xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ชี้ปมพระวิหาร อาจจุดประเด็น พธม.ออกชุมนุม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปานเทพ” คาดประเด็นไทยเสียดินแดนจะทำให้คนไทยลุกฮือ ชี้หากประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พันธมิตรฯ อาจชุมนุม “พิชาย” เตือน “ยิ่งลักษณ์” ระวังตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิตหากยังดื้อรับอำนาจศาลโลก


 คลิกที่นี่ แถลงการณ์ โดย "นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์"  

วันที่ 7 ม.ค. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV

นายปานเทพกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงต่างประเทศประเมินผลตัดสินของศาลโลกไว้ 4 ข้อว่า แนวโน้มข้อ 1. ศาลโลกไม่มีอำนาจ กรณีนี้คงไม่เกิดขึ้นแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว และรับเรื่องไว้พิจารณา ถ้าไม่รับน่าจะไม่รับแต่ตอนต้นแล้ว 2. ตัดสินตามท่าทีฝ่ายไทย คือให้ขอบเขตเป็นไปตามมติ ครม.เมื่อปี 2505 ก็มีความเป็นไปได้ไม่ง่าย เพราะจะเอาอะไรกับมติ ครม. มันไม่ได้อยู่ในคำพิพากษาศาลโลก แต่เกิดขึ้นหลังคำพิพากษาศาลโลก 3. ตัดสินตามท่าทีกัมพูชา คือ ให้เป็นไปตามแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน กรณีนี้เป็นไปได้ และข้อ 4. ตัดสินกลางๆ กรณีนี้ตนคาดว่ากระทรวงการต่างประเทศหมายถึงศาลโลกจะปล่อยให้เป็นเรื่องของสองประเทศตกลงกัน

จะเห็นว่าทั้ง 4 กรณีนี้ไทยไม่เห็นได้ประโยชน์อะไรเลย ข้อ 1-2 ไม่มีโอกาสเกิดขึ้น ส่วน 3-4 มีโอกาสเกิดขึ้น แต่ไทยมีแต่เสียเท่าเดิม กับเสียมากกว่าเดิม ในสมรภูมินี้ไม่สมเหตุสมผลที่จะไปเสี่ยงเล่นเกมนี้ ในทางกลับกัน ถ้าเราหันมาพลิกอีกมุมใช้กฎบัตรอาเซียน คือ ห้ามแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย เป็นเรื่องของสองประเทศ ใช้อำนาจอธิปไตยของตัวเอง และจะได้ใช้โอกาสนี้หยิบยกประเด็นที่เราไม่เคยเอาขึ้นมาสู้เลย คือเรามีข้อสงวนและเราไม่ได้ต่ออายุปฏิญญาการยอมรับอำนาจศาลโลกมา 51 ปี เป็นประเด็นขึ้นมาต่อสู้ แล้วบอกว่าศาลไม่มีอำนาจตัดสิน

เมื่อเป็นเช่นนี้การตัดสินหลังจากนั้นมันเป็นความชอบธรรมในสากลโลกว่าเราไม่รับ ฉะนั้นคู่กรณีเหล่านี้ไม่มีสิทธิบังคับเราได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้ายอมรับอำนาจศาลโลกในตอนนี้ แล้วไปดื้อแพ่งหลังศาลโลกตัดสิน จะเอาความชอบธรรมที่ไหนในเวทีนานาชาติ เรื่องนี้ ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล เคยเขียนบทความไว้ว่า ไทยต้องคัดค้านอำนาจศาลโลกว่าศาลไม่มีอำนาจมาตัดสินประเทศเรา ไม่ใช่ไปสู้เพื่อให้ศาลวินิจฉัยว่าศาลมีอำนาจหรือไม่ เทียบกับกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ เบื้องต้นยอมรับอำนาจาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่พอตัดสินให้ตัวเองแพ้กลับไม่ยอมรับ กรณีแบบนี้จะทำให้เป็นพวกขี้แพ้ชวนตีในทันที

นายปานเทพกล่าวอีกว่า วันนี้ (8 ม.ค. 56) พันธมิตรฯ จะยื่นหนังสือเพื่อเป็นการยืนยันว่าเรายื่นข้อเรียกร้องและข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมให้รัฐบาลทราบอย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อเป็นหลักฐานในภายภาคหน้า ไม่ว่าจะในทางการเมือง ทางกฎหมาย และทางบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฉะนั้นใครมีส่วนร่วมสู้ในกรณีนี้มาตั้งแต่ต้นจนถึงขั้นสุดท้าย ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็จะไม่มีอะไรติดค้างในใจเพราะเราได้ทำดีที่สุดแล้ว

