“สุเทพ” ไม่ทำนายปีหน้า โยนประชาชนตัดสินชี้ถูกผิดการเมือง รับสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นลบ อันตรายต่อชาติ ห่วงแดงทำแตกแยกรุนแรง แนะให้สติรัฐบาล จี้นายกฯ ประกาศอิสรภาพเหนือ “นช.แม้ว” จะเอาดอกไม้ไปมอบเลย เตือนขบวนการต้านขยายวงกว้าง แต่เชื่อคงไม่ถึงขั้นสงครามมวลชน แนะแก้ รธน.รายมาตรา แจงให้ชัดอันไหนมีปัญหา โอดทำใจอธรรมปกครองยัดเยียดข้อหาแถมทำร้ายทนายจำเลย ลั่นพร้อมสู้ทั้งในและนอกสภา เย้ย “ทักษิณ” ยิ่งดิ้นยิ่งเห็นกิเลส
วันนี้ (29 ธ.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเมืองปีหน้าว่า ไม่ใช่หมอดูจึงทำนายไม่ได้ แต่เรื่องของบ้านเมืองต้องถือเป็นภาระหน้าที่ของคนไทยทุกคน ไม่เฉพาะคนที่เป็นนักการเมืองเท่านั้น เพราะคนที่เป็นนักการเมืองมีฝักมีฝ่ายมีพรรค แต่ละฝ่ายอาจมีความคิดความเห็นเป้าหมายที่ไม่เหมือนกัน เช่น พรรคเพื่อไทยดำเนินการทางการเมืองด้วยวิธีที่มีเป้าเหมายช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องติดคุก ได้เงินคืน ความพยายามที่จะออกกฎหมายพิเศษลบล้างความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณและบริวารด้วยการรื้อ รธน.เขียนใหม่ทั้งฉบับ เป็นจุดมุ่งหมายทางการเมืองที่ชัดเจน แต่ไม่สอดคล้องกับความคิดของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เห็นว่าการปกครองบ้านเมืองสิ่งสำคัญที่สุด คือ ความศักดิ์สิทธิ์และความเท่าเทียมทางกฎหมาย ไม่ใช่มีคนมีสิทธิพิเศษเหนือกฎหมาย ดังนั้นเมื่อวิธีการทางการเมืองที่แตกต่างกันนี้ ประชาชนคนไทยต้องเป็นผู้ตัดสินใจในฐานะเป็นเจ้าของประเทศ เพื่อชี้ถูกชี้ผิดทางการเมือง เพราะนักการเมืองก็หมกมุ่นกับแนวทางของตัวเอง ถ้าประชาชนละเลยปัญหานี้อาจจะบานปลายได้ จึงกราบเรียนว่าเรื่องของบ้านการเมือง และการเมืองเป็นภาระของประชาชนคนไทยทุกคน
นายสุเทพกล่าวว่า นอกจากนี้ยังเห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นลบและอันตรายสำหรับประเทศ การที่นักการเมืองอย่างพรรคเพื่อไทยร่วมมือกับกระบวนการสีแดงทั้งเสื้อแดง ใจแดง คิดเปลี่ยนแปลงประเทศไทยตามอำเภอใจของตัวเอง สร้างความกังวลใจว่าจะสร้างความแตกแยกในบ้านเมืองอย่างรุนแรง จึงคิดว่าถ้าประชาชนออกมาให้สติกับนักการเมืองว่าต้องจำกัดขอบเขตการต่อสู้ทางการเมืองให้อยู่ในกฎเกณฑ์กติกา อย่าใช้วิธีนอกกรอบ คุกคาม ข่มขู่ ใช้อิทธิพล พวกมากมากำหนดทิศทางทางการเมือง แต่ที่คนเหล่านี้ยังฮึกเหิมอ้างเสียงข้างมากเป็นเพราะประชาชนเจ้าของประเทศไม่แสดงออก จึงได้ใจและฮึกเหิม
นายสุเทพกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ยังเห็นว่าคนไทยต้องช่วยกันให้สติรัฐบาล เพราะต้องยอมรับว่าปีเศษที่ผ่านมาสิ่งที่รัฐบาลปฏิบัตินั้นไม่ถูกใจประชาชน เพราะไม่ได้แสดงความจริงใจที่จะดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ไม่ดูเศรษฐกิจภาคประชาชนเป็นอย่างไร ทั้งที่ประชาชนมีรายได้น้อยลงจากพืชผลการเกษตรทุกชนิดราคาตกต่ำ ขณะเดียวกันก็มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลไม่ทุ่มเทเวลาในการแก้ปัญหานี้ กลับไปทำเรื่องอื่นดึงดันที่จะออกกฎหมายลบล้างความผิด เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าชีวิตความเป็นอยู่คนไทยจะดีขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย เพราะถ้าประชาชนไม่เชื่อมั่นรัฐบาลก็จะอยู่ลำบาก จึงอยากให้ประชาชนเตือนนายกฯ ให้ประกาศตัวเป็นไท เป็นนายกฯ ที่เป็นอิสระทางความคิดและการกระทำจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อทำหน้าที่นายกฯ ให้กับคนทั้งชาติไม่ใช่เพื่อคนในครอบครัว หากทำเช่นนี้ตนเชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนและบริหารประเทศจนครบเทอม ซึ่งตนอยากเห็นรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งอยู่จนครบวาระ แต่พวกตนเป็นฝ่ายค้านรัฐบาลไม่ฟัง หากประชาชนช่วยกันส่งเสียงตักเตือน เชื่อว่าเสียงประชาชนจะทำให้รัฐบาลหันมาฟังเสียงประชาชนบ้าง
