ศูนย์ข่าวศรีราชา - 3 คนร้ายใช้ปืนจี้ 2 สาวรัสเซีย บังคับปลดทรัพย์ ก่อนข่มขืนยับปล่อยทิ้งป่าเปลี่ยวห้วยใหญ่
วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยถึงคดีที่มี 2 สาวรัสเซียถูกคนร้าย 3 คน พาไปข่มขืนจากล่ามรัสเซียว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 ธ.ค.55 ที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เป็นเจ้าของคดี โดยล่ามคนดังกล่าวได้ทำการสอบถามจากสาวรัสเซียถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดย MIS.MARIA อายุ 30 ปี และ MIS.ANASTASIS อายุ 31 ปีได้เล่าเหตุการณ์ว่า ได้ไปเที่ยวกันที่ย่านวอล์กกิ้งสตรีท พอช่วงดึกก็ได้ไปนั่งสูบซีซ่าที่บริเวณมารีน หลังจากนั้นก็ได้พากันไปเดินเล่นกันที่สะพานท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย
จากนั้นจึงชวนกันกลับโรงแรมที่พัก โดยเดินมาตามเส้นทางสะพานต่างระดับแหลมบาลีฮาย และขณะเดินมาถึงปากซอย 2 ถนนพระตำหนัก ก็มีรถยนต์กระบะสีทึบ ไม่ทราบรุ่นและยี่ห้อ ขับรถมาปาดหน้า ก่อนจะมีชายไทย 3 คนออกมาจากรถแล้วใช้อาวุธปืน และมีดจี้บังคับให้ขึ้นรถไปด้วย ซึ่งก็พยายามร้องให้คนช่วยแต่ก็ถูกตบปากไม่ให้ร้อง
ต่อมา ชายทั้ง 3 คนได้พาขับรถวนอยู่ในตัวเมืองพัทยา ก่อนที่จะพาออกถนนสุขุมวิทและขับมุ่งหน้าไปทางสัตหีบแล้วเลี้ยวเข้าไปในซอยเปลี่ยว ที่มีหนองน้ำขนาดใหญ่ติดถนน ก่อนจะจอดรถ และบังคับข่มขู่เอาทรัพย์สินไป ประกอบด้วย โทรศัพท์ 2 เครื่อง ต่างหู และเงินไทย 3,700 บาท
จากนั้น ได้พาเข้ามาในป่าข้างทางซึ่งมีกระต๊อบอยู่ 1 หลัง คนร้ายจึงลงมือมือข่มขืน และปล่อยทิ้งไว้ ซึ่งต่อมา ทั้ง 2 ได้เดินออกมาจากป่า และพยายามหาคนช่วยเหลือจนพบชาวบ้าน ก่อนจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ มาทำการช่วยเหลือ และได้พามาแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองพัทยา
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายทั้ง 2 แล้วจึงได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวอย่างเร่งด่วนเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เสียภาพลักษ์การท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยถึงคดีที่มี 2 สาวรัสเซียถูกคนร้าย 3 คน พาไปข่มขืนจากล่ามรัสเซียว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 ธ.ค.55 ที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เป็นเจ้าของคดี โดยล่ามคนดังกล่าวได้ทำการสอบถามจากสาวรัสเซียถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดย MIS.MARIA อายุ 30 ปี และ MIS.ANASTASIS อายุ 31 ปีได้เล่าเหตุการณ์ว่า ได้ไปเที่ยวกันที่ย่านวอล์กกิ้งสตรีท พอช่วงดึกก็ได้ไปนั่งสูบซีซ่าที่บริเวณมารีน หลังจากนั้นก็ได้พากันไปเดินเล่นกันที่สะพานท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย
จากนั้นจึงชวนกันกลับโรงแรมที่พัก โดยเดินมาตามเส้นทางสะพานต่างระดับแหลมบาลีฮาย และขณะเดินมาถึงปากซอย 2 ถนนพระตำหนัก ก็มีรถยนต์กระบะสีทึบ ไม่ทราบรุ่นและยี่ห้อ ขับรถมาปาดหน้า ก่อนจะมีชายไทย 3 คนออกมาจากรถแล้วใช้อาวุธปืน และมีดจี้บังคับให้ขึ้นรถไปด้วย ซึ่งก็พยายามร้องให้คนช่วยแต่ก็ถูกตบปากไม่ให้ร้อง
ต่อมา ชายทั้ง 3 คนได้พาขับรถวนอยู่ในตัวเมืองพัทยา ก่อนที่จะพาออกถนนสุขุมวิทและขับมุ่งหน้าไปทางสัตหีบแล้วเลี้ยวเข้าไปในซอยเปลี่ยว ที่มีหนองน้ำขนาดใหญ่ติดถนน ก่อนจะจอดรถ และบังคับข่มขู่เอาทรัพย์สินไป ประกอบด้วย โทรศัพท์ 2 เครื่อง ต่างหู และเงินไทย 3,700 บาท
จากนั้น ได้พาเข้ามาในป่าข้างทางซึ่งมีกระต๊อบอยู่ 1 หลัง คนร้ายจึงลงมือมือข่มขืน และปล่อยทิ้งไว้ ซึ่งต่อมา ทั้ง 2 ได้เดินออกมาจากป่า และพยายามหาคนช่วยเหลือจนพบชาวบ้าน ก่อนจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ มาทำการช่วยเหลือ และได้พามาแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองพัทยา
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายทั้ง 2 แล้วจึงได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวอย่างเร่งด่วนเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เสียภาพลักษ์การท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก