รอง ผบช.น.แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาปล้นรถหลาน “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” อดีต รมว.คลัง หลังหนีตำรวจไปกบดานเชียงใหม่ เจ้าตัวยังปากแข็งอ้างรับซื้อรถต่อมาอีกทอดไม่ได้ร่วมก๊วนปล้นแต่อย่างใด!
วันนี้ (27 ธ.ค.) เวลา 14.00 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ขจรศักดิ์ ปานสาคร ผบก.น.3 พ.ต.อ.เอก เอกศาสตร์ พ.ต.อ.ศราวุธ จิตต์ระเบียบ รอง ผบก.น.3 ร่วมแถลงจับกุม นายอลงกรณ์ หรือตี๋ หรือหยี บุญประสิทธิ์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 ซอยทรัพย์สาคร แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 831/2555 ลงวันที่ 20 พ.ย. 2555 พร้อมของกลางอาวุธปืนขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และกุญแจมือ 1 อัน โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณลานจอดรถศูนย์การค้าแอร์พอร์ต พลาซ่า เชียงใหม่
พ.ต.อ.เอกเปิดเผยว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2555 เวลาประมาณ 20.30 น. ผู้ต้องหาได้ร่วมกระทำความผิดกับ ว่าที่ ร.ท.ศุภฤกษ์ ธนวัฒน์วรวณิช ลูกจ้างชั่วครามกรมเสมียนตรา และ ว่าที่ ร.ท.นันทวุฒิ มรรคผล ลูกจ้างชั่วคราวแผนกคอมพิวเตอร์ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งทั้งคู่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว ได้ใช้อาวุธปืนจี้บังคับนายฤทธิ โรจนกิจ ณ ระนอง ก่อนปล้นเอารถยนต์ของผู้เสียหายซึ่งเป็นรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌท-1763 กรุงเทพมหานครไปด้วย
“ผู้ต้องหากับพวกใช้รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีฟ้า-ดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน ฐร 5097 กรุงเทพมหานคร เป็นพาหนะในการก่อเหตุโดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับใส่กุญแจมือใช้หมวกคลุมศีรษะผู้เสียหายไปหน่วงเหนี่ยวและกักขังเอาไว้ ต่อมาเวลาประมาณ 23.00 น.วันเดียวกัน ตำรวจสายตรวจ สน.ลำผักชี ออกตรวจพื้นที่พบรถยนต์ของผู้ต้องหา นำยาสีฟันมาทาแต้มหมายเลขทะเบียนรถเป็นที่น่าพิรุธ จึงขอทำการตรวจค้นพบผู้เสียหายอยู่ภายในรถและได้ตรวจค้นพบอาวุธปืนอีก 2 กระบอก และกระสุนปืนขนาดต่างๆ จำนวนมากจึงควบคุมตัวคนร้ายที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ ส่วนผู้ต้องหารายนี้ได้นำเอารถยนต์ของผู้เสียหายไปจำนำก่อนหลบหนีไป ทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติออกหมายจับ จนกระทั่งติดตามจับกุมได้ที่ จ.เชียงใหม่” พ.ต.อ.เอก
พ.ต.อ.เอกกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ผู้ต้องหายังมีหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ข้อหากระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ที่ สภ.สันทราย ซึ่งจะแจ้งไปยังท้องที่เพื่ออายัดตัวไปดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การในภาคเสธว่าวันเกิดเหตุไม่ได้ไปด้วย โดยตนรู้จักกับ ร.ท.ศุภฤกษ์ มาก่อนหน้านี้แล้ว และร.ท.ศุภฤกษ์โทรศัพท์มาสอบถามราคารถที่ลักขโมยมาว่าขายได้เท่าไหร่ ซึ่งตนก็มีการซื้อขายกับ ร.ท.ศุภฤกษ์ มา 2 ครั้งแล้ว โดยจะมีการนัดหมายกันว่าจะส่งรถตรงจุดใด หลังจากนั้นจะนำไปขายต่ออีกทอดหนึ่งเพื่อกินเปอร์เซ็นต์ให้แก่นายศรวิทย์ สุทธินันท์ศาสตร์พร ซึ่งถูกจับไปก่อนหน้านี้เช่นเดียวกัน หลังจากดำเนินการเสร็จเรียบร้อยเพิ่งมาทราบข่าวว่าเป็นหลานนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จึงกลัวความผิดก่อนหลบหนีไปอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ จนกระทั่งมาถูกจับกุม
เบื้องต้นแจ้งเจ้าหน้าที่ข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้พาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้น หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ผู้อื่นได้รับอนุญาตให้มีและใช้จากนายทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและไม่มีเหตุจำเป็น เร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์และโดยไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน โดยมีอาวุธ และร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