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า หากทุกเรื่องที่กล่าวข้างต้นได้รับการดำเนินการการเมืองปี 2556 จะเป็นไปด้วยความราบรื่น แต่ถ้ารัฐบาลไม่เอาใจใส่ประชาชน หมกมุ่นช่วยพี่น้อง ทุจริตคอร์รัปชัน ดึงดันเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ทั้งที่เป้าหมายคือมาตรา 309 เนื่องจากหากไม่แก้ไขก็ออกกฎหมายล้างความผิดไม่ได้ เรื่องเหล่านี้จะเป็นปัญหาของรัฐบาล รวมถึงกลุ่มที่ไปสร้างหมู่บ้านแดง คุกคามคนอื่น บ้านเมืองก็ไม่มีความสุข ตนคิดว่าเท่าที่ติดตามพฤติกรรมของรัฐบาลยังเลือกเดินตามแนวทางที่ พ.ต.ท.ทักษิณกำหนด โดยไม่สนใจเสียงทักท้วงเป็นเรื่องที่อันตราย และเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศไม่ชอบภาวะแบบนี้ และความอดทนก็มีจำกัดอาจจะทนได้ในระดับหนึ่งเมื่อเห็นว่าเป็นขีดอันตรายต่อประเทศชาติออกมาต่อต้านกันมากๆ ก็จะเกิดเหตุกระบวนการต่อต้านรัฐบาลจะขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ารัฐบาลหลงคิดว่าเสื้อแดงสนับสนุนก็จะเป็นการแบ่งแยกประชาชน จึงหลงคิดว่ามีเสียงข้างมากทำอะไรได้ทุกเรื่อง เป็นการคิดผิด เพราะเสียงข้างมากทำได้ในสิ่งที่สมเหตุสมผลในเรื่องที่เป็นความถูกต้อง ชอบธรรม จะเอาเสียงข้างมากเป็นใหญ่ไม่ได้ เสียงข้างมากในสภาต้องฟังเสียงประขาชนทั้งประเทศ เพราะประชาชนไม่ได้เลือกให้รัฐบาลทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบธรรม ไม่อย่างนั้นก็เดินผิดทาง ทั้งนี้ มวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลคือคนเสื้อแดงนั้น รัฐบาลต้องชั่งใจว่ามีเท่าไหร่ประชาชนทั้งประเทศมีเท่าไหร่ ไปติดยึดจำนวนคนไม่กี่แสนคนมาควบคุมคน 65 ล้านคนเป็นเรื่องที่ผิด แต่ยังไม่คิดถึงขั้นว่าจะเกิดสงครามมวลชนเพราะคนไทยมีเหตุผลและต้องการเห็นการคลี่คลายปัญหาเป็นด้วยความราบรื่นสงบเรียบร้อย ที่รุนแรงเป็นอุบัติเหตุเป็นครั้งคราว จึงอยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าด้วยความราบรื่น โดยแต่ละฝ่ายมีจิตสำนึกว่าเห็นต่างกัน ต่อสู้ตามความเห็นตัวเองภายใต้กรอบกติกาไม่เอาเปรียบกัน
นายสุเทพยังกล่าวด้วยว่า การทำประชามติว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ยังมีความเห็นต่างกันและผลประชามติที่ออกมาประชาชนจะรับได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ ตนคิดว่าไม่ควรทำประชามติแต่ควรบอกประชาชนว่ารัฐธรรมนูญมาตราต่อไปนี้ไม่สมบูรณ์ไม่เป็นประชาธิปไตย จะแก้ไขรายมาตราจะชัดเจนไม่ทะเลาะกัน แต่การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับทำให้คนตกใจเพราะคนในขบวนของรัฐบาลออกมาพูดบางอย่างที่ประชาชนไม่สบายใจ เช่นบอกว่าต่อไปนี้รัฐธรรมนูญมาตรา 200 เคยกำหนดให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งประธานศาลฎีกาจะเปลี่ยนเป็นเสียงข้างมากของสภาฯเป็นอันตราย ประชาชนไม่อยากให้เสียงข้างมากแต่งตั้งประธานศาลฎีกา หรือผู้พิพากษา เพราะจะทำให้กระบวนการยุติธรรมเกิดปัญหา
“อยากให้นายกฯ ใช้โอกาสขึ้นปีใหม่หลั่งน้ำทักษิโณทกประกาศอิสรภาพ ขอเป็นนายกฯ ของคนไทยทั้งประเทศไม่เป็นนายกฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว ผมจะเอากระเช้าดอกไม้ไปชื่นชมคนแรกเลย แต่ตอนนี้เท่าที่เห็นคือ รัฐบาลคิดควบคุมประชาชนแสดงให้เห็นว่าไม่เป็นประชาธิปไตย” นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวว่า ตนเชื่อว่ารัฐบาลตั้งใจจะสร้างความยุ่งยากให้ตนและนายอภิสิทธิ์ ด้วยการยัดเยียดข้อกล่าวหาให้ โดยได้ดำเนินการตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ จนนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ออกมาขานรับว่าจะมีอีกเป็นร้อยเป็นพันคดี ตนทำใจว่าในยุคที่บ้านเมืองปกครองด้วยบุคคลที่ใจไม่เป็นธรรม สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น เช่น ทำร้ายฝ่ายค้านไปทุบตีนายราเมศ รัตนะเชวง ทนายความที่ว่าคดีให้นายอภิสิทธิ์ ตนเห็นสภาพอย่างนี้แล้วคิดว่าบ้านเมืองปกครองด้วยอธรรม คนไม่มีธรรมมะยึดครองบ้านเมืองจนสร้างความระส่ำระสาย เพราะถ้าทนายความของผู้นำฝ่ายค้านถูกกระทำอย่างป่าเถื่อนกลางกรุง คนไทยจะมีความมั่นใจในความปลอดภัยได้อย่างไร จึงอยากให้รัฐบาลมีสติยั้งคิดอย่าหลงระเริงกับอำนาจเนื่องจากไม่จีรังยั่งยืน เพราะประชาชนและฝ่ายค้านติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป ถ้ามีการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมก็ต้องดำเนนการกับเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย
“ประชาชนเป็นใหญ่ในบ้านเมือง ตอนนี้อาจจะต้องให้เวลากับเศรษฐกิจและปัญหาครอบครัว แต่เมื่อตระหนักว่ารัฐบาลเป็นภัยต่อประเทศชาติ ถึงตอนนั้นประชาชนจะให้บทเรียนกับรัฐบาล เพราะจะไม่ยอมให้ความเลวร้ายทบทวีจนเป็นอันตรายต่อบ้านเมืองและลูกหลานในอนาคต ซึ่งการเดินสายเปิดเวทีผ่าความจริงของพรรคเป็นหนทางที่ทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสาร หลังจากที่รัฐบาลบริหารสื่อจนไม่มีการให้ข้อมูลด้านนี้ ซึ่งเวทีจะพัฒนาตามสถานการณ์ในช่วงนั้นๆ ถ้ารัฐบาลยังดึงดันที่จะเอาเสียงข้างมากข่มขืนใจประชาชน ทำลายความถูกต้องดีงาม ความชอบธรรมของบ้านเมือง ฝ่ายค้านหยิบมือเดียวไม่สามารถต้านทานได้ในสภา ผมจะต่อสู้ร่วมกับประชาชนภายใต้กรอบของกฎหมาย รวบรวมกำลังพี่น้องประชาชนสร้างมติมหาชนเพื่อระงับยับยั้งพฤติกรรมไม่ถูกต้องของรัฐบาลโดยไม่ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองโดยเด็ดขาด ไม่เผาบ้านเผาเมือง ปิดถนน ก่อการจลาจล ฆ่าเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่วิธีของผม แต่มีวิธีอหิงสาที่จะทำได้ โดยผมจะสู้ทั้งในสภาและนอกสภา” นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ฮึกเหิมท้าทายประชาชนไปเรื่อยๆ ก็จะตระหนักว่าเป็นเผด็จการในรูปแบบใหม่ ไทยจะปกครองโดยเผด็จการที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจอมเผด็จการใหญ่ ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับเมืองไทยได้ตลอดถ้าเคารพกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมเป็นการขืนใจประชาชนส่วนใหญ่ก็จะยิ่งกลับประเทศยากขึ้น ยิ่งดิ้นรนประชาชนจะเห็นกิเลสและความพยายามรวบอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะออกมาชัดเจนว่าเป็นคนชี้นำนายกและรัฐบาล ซึ่งประชาชนจะเห็นเนื้อแท้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะแก้ รธน.แล้วสินค้าเกษตรคงไม่ดีขึ้น ดังนั้น รัฐธรรมนูญดีสำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก แต่ไม่ได้ดีสำหรับประชาชน แสดงอาการว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้อย่างที่ต้องการคนไทยก็อย่าเป็นสุขเลย เป็นการคิดผิดมากเพราะท้าทายอำนาจมหาชน จนไม่สามารถทำนายได้ว่าจุดจบจะเป็นอย่างไร