ต้องถอนจากศาลโลกทันที !!

เกาะกระแส

00 เวลานี้คนในรัฐบาล ตั้งแต่ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงมาต่างย้ำอยู่อย่างเดียวว่าจะสู้คดีในศาลโลกกรณีเขมรยื่นตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2505 อย่างเต็มที่ พร้อมย้ำรักษาอธิปไตยอย่างเต็มที่ แต่ความหมายก็คือไทยต้องถอนตัวออกมาจากศาลโลก ไม่ต้องไปยอมรับอำนาจศาลโลก เพราะที่ผ่านมาไทยก็ไม่ได้ต่ออายุมานานกว่า 50 ปีแล้วหลังจากแพ้คดีปราสาทพระวิหาร ดังนั้นเมื่อเขมรยื่นเรื่องให้ศาลโลกตีความคำตัดสิน เราก็ต้องยืนยันว่าเราไม่ยอมรับ อย่างมากก็แค่เดินไปในศาลแล้วแถลงแบบนี้อย่างชัดเจน

00 ส่วนที่ “ปึ้ง” สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ อ้างว่าถ้าเราไม่ยอมรับศาลโลกจะถูกคว่ำบาตรจากสหประชาชาติก็ไม่จริงการพิจารณาคดีของศาลโลกนั้นต้องได้รับการยินยอมจากประเทศคู่กรณีเท่านั้น และที่ผ่านมาก็มีน้อยครั้งที่มีการยอมรับอำนาจจากศาลโลก แม้แต่สหรัฐก็ไม่ยอมรับ การที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มักอ้างว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลปชป.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ใช่ แต่มาถึงนาทีนี้ก็มีทางแก้ไข มีทางพิสูจน์ให้เห็นว่าต้องรักษาอธิปไตยโดยการแถลงอย่างชัดเจนว่าเราไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก และไม่ถอนทหารออกมาจากพื้นที่เป็นอันขาด

00 แต่ในทางตรงกันข้ามก็คือขณะนี้รัฐบาลกำลังคิดจะใช้ศาลโลกเป็น “เครื่องมือ”ในการปิดปากคนไทยหลังจากยกดินแดนให้กับเขมร บอกว่าเมื่อศาลตัดสินแล้วก็ต้องทำใจยอมรับ ความหมายคล้ายๆกับว่า ศาลโลก เหมือนกับศาลยุติธรรมของไทย ทุกอย่างต้องสิ้นสุดที่ศาล อะไรประมาณนั้นแหละ ถ้าฟังจากคนในรัฐบาล ทั้งรมว.ต่างประเทศ หรือแม้แต่ รมว.กลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ที่เคยเผยท่าทีก่อนหน้านี้

00 สิ่งที่คนพวกนี้มักชอบยกมาอ้างก็คือรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ก็ใช่ไม่มีใครเถียง แต่ทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนความยุติธรรมและ “อธิปไตยของชาติต้องมาก่อน” และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือนี่เป็นเพียงข้ออ้าง “บังหน้า” เพื่ออำพรางในการ “สมยอม” ในการยกดินแดนเพื่อแลกกับผลประโยชน์ด้านพลังงานในอ่าวไทย รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้านสัมปทานบนบก เช่นที่ เกาะกง เป็นต้น สิ่งดังกล่าวถ้าไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของ ทักษิณ-ฮุนเซน อย่างที่ถูกตั้งข้อสงสัย รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นทันทีโดยการถอนตัวออกมาจากคดีที่เขมรยื่นต่อศาล แล้วแถลงท่าทีให้ชัดเพื่อให้คนไทยได้รับรู้ด้วย ไม่ใช่ส่ง พงษ์เทพ เทพกาญจนา เป็นตัวแทนไปแก้ต่าง อย่างนั้นเท่ากับไปยอมรับในกระบวนการของศาลโลก ทำไมต้องให้คนไทยต้องมาลุ้นกับเกมชั่วๆของเขมรด้วย ทำไมต้องไปแถลงด้วยวาจาในเดือนเมษายน แล้วมานั่งรอคำตัดสินชี้ชะตาปลายปี ทำไม สู้ถอนตัวออกมาทันทีแล้วไม่ต้องไปสนใจ เพราะถือว่าทุกอย่างจบไปแล้วตั้งแต่ปี 2505 ที่เราเสียปราสาทพระวิหารด้วยความเจ็บปวดนั่นแหละ !!

00 บรรยากาศในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เริ่มเข้มข้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป หลังจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ลาออกจากเก้าอี้เมื่อวานนี้( 8 ม.ค.)โดยให้มีผลในวันรุ่งขึ้นก่อนครบวาระเพียงหนึ่งวัน ซึ่งมันก็เป็นเกมที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนพอสมควร หากมองว่านี่เป็นเกมที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยใช้เล่นงานฝ่าย ปชป.โดยใช้ดีเอสไอของ ธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นเครื่องมือ เพราะจะมีการกำหนดวันให้ “คุณชาย” ไปรับทราบข้อหาในคดีขยายเวลาให้บีทีเอสเดินรถไฟฟ้าโดยมิชอบในวันที่ 9 ม.ค.เหมือนกับ “บีบ” ให้ต้องสละเก้าอี้ผู้ว่าฯก่อนครบวาระนั่นเอง ซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่ง

00 ความหมายก็คือการลาออกก่อนครบกำหนดวาระนั้น ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งภายใน 60 วัน ซึ่งอาจมองว่าฝ่ายพรรคเพื่อไทยในฐานะที่คุมอำนาจรัฐอยู่อาจมีลูกเล่นตุกติกมาใช้กับฝ่ายตรงข้ามก็ได้ แต่อีกด้านหนึ่งมันก็อาจเป็นดาบสองคม ยิ่งนานอาจยิ่งแย่ก็ได้ เพราะความเลวจะโผล่ออกมาให้เห็นเพิ่มขึ้นก็ได้ อ้อ เกือบลืมไปว่าแน่นอนแล้วว่าพรรคเพื่อไทยจะส่ง “จูดี้” พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ลงชิงเก้าอี้ตามคำสั่งของ ทักษิณ ชินวัตร ที่สไกส์เข้ามาในพรรคว่าปิดประตูแพ้ นอนมาแน่ ส่วนจะนอนมาแบบไหนเดี๋ยวก็รู้ !!