เกาะกระแส
00 บางครั้งคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต หรือบางครั้งสถานการณ์มันพาไปจนไม่อาจควบคุมได้ จนต้องล่าถอยปรับกระบวนใหม่ บางครั้งเรื่องเล็กอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ กรณีแบนละคร “เหนือเมฆ2” ทางช่อง 3 สาเหตุจะมาจากไหนก็ตามที จากช่อง 3 เอง หรือจากคำสั่งจากนักการเมืองในรัฐบาลหรือใครก็ตามกลับทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ในวงกว้างเรื่อยๆอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะใน “โซเชียลเน็ตเวิร์ค” จนกลายเป็นกระแสทางลบกับรัฐบาลไปเลย ส่วนช่อง 3 นั้นไม่ต้องพูดถึง เละเป็นโจ๊ก ครับทั่นผู้ชม
00 คนที่ไม่เคยสนใจละครเรื่องดังกล่าวก็กลับไปขวนขวายหามาดู หาบทละครมาอ่าน ยิ่งอ่าน ยิ่งทบทวนมันก็ยิ่งกลายเป็นผลกระทบ มีการเชื่อมโยงไปถึงรัฐบาล โยงไปถึงคนที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล ขอโทษก็หมายถึง ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ ยิ่งมาพิจารณาเนื้อหาที่มีการพูดถึงเรื่องโครงการ “ดาวเทียม” มันก็อดคิดไปถึงคน “หน้าเหลี่ยมๆ” โดยอัตโนมัติ กลายเป็นว่าทั้งช่อง 3 รัฐบาล-ทักษิณ โดนเข้าไปเต็มๆ แทนที่จะปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปตามธรรมชาติมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่พอไปกระตุก มันก็ทำให้สังคมหันมามอง และ “กระตุ้น” ให้คิดเชื่อมโยงอย่างช่วยไม่ได้
00 ที่น่าแปลกก็คือ “ปรากฏการณ์เหนือเมฆ” ดังกล่าวกลับมีสื่อหลายกระแสร่วมกระโจนเข้ามาถล่มช่อง 3 จนอ่วม ซึ่งนานมาแล้วที่ไม่เห็นแบบนี้ ไม่นับพวกสังคมออนไลน์ทั้งหลายที่แสดงความเห็นกันอย่างแหลมคม สร้างกระแสที่น่าจับตา ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวนี่แหละหากมองอีกมุมหนึ่งมันไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าสังคมพวกนี้แหละหากเกิด “อารมณ์ร่วม” ขึ้นมาเมื่อใดก็สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้ไม่ยาก แล้วแต่ว่าจะพัดพาไปทางไหน แต่สังเกตได้อยู่อย่างหนึ่งก็คือทุกเรื่อง “ต้องมีเหตุผล”
00 จะเป็นเพราะเวลานี้คนไทยกำลังสนใจและกังวลเรื่อง “ปากท้อง” ความเป็นอยู่มากกว่ามีอารมณ์ร่วมเรื่องแก้ไขรธน.ผลสำรวจที่ออกมาล่าสุดเสียงส่วนใหญ่ท่วมท้นก็อยากให้ดูแลเรื่องข้าวของแพงและแก้ไขทุจริต รวมไปถึงเรื่องความกลัวประชามติไม่ผ่าน ทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องซื้อเวลาไปแบบไม่มีกำหนดโยนไปให้สถาบันการศึกษาไปดูแลเนื้อหาการแก้ไข ความหมายก็คือกลัวพลาดและบรรยากาศไม่เป็นใจต้องซื้อเวลาไปก่อน เหมือนอย่างที่ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เผยไต๋ออกมานั่นแหละ
00 เรื่องปราสาทพระวิหาร ที่ล่าสุดมีแนวโน้มค่อนข้างชัดว่าไทยจะเสียดินแดนเพิ่มเฉพาะหน้าเท่าที่เห็นก็คือ พื้นที่โดยรอบ 4.6 ตารางกิโลเมตรหรือราว 3 พันไร่ และจะตามมาอีกนับล้านไร่ลงไปในทะเล ต่อไปถ้าเป็นแบบนี้หมายถึงว่าเราไปยอมรับแผนที่ฝรั่งเศส-เขมรในอัตราส่วน 1ต่อ 2 แสน เราก็อาจเสีย “เกาะกูด” เสียพื้นที่ในอ่าวไทยเพิ่ม เพียงเพื่อพวกนักการเมืองชายชาติสมยอมยกให้เขมร ฮุนเซน หวังสัมปทานพลังงาน เท่านั้น เพราะคุยใต้โต๊ะกันง่ายกว่า ทุด !!
00 ส่วนทางรอดก็ใช่ว่าจะไม่มี มีและมีตลอดไป ตราบใดที่นักการเมืองและคนไทยไม่ขายชาติ นั่นคือรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องรีบประกาศท่าทีให้ชัดว่าเราไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก เพราะที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้ยอมรับและถอนตัวออกมาตั้งนานแล้วหลังจากเราพ่ายแพ้ต้องเสียปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 เป็นต้นมา ไม่ต้องไปสู้คดี อย่างมากแค่เดินเข้าไปในศาลโลกแล้วย่ำว่าเราไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด เพราะเรื่องจบไปตั้งนานแล้ว ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องไปลุ้นให้เครียด แต่ตอนนี้กลายเป็นว่ารัฐบาลขายชาติกลับคิดที่จะใช้ศาลโลกมาปิดปากคนไทยให้ยอมรับคำตัดสิน ซึ่งความหมายก็คือให้เตรียมรับความพ่ายแพ้อย่าง ที่ “ปึ้ง” สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล กับ รมว.กลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ส่งสัญญาณมาล่วงหน้านั่นแหละ ทุด !!
00 จะเป็นเพราะต้องไปเกี่ยวดองกับลูกหลานพระยาละแวกหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เพราะตามกำหนดการในเดือน พ.ค.ลูกสาวของ “ชายจืด” สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็จะไปแต่งงานกับ ส.ส.เขมร หลับตานึกภาพย้อนกลับไปในอดีตที่แว่นแคว้นหนึ่งยกลูกสาวให้ไปแต่งกับอีกเมืองหนึ่งไม่มีผิด ทั้งที่ไม่อยากจะก้าวล่วงให้ไปมากไปกว่านี้ แต่รับรองว่าในช่วงนั้นงานแต่งดังกล่าวจะต้องทำให้คนไทยเสียความรู้สึกกับพวก “วงศ์สวัสดิ์-ชินวัตร” ลงไปอีกอักโข เชื่อเถอะ !!