xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ชี้จับตา ปชป.กรณีประชามติ พิสูจน์อยากแก้ รธน.เพื่อนักการเมืองหรือไม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปานเทพ” ชี้ยุติฉีกรัฐธรรมนูญ ปชป.ต้องรณรงค์ไม่ให้ออกไปใช้สิทธิลงประชามติ แต่ “มาร์ค” โพสต์เฟซบุ๊กยังคลุมเครือว่าจะใช้วิธีไหน ตั้งข้อสงสัยถ้าไม่มีมาตรา 309 ปชป.ก็ต้องการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์นักการเมืองด้วยใช่หรือไม่


เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV

นายปานเทพกล่าวถึงการแก้รัฐธรรมนูญว่า แค่ด่านแรกว่าจะทำประชามติได้หรือเปล่าก็ยากแล้ว เพราะประชามติสิ่งที่ผิดกฎหมายทำได้หรือ กฎหมายลูกขัดรัฐธรรมนูญหรือเปล่า แล้วจะถามประชาชนว่าอะไร นายวราเทพ รัตนากร แพลมว่าจะถามว่า “ให้รัฐสภาลงมติวาระ 3 ได้หรือไม่” ซึ่งมันไม่ใช่อำนาจฝ่ายบริหารที่จะมาถามเรื่องอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ หรือถ้าฝืนทำไปก็นำไปใช้ไม่ได้ หรือจะตั้งคำถามใหม่ว่า “เห็นควรจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อนำกลับมาลงประชามติหรือไม่” ซึ่ง ครม.ก็ต้องไปร่างใหม่ถึงกลับมาถามใหม่ได้ แล้วสมมติว่าทำประชามติได้ มันจะยากมากเลยในระหว่างทางนั้น จะเกิดความเสี่ยงถึงนายกฯ เพราะต้องยื่นทูลเกล้าฯ ใน 20 วัน แล้วถ้าไม่มีพระบรมราชวินิจฉัยลงมาก็เป็นปัญหากับรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร แค่ประชามติก็ยากแล้ว นำไปสู่การลงมติวาระ 3 ก็ยากอีก คิดแล้วเหนื่อยแทน ถึงเข้าใจทำไมรัฐบาลถึงถอนและเอาไปคิดใคร่ครวญใหม่

นายปานเทพกล่าวต่อว่า สมมตินำไปสู่ขั้นตอนลงประชามติได้ ตัวเลขที่ ร.ต.อ.เฉลิมพูดก็คือว่า กฎหมายเขียนชัดเจนในมาตรา 9 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 2552 ว่า “การออกเสียงที่จะถือว่ามีข้อยุติในเรื่องที่จัดทำประชามติต้องมีผู้มาออกเสียงเป็นจำนวนเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียง และมีจำนวนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น” หมายความว่า ถ้ามีผู้มีสิทธิออกเสียงