“บรรหาร” เปิดบ้านให้ ส.ส.ชาติไทยพัฒนา อวยพรปีใหม่ แจกนาฬิกา แก้วทับกระดาษรูปม้าที่ระลึก เผยน้องชายอาการดีขึ้น ขยับนิ้วได้แล้ว รับจุ้น ก.ท่องเที่ยว พร้อมยกโอวาท “ป๋าเปรม” สร้างปรองดอง โอ่ใครด่าก็ลืมได้ ชี้ต้องใช้สึนามิบนฟ้าจะคลี่คลาย ขอคนไทยมีความสุข ลั่นจะอยู่ให้ถึง 100 ปี จ่อเดินสายแทน “เสธ.หนั่น” ย้ำพ้นแบนกลับมาแน่ ยังไม่ปรับ รมต.แทน “ชุมพล” ยันไม่ขัดแก้ รธน.แต่อย่าแตะหมวดกษัตริย์ แนะประเมินเสียงก่อนทำประชามติหรือไม่
วันนี้ (31 ธ.ค.) ที่บ้านพักจรัญสนิทวงศ์ เมื่อเวลา 08.00 น. นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วย น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา นายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรสาว และบุตรชาย ได้เปิดบ้านเพื่อให้ประชาชน ข้าราชการ ส.ส. รวมทั้งสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา เข้าอวยพรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ โดยนายบรรหาร ได้มอบนาฬิกาพก พร้อมทั้งแก้วทับกระดาษรูปม้าให้แก่ผู้ที่มาร่วมอวยพร และภายในงานได้มีการออกร้านซุ้มอาหารด้วย
จากนั้นเวลา 09.00 น. นายประภัตร โพธสุธน อดีตเลขาธิการพรรคชาติไทย พร้อมด้วยนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล นายนิกร จำนง นายจองชัย เที่ยงธรรม อดีตแกนนำพรรคชาติไทย ส.ส.และสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาได้กล่าวอวยพรว่า วันนี้ถือเป็นวันดี ครบ 3 รอบของพรรคชาติไทย โดยมีอายุครบ 36 ปี แล้ว โดยนายบรรหาร ได้ดูแลพรรคชาคติไทยมาตลอด เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ท่านได้เสียสละเวลา เงินทอง ทุ่มเท เพื่อพัฒนาพรรคชาติไทย จนนำพรรคมาสู่ความสำเร็จ และชื่อเสียงให้แก่พรรค เป็นสิ่งที่ท่านทำอย่างมีความสุข แก้ปัญหาให้แก่ประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งก็ทำให้พรรคชาติไทยยืนหยัดมาถึง 36 ปีได้ จึงอยากเห็นท่านนำความสามัคคี ความปรองดองมาสู่คนในชาติต่อไป
ด้านนายบรรหารกล่าวตอบว่า ตอนนี้พรรคชาติไทยย่างเข้าสู่ปีที่ 37 แล้ว แต่น่าเสียดายที่พรรคเราถูกจำกัดสิทธิ ผู้ใหญ่ในพรรคหลายท่านก็ไม่สามารถทำงานการเมืองได้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 ผู้นำสูงสุดของรัฐบาลจะมีปัญหามาโดยตลอด ส่วนใหญ่จะเป็นไปด้วยความไม่ราบรื่น และขณะนี้ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาก็ยังป่วยอยู่เป็นเวลา 17 วันแล้ว ตนก็เฝ้าดูโดยตลอด อาการก็ดีขึ้นเป็นลำดับ และเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ตนได้ไปเยี่ยม นิ้วมือสามารถขยับได้แล้ว แสดงว่าก้านสมองดีขึ้น และหายใจได้เป็นบางช่วง ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ซึ่งการรักษาก็ต้องใช้เวลา ดังนั้น ก็ขอให้ทุกคนให้กำลังใจ ตนก็พยายามเข้าไปช่วยดูงานที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายบรรหารกล่าวว่า ขอหยิบยกคำพูดของ พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ให้โอวาทเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ที่ว่าคนในสังคมมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ ฉันใดก็ฉันนั้น แต่ความปรองดองก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งตนจะพ้นการถูกตัดสิทธิทางการเมืองในวันที่ 2 ธ.ค. 56 ซึ่งอีกไม่ก็วัน หลับตาก็ถึงแล้ว จากนั้นตนจะเดินหน้าเพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นให้จงได้ ซึ่งตนเชื่อว่าทำไมคนไทยจะปรองดองกันไม่ได้ อย่าถือเขาถือเรา การเมืองไทยต้องรู้จักลืม อย่างตนเวลาใครมาด่าตน ตนก็ลืม แถมให้ศีลให้พรกลับไปด้วยซ้ำ การปรองดองเหมือนเงาทะมึนบนเมฆ ต้องใช้สึนามิให้เกิดบนฟ้าจึงคลี่คลายได้ ทั้งนี้ พรรคชาติไทยพัฒนาก็ต้องยืนหยัดต่อไป ส่วนใครจะมาบริหารพรรคก็ต้องว่ากันต่อไป
จากนั้น เวลา 10.00 น. นายบรรหารกล่าวอวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ปี 56 ว่า เหตุการณ์ของประเทศผันผวนไปตามขัดแย้งการเมืองที่มีอยู่ จะเห็นว่าปี 55 ที่ผ่านมา มีหลายเรื่องที่เรามองเห็นว่าเป็นอุปสรรคที่จะทำให้เกิดความปรองดอง ซึ่งตนอยากหยิบยกคำพูดของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ระบุว่าอยากเห็นบ้านเมืองมีความสงบ ความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่จุดหมายปลายทางสามารถจะมีความสามัคคีกันได้ ตนก็อยากเห็นแบบนั้น ตนนับวันเหลืออีก 11 เดือนที่จะพ้นโทษตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ถ้าพ้นไปแล้วจะพยายามเดินเรื่องความปรองดองให้จงได้ ส่วนจะสำเร็จแค่ไหนค่อยว่าอีกที จริงๆ คนที่มีความเห็นต่างขณะนี้ตนก็รู้จักทั้งสิ้น บางคนอายุน้อยกว่าตนอีก โดยจะใช้วิธีเจรจากับหลายๆ ฝ่าย การทำงานต้องรู้เขารู้เรา ต้องรู้จักหลบ รู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน ตนผ่านร้อนผ่านหนาวมา 36 ปี ถ้าพูดถึงเรื่องการเมืองตนสะบักสะบอมมามาก สมัยเป็น รมว.คมนาคม เคยถูกอภิปรายเพียงคนเดียว ถือว่าเป็นวันแมนโชว์ เรียกว่าสะบักสะบอมแต่ก็ผ่านพ้นไปได้ โดยหลังจากพ้นโทษทางการเมืองแล้วตนจะไปหาแต่ละฝ่าย เพื่อหาความคิด หาทางออก ไม่ใช่จะห้ำหั่นขนาดนี้
นายบรรหารกล่าวว่า ในโอกาสขึ้นปีใหม่อยากวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในสากลโลกดลบันดาลให้พี่น้องชาวไทยมีความสุขความเจริญ คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนา มีพลานามัยที่แข็งแรง ขอให้มีความปรองดอง มีความคิดที่ดีงามต่อกัน ถ้าทำได้อย่างนี้ ในช่วงอายุขัยที่ตนยังอยู่ ต้องอายุ 100 ปี ก็คงจะมองเห็นได้ในเรื่องความปรองดอง และตนจะต้องทำให้ได้ จะใช้ความพยายามถึงที่สุด ใครอยู่ที่ไหนก็จะไปพบ เพื่อหาข้อยุติให้จงได้ แม้จะโดนไล่ออกจากบ้านก็ยอม แต่ไม่ใช่ไปตระเวนปลุกระดมกันอย่างนี้ อย่าถือเป็นเสื้อสีเหลือง สีแดง ความสงบก็จะเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ ตนมีแนวทางที่จะเดินคุยกับทุกกลุ่ม และทุกแห่ง ไม่เว้นที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วย ส่วนแนวทางที่จะไปพูดคุยยังไม่ขอเปิดเผย
เมื่อถามว่า หลังพ้นโทษการถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ในวันที่ 2 ธ.ค. 56 จะกลับมาเล่นการเมืองอีกหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า แน่นอน เมื่อถามว่า จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนาหรือไม่ โดยเฉพาะนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ นายบรรหาร กล่าวว่า ขณะนี้นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก็ดูแลแทนอยู่ ไม่มีปัญหา
นายบรรหารกล่าวถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ทิศทางจะวุ่นวายหรือไม่ยังตอบไมได้ การเมืองบ้านเราดูแค่ 7 วัน หรือ 10 วันไม่ได้ แม้บางฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลจะบอกว่าจะวุ่นวายก็ตาม ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นเงื่อนไขในการสร้างความขัดแย้งหรือไม่นั้น เรื่องนี้บางฝ่ายเคยขอร้องให้พรรคชาติไทยพัฒนาที่มีจุดยืนไม่รับรัฐธรรมนูญปี 50 ให้รับไปก่อน และมาแก้ทีหลัง แต่พอจะแก้กลับไม่ให้แก้อีกแล้ว อย่างไรก็ตาม ที่สุดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตรา หรือทั้งฉบับ พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ขัดข้อง แต่อย่าไปแตะหมวดพระมหากษัตริย์พอ ซึ่งเรื่องนี้ทางแกนนำรัฐบาลก็ต้องไปตกลงกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการทำประชามติกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตรา แนวทางใดดีกว่ากัน นายบรรหารกล่าวว่า ประชามติต้องเช็กเสียงก่อนว่าได้หรือไม่ ถ้าได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่ได้ต้องคิดว่าจะทำรายมาตราหรือไม่ ทั้งนี้ ก่อนจะทำประชามติพรรคร่วมรัฐบาลต้องมาประเมินก่อน และต้องมั่นใจก่อนถึงจะทำประชามติ ซึ่งขณะนี้ พรรคชาติไทยพัฒนาได้ให้ ส.ส.ลงพื้นที่เพื่อไปประเมินเสียงแล้ว เมื่อถามว่า หากเสียงประชามติไม่ถึงกึ่งหนึ่ง รัฐบาลจะถูกเรียกร้องความรับผิดชอบหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า ก่อนทำประชามติอาจมีบางฝ่าย และฝ่ายค้านไปรณรงค์ไม่ให้แก้ก็อาจทำให้คะแนนเสียงลดลงบ้าง ซึ่งรัฐบาลจะต้องไปประเมินวิเคราะห์ผลดีผลเสีย แต่ต้องมั่นใจในเสียงก่อนถึงจะเดินหน้าต่อไป