เมื่อถามว่าการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ต่อกรณีนี้มีโอกาสหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ พันธมิตรฯ ประกาศเงื่อนไขการชุมนุมไว้ 3 ข้อ คือ ออกกฎหมายลดพระราชอำนาจ ออกกฎหมายล้างผิด พ.ต.ท.ทักษิณ และเกิดสถานการณ์ที่ประชาชนต้องการเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ตนเชื่อว่ากรณีเสียดินแดน เวลายังไม่เกิดคนยังไม่รู้สึก แต่ถ้าใกล้เกิด แล้วประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พันธมิตรฯ ก็มีโอกาสในการนำชุมนุมเองได้ เพราะตนจับอาการต่อเรื่องนี้ได้ ทุกครั้งก่อนกาารประชุมคณะกรรมการมรดกโลกทั้งปี 51 และ 54 ประชาชนไม่ค่อยสนใจ แต่จะมาสนใจในวันสุดท้าย ทั้งประเทศสนใจหมด ทุกสื่อสนใจหมด เหตุการณ์นี้ก็เช่นกัน ยังไม่ถึงเวลาประชานนั่งเก็บข้อมูล ใกล้เวลาจะเกิดกระแสจะแรงมาก หากสถานการณ์จุดติด พันธมิตรฯ ก็มีโอกาสเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน

ด้านนายพิชายกล่าวว่า หากไทยแพ้เขมร สถานการณ์การเมืองเรื่องแรกทั้งสองพรรคคงโบ้ยความผิดกันอุตลุด แต่ตนคิดว่าสิ่งที่สำคัญคือการเมืองภาคประชาชน พันธมิตรฯ ก็พยายามทำเต็มที่ ในวันที่ 8 ม.ค. นายปานเทพจะไปยื่นหนังสือเสนอทางออกให้รัฐบาลเพื่อให้ไทยสูญเสียน้อยที่สุด แต่ตนประเมินว่ารัฐบาลคงไม่ฟัง แต่ก็จำเป็นต้องไปยื่นเป็นหลักฐานว่าประชาชนได้เตือนแล้ว คราวที่แล้วนายอภิสิทธิ์ก็ไม่ทำตาม กลับไปยอมรับตามเกมนี้ ซึ่งเป็นเกมที่มีแต่ความพ่ายแพ้

นักการเมืองไทยนี่แปลก สมัยอภิสิทธิ์มีจังหวะที่จะรุกเพื่อเอาแผ่นดินไทยคืนก็ไม่รุก เข้าใจว่าคงกลัวแพ้ และกลัวว่าตัวเองจะถูกวิจารณ์ว่าเป็นผู้ทำให้เกิดสงครามขึ้นมา ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถ้าคำนึงถึงความเป็นชาติ ควรใช้ความสัมพันธ์ที่ดีเจรจานายฮุน เซนให้เราได้เปรียบ แต่นี่ดันใช้ความสัมพันธ์ที่ดีในการยกประโยชน์ให้เขมร สรุปคือไม่ว่าไทยใช้มาตรการแข็งกร้าวไทยก็เสียประโยชน์ มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีไทยก็เสียถ้ายังคงอยู่ภายใต้นักการเมืองที่มีสำนึกความเป็นชาติต่ำแบบนี้

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน เตรียมจัดชุมนุมเพื่อให้เห็นว่าประชาชนไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล แล้วกรณีนี้เป็นไปได้สูงมากที่ศาลจะตัดสินให้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของกัมพูชา ตามแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน นั่นเท่ากับว่าไทยเสียดินแดนในยุคที่น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ เหตุการณ์นี้จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ให้ลูกหลานได้ศึกษาเป็นบทเรียนว่าครั้งหนึ่งมีผู้หญิงที่ชื่อแบบนี้ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน ตราบาปนี้ก็จะติดตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปตลอด ดังนั้น ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องคิดให้ดี แม้จะโบ้ยความผิดให้ประชาธิปัตย์อย่างไรก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงอันนี้ได้

นายพิชายกล่าวต่อว่า หากเสียดินแดนเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะถูกประชาชนกดดัน นิสัยคนไทยถ้ายังไม่ถึงเวลาจวนตัวมักไม่ให้ความสนใจมากนัก แต่พอจวนตัวและเหตุเกิดขึ้นจริงจะมีคนไทยมหาศาลออกมากดดัน แล้วรัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ ตอนนี้รัฐบาลเลยพยายามพูดไว้ล่วงหน้าก่อนว่าเรามีโอกาสแพ้อย่าทำเป็นเรื่องการเมือง เพื่อลดกระแสเวลาเกิดเรื่องขึ้น แต่ตนประเมินว่าไม่สามารถลดความรู้สึกความเป็นชาติของคนไทยได้ แม้ว่าจะถูกกดทับด้วยวาทกรรมคลั่งชาติหรือวาทกรรมสันติภาพ แต่เมื่อถึงคราวลุกขึ้นสู้ปกป้องแผ่นดิน ตนคิดว่าคนไทยจะตื่นขึ้นมา แล้วตระกูลชินวัตรจะไม่มีแผ่นดินอยู่


กำลังโหลดความคิดเห็น