ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เผยใกล้ได้ตัวคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนบุกจี้พนักงานชิงเงินธนาคารกสิกรไทย สาขาเทพกระษัตรี จ.ภูเก็ตแล้ว เชื่อสามารถจับกุมคนร้ายได้แน่นอน

วันนี้ (1 พ.ย.) ที่ลานเฮลิคอปเตอร์ หลังสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมคณะเดินทางติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ บุกเข้าไปในธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนเทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต จี้บังคับ น.ส.ศศิวิมล กล้ากิจ พนักงานประจำเคาน์เตอร์ที่ 1 บังคับเอาเงินใส่ถุงที่เตรียมมา จำนวนประมาณ 2.7 ล้านบาท

ก่อนที่จะขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป ซึ่งเหตุเกิดเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และสอบปากคำพนักงานที่ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้บังคับ ก่อนที่จะเดินทางกลับมาประชุมร่วมกับ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ โดยมี พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พล.ต.ท.ยงยุทธ กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง ว่า จากการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมคนร้ายทั้งในส่วนของตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และตำรวจภูธรภาค 8 รวมทั้งการติดตามค้นหาพยานต่างๆ ทั้งรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ การตรวจสอบกล้องวงจรปิด การตรวจสอบเส้นทางหลบหนีของคนร้าย และข้อมูลบุคคลต้องสงสัย ทำให้ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสมาแล้วว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้เป็นใคร และมั่นใจว่าสามารถจับกุมมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ในการทำงาน

ส่วนการก่อเหตุคนร้ายลงมือคนเดียว หรือมีคนร่วมขบวนการด้วยหรือไม่นั้น ในเบื้องต้น จากการตรวจสอบพฤติกรรมของคนร้ายในขณะนี้พบว่า ลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียวอยู่ แต่หลังจากจับกุมแล้วจะมีผู้ร่วมขบวนการหรือไม่ก็ต้องมีการสอบสวนขยายผลต่อไป ส่วนจะเป็นบุคคลเดียวกับที่เคยก่อเหตุชิงเงินที่ธนาคารกสิกรไทยภายในห้างเทสโก้ โลตัส สาขาเจ้าฟ้า เมื่อต้นปีที่ผ่านมาหรือไม่นั้น เรื่องนี้ก็เช่นกันต้องรอให้ได้ตัวมาก่อนแล้วจะมีการสอบสวนเพิ่มเติมว่ามีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่

พล.ต.ท.ยงยุทธ ยังได้กล่าวต่อไปว่า คนร้ายเคยเป็นพนักงานธนาคารหรือไม่นั้นในเบื้องต้นยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เพียงแต่ขณะนี้ยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสคนร้ายที่มีความชัดเจนมากขึ้น และเชื่อว่าจะสามารถจับคุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องของการป้องกันและดูแลความปลอดภัยในส่วนของธนาคารต่างๆ นั้น ก็ได้หารือร่วมกับทางผู้ประกอบการธนาคารแล้ว ขอให้เพิ่มมาตรการในการดูแลความปลอดภัยให้มากขึ้น ซึ่งในส่วนของตำรวจนั้นได้เพิ่มมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว และที่ผ่านมา ได้มีการสั่งกำชับในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยเป็นประจำทุกวัน

ขณะที่เรื่องของกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีไม่เพียงพอในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้น ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่าจะมีการเพิ่มสถานีตำรวจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตอีก 2 แห่ง คือพื้นที่ ต.กะรน และพื้นที่ ต.วิชิต ซึ่งการเพิ่มสถานีตำรวจก็จะทำให้จำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับในจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเชื่อว่าในปีงบประมาณ 2556 นี้ก็จะสามารถดำเนินการได้แล้ว
วันนี้ (1 พ.ย.) ที่ลานเฮลิคอปเตอร์ หลังสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมคณะเดินทางติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ บุกเข้าไปในธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนเทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต จี้บังคับ น.ส.ศศิวิมล กล้ากิจ พนักงานประจำเคาน์เตอร์ที่ 1 บังคับเอาเงินใส่ถุงที่เตรียมมา จำนวนประมาณ 2.7 ล้านบาท
ก่อนที่จะขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป ซึ่งเหตุเกิดเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และสอบปากคำพนักงานที่ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้บังคับ ก่อนที่จะเดินทางกลับมาประชุมร่วมกับ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ โดยมี พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พล.ต.ท.ยงยุทธ กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง ว่า จากการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมคนร้ายทั้งในส่วนของตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และตำรวจภูธรภาค 8 รวมทั้งการติดตามค้นหาพยานต่างๆ ทั้งรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ การตรวจสอบกล้องวงจรปิด การตรวจสอบเส้นทางหลบหนีของคนร้าย และข้อมูลบุคคลต้องสงสัย ทำให้ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสมาแล้วว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้เป็นใคร และมั่นใจว่าสามารถจับกุมมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ในการทำงาน
ส่วนการก่อเหตุคนร้ายลงมือคนเดียว หรือมีคนร่วมขบวนการด้วยหรือไม่นั้น ในเบื้องต้น จากการตรวจสอบพฤติกรรมของคนร้ายในขณะนี้พบว่า ลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียวอยู่ แต่หลังจากจับกุมแล้วจะมีผู้ร่วมขบวนการหรือไม่ก็ต้องมีการสอบสวนขยายผลต่อไป ส่วนจะเป็นบุคคลเดียวกับที่เคยก่อเหตุชิงเงินที่ธนาคารกสิกรไทยภายในห้างเทสโก้ โลตัส สาขาเจ้าฟ้า เมื่อต้นปีที่ผ่านมาหรือไม่นั้น เรื่องนี้ก็เช่นกันต้องรอให้ได้ตัวมาก่อนแล้วจะมีการสอบสวนเพิ่มเติมว่ามีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่
พล.ต.ท.ยงยุทธ ยังได้กล่าวต่อไปว่า คนร้ายเคยเป็นพนักงานธนาคารหรือไม่นั้นในเบื้องต้นยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เพียงแต่ขณะนี้ยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสคนร้ายที่มีความชัดเจนมากขึ้น และเชื่อว่าจะสามารถจับคุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องของการป้องกันและดูแลความปลอดภัยในส่วนของธนาคารต่างๆ นั้น ก็ได้หารือร่วมกับทางผู้ประกอบการธนาคารแล้ว ขอให้เพิ่มมาตรการในการดูแลความปลอดภัยให้มากขึ้น ซึ่งในส่วนของตำรวจนั้นได้เพิ่มมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว และที่ผ่านมา ได้มีการสั่งกำชับในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยเป็นประจำทุกวัน
ขณะที่เรื่องของกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีไม่เพียงพอในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้น ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่าจะมีการเพิ่มสถานีตำรวจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตอีก 2 แห่ง คือพื้นที่ ต.กะรน และพื้นที่ ต.วิชิต ซึ่งการเพิ่มสถานีตำรวจก็จะทำให้จำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับในจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเชื่อว่าในปีงบประมาณ 2556 นี้ก็จะสามารถดำเนินการได้แล้ว