หัวหน้าประชาธิปัตย์แนะรัฐตัดไฟแต่ต้นลมจำนำข้าว เตือนสะสมหนี้สาธารณะอาจทะลุ 60% เชื่อเดินหน้านโยบาย ศก.เดิมขาดดุลการคลังเพิ่ม ชาติอ่อนแอลง ชี้ตรงไหนมีปัญหาต้องทบทวน เชื่อขึ้นค่าแก๊สสร้างปัญหาใหม่ รับค่าแรง 300 ทำอุตสาหกรรมย่อยปิดตัว หนุนชดเชย เย้ยหาเสียงไว้ 1 ปียังไม่เห็นผล จวกใช้เงินนอกงบเสียวินัยการคลัง ชูพอเพียงดีที่สุด ก่อนอวยพรปีใหม่ให้คนไทยสมปรารถนา
วันนี้ (30 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในปี 2556 ว่า อาจไม่สามารถเทียบเคียงกับความเสียหายในอดีตได้ เพราะการสะสมความเสียหายมีน้อยกว่า แต่ก็อยากให้รัฐบาลตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เช่น ความเสียหายเรื่องการเงินในโครงการจำนำข้าว ที่ต้องเสียหายปีละ 2 แสนล้านบาท ซึ่งหากทำต่อไปเรื่อยๆ หนี้สาธารณะก็อาจจะทะลุ 60% รวมถึงการกู้เงินเพิ่มในเดือนมิถุนายน 2.2 ล้านล้านบาทนั้น ตนก็ยังไม่เห็นเหตุผลเพียงพอที่จะต้องทำ ซึ่งหากรัฐบาลยังคงเดินหน้านโยบายเศรษฐกิจแบบปี 2555 ก็จะมีปัญหาการขาดดุลการเงินการคลังมากขึ้น ฐานะประเทศจะอ่อนแอลง และหากนโยบายของรัฐบาลยังมุ่งแต่หาเสียง หรือเข้าไปยุ่งวุ่นวายในโครงการต่างๆ ทำให้มีการทุจริตก็จะทำให้เศรษฐกิจและสังคมอ่อนลงเรื่อยๆ ซึ่งตนเห็นว่านโยบายที่มีปัญหารัฐบาลต้องทบทวน เช่น โครงการจำนำข้าว และควรกำหนดแผนงานในระยะยาวให้มีความโปร่งใส การมีส่วนร่วมและทำความเข้าใจต่อประชาชน มากกว่าจะดำเนินการด้วยวิธีจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษเพียงอย่างเดียว
“ของขวัญปีใหม่ชิ้นแรกของรัฐบาลที่จะให้กับประชาชนก็คือ การขึ้นค่าแก๊สหุงต้ม ที่มีแนวคิดจะขึ้นราคาแก๊สก่อนแล้วค่อยหามาตรการช่วยเหลือทีหลังนั้นจะเป็นการสร้างปัญหาขึ้นใหม่ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการทุจริตและการเลือกปฏิบัติ ส่วนการขึ้นค่าแรง 300 บาท คงมีผลกระทบกับการปิดตัวของอุตสาหกรรมขนาดเล็ก บางประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดที่เคยมีค่าแรงต่ำ จะส่งผลกระทบในพื้นที่นั้นๆ รวมถึงโอกาสของคนในพื้นที่ด้วย แต่สิ่งที่เราสนับสนุนคือระบบการดูแลชดเชยอุตสาหกรรมที่ตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงของนโยบายนี้ มากกว่าที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้ว” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการบริหารงาน 1 ปีของรัฐบาลสามารถทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีเหมือนที่เคยหาเสียงไว้ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิงที่รัฐบาลหาเสียงไว้ยังไม่เป็นผลเลย และที่สำคัญกลับมีผลกระทบทางอ้อมให้เกิดปัญหาเช่นของแพง ค่าอาหารเพิ่มขึ้น ส่วนมาตรการกระชากค่าครองชีพก็ควรเลิกพูดได้แล้ว เพราะค่าครองชีพเพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนทำโครงการ จนตอนนี้ประชาชนหลายคนบอกว่าอยากให้ค่าครองชีพกลับไปอยู่ที่เดิมยังจะดีกว่า เมื่อถามว่า ปี 2556 จะมีแนวโน้มการใช้เงินนอกงบประมาณเพิ่มขึ้นจะมีผลกระทบอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะเป็นการนำประเทศเข้าใกล้ความเสี่ยงมากขึ้น เพราะการเสียวินัยทางการเงินการคลัง เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะไปกระทบกับความเชื่อถือและความเชื่อมั่น ซึ่งจะก่อให้เกิดวิกฤติทางการเงินและเศรษฐกิจขึ้นมา ซึ่งรัฐบาลน่าจะเก็บเกี่ยวบทเรียนในอดีตทั้งจากในและต่างประเทศ ว่าหากใช้จ่ายเงินโดยไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพ หรือผลที่เกิดขึ้น สุดท้ายก็จะไม่มีทางทำให้บ้านเมืองเจริญอย่างยั่งยืนได้ และนำไปสู่วิกฤติทุกกรณีที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์
“ผมยืนยันว่าการใช้ชีวิตบนหลักความพอเพียงเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกแต่ก็ไม่ควรประมาท และอยากให้ช่วยกันเรียกร้องให้ได้นโยบายสาธารณะที่เป็นประโยชน์ ยั่งยืน และเสริมความเข้มแข็งให้ประเทศ มากกว่ามองว่านโยบายทั้งทั้งหมดต้องแย่งชิงว่าใครจะได้ประโยชน์” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอวยพรในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ปี 2556 ว่า ขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน และขออวยพรให้สมความปรารถนาพบแต่สิ่งดีๆ อะไรไม่ดีก็ช่วยกันทำให้ผ่านพ้นไปกับปี 2555 และในปี 2556 ก็ขอให้ทุกคนมีกำลังกายกำลังใจ และมีความเข้มแข็งในการทำให้บ้านเมืองเป็นบ้านเมืองที่ดี ที่สงบสุข เพราะหากบ้านเมืองดีชีวิตเราก็ดีขึ้นทุกคน