน (อ่างฯ หนองค้อ) ยังไม่สามารถรองรับความต้องการใช้น้ำในอนาคตได้ จึงได้ดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพของระบบจ่ายน้ำแหลมฉบัง
สำหรับพื้นที่จังหวัดชลบุรีที่มีแหล่งน้ำต้นทุนเป็นของตนเองน้อย ซึ่งปัจจุบันแหล่งน้ำหลักในพื้นที่ชลบุรีที่บริษัทใช้ คือ อ่างฯ หนองค้อ และอ่างฯ บางพระ โดยมีแหล่งน้ำที่ใหญ่ที่สุดเพียงแหล่งเดียวคือ อ่างเก็บน้ำบางพระ มีความจุอ่างฯ อยู่ที่ 117 ล้าน ลบ.ม. แต่ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างฯ (inflow) มีน้อยกว่าปริมาณความจุของอ่าง บริษัทจึงต้องผันน้ำจากแหล่งน้ำอื่นมายังชลบุรีประมาณ 65 ล้าน ลบ.ม. เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้อ่างเก็บน้ำบางพระ โดยผันจาก อ่างฯ หนองปลาไหล จ.ระยอง และแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
การผันน้ำนั้น จะดำเนินการในช่วงเดือน มิ.ย.-ต.ค. รวม 5 เดือน ในฤดูน้ำหลาก มาเก็บกักไว้ใช้ประโยชน์แทนการสูบน้ำทิ้งทะเลเพื่อบริหารจัดการสูบส่งน้ำให้แก่ประปาแหลมฉบัง ประปาพัทยา ประปาศรีราชา ประปาบางละมุง และอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้อย่างเพียงพอ ทั้งนี้ สำหรับประปาชลบุรีในปัจจุบันไม่ได้รับน้ำดิบจากบริษัท เนื่องจากสูบน้ำดิบจากอ่างฯ บางพระใช้เอง
นายเลอศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า จากการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำในอนาคตอีก 10 ปี ข้างหน้า (พ.ศ.2564) ความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ชลบุรี แหลมฉบัง และพัทยา จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นถึง 106 ล้าน ลบ.ม. ขณะเดียวกัน ปริมาณน้ำที่จะสามารถผันจากอ่างฯ หนองปลาไหลในอนาคตจะมีปริมาณลดลง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ระยองเพิ่มสูงขึ้นมาก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมสำหรับชลบุรีอีกไม่น้อยกว่า 45 ล้าน ลบ.ม. จึงจะมีน้ำดิบเพียงพอต่อภาคอุตสาหกรรม และการผลิตน้ำประปาในอนาคต
นายบุญสม ยุติธรรมภิญโญ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานชลบุรี กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินงานของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำ ภาคตะวันออก (จำกัด) หรืออีสท์ วอเตอร์ เพื่อสร้างอาคารสูบน้ำ บริเวณอ่างเก็บน้ำบางพระ เพื่อนำไปใช้ในการอุปโภคบริโภค โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2555 แล้วเสร็จเดือน พ.ย. 2556
โครงการดังกล่าว เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ให้มีการสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา มาฝากไว้ที่อ่างเก็บน้ำบางพระ โดยทางชลประทานได้เก็บค่าฝากน้ำ ลูกบาศก์เมตรละ 50 สตางค์ ดังนั้น ทางบริษัทอีสท์ วอเตอร์ จึงต้องสร้างโรงสูบน้ำ เพื่อนำน้ำดิบที่ฝากไว้ไปใช้ในการอุปโภคบริโภคต่อไป
นายเลอศักดิ์ กาญจพงศ์ธร ผู้จัดการโครงการก่อสร้างอาคารสูบน้ำดิบและวางท่อส่งน้ำ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำ ภาคตะวันออก (จำกัด) หรือ อีสท์วอเตอร์ กล่าวว่า บริษัทอีสท์ วอเตอร์ กำลังดำเนินการก่อสร้างระบบสูบน้ำที่อ่างเก็บน้ำบางพระ ขนาดกำลังการผลิต 200,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน ด้วยเงินลงทุน 865 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณการใช้น้ำรวม 106 ล้าน ลบ.ม. หรือ 290,000 ลบ.ม. ต่อวัน
ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันระบบสูบจ่ายน้ำของบริษัทในพื้นที่ชลบุรีมีความสามารถในการสูบจ่ายเพียง 50,000 ลบ.ม.ต่อวัน (อ่างฯ บางพระ) และ 50,000 ลบ.ม.ต่อวัน (อ่างฯ หนองค้อ) ยังไม่สามารถรองรับความต้องการใช้น้ำในอนาคตได้ จึงได้ดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพของระบบจ่ายน้ำแหลมฉบัง
สำหรับพื้นที่จังหวัดชลบุรีที่มีแหล่งน้ำต้นทุนเป็นของตนเองน้อย ซึ่งปัจจุบันแหล่งน้ำหลักในพื้นที่ชลบุรีที่บริษัทใช้ คือ อ่างฯ หนองค้อ และอ่างฯ บางพระ โดยมีแหล่งน้ำที่ใหญ่ที่สุดเพียงแหล่งเดียวคือ อ่างเก็บน้ำบางพระ มีความจุอ่างฯ อยู่ที่ 117 ล้าน ลบ.ม. แต่ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างฯ (inflow) มีน้อยกว่าปริมาณความจุของอ่าง บริษัทจึงต้องผันน้ำจากแหล่งน้ำอื่นมายังชลบุรีประมาณ 65 ล้าน ลบ.ม. เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้อ่างเก็บน้ำบางพระ โดยผันจาก อ่างฯ หนองปลาไหล จ.ระยอง และแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
การผันน้ำนั้น จะดำเนินการในช่วงเดือน มิ.ย.-ต.ค. รวม 5 เดือน ในฤดูน้ำหลาก มาเก็บกักไว้ใช้ประโยชน์แทนการสูบน้ำทิ้งทะเลเพื่อบริหารจัดการสูบส่งน้ำให้แก่ประปาแหลมฉบัง ประปาพัทยา ประปาศรีราชา ประปาบางละมุง และอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้อย่างเพียงพอ ทั้งนี้ สำหรับประปาชลบุรีในปัจจุบันไม่ได้รับน้ำดิบจากบริษัท เนื่องจากสูบน้ำดิบจากอ่างฯ บางพระใช้เอง
นายเลอศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า จากการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำในอนาคตอีก 10 ปี ข้างหน้า (พ.ศ.2564) ความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ชลบุรี แหลมฉบัง และพัทยา จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นถึง 106 ล้าน ลบ.ม. ขณะเดียวกัน ปริมาณน้ำที่จะสามารถผันจากอ่างฯ หนองปลาไหลในอนาคตจะมีปริมาณลดลง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ระยองเพิ่มสูงขึ้นมาก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมสำหรับชลบุรีอีกไม่น้อยกว่า 45 ล้าน ลบ.ม. จึงจะมีน้ำดิบเพียงพอต่อภาคอุตสาหกรรม และการผลิตน้ำประปาในอนาคต
นายบุญสม ยุติธรรมภิญโญ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานชลบุรี กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินงานของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำ ภาคตะวันออก (จำกัด) หรืออีสท์ วอเตอร์ เพื่อสร้างอาคารสูบน้ำ บริเวณอ่างเก็บน้ำบางพระ เพื่อนำไปใช้ในการอุปโภคบริโภค โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2555 แล้วเสร็จเดือน พ.ย. 2556
โครงการดังกล่าว เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ให้มีการสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา มาฝากไว้ที่อ่างเก็บน้ำบางพระ โดยทางชลประทานได้เก็บค่าฝากน้ำ ลูกบาศก์เมตรละ 50 สตางค์ ดังนั้น ทางบริษัทอีสท์ วอเตอร์ จึงต้องสร้างโรงสูบน้ำ เพื่อนำน้ำดิบที่ฝากไว้ไปใช้ในการอุปโภคบริโภคต่อไป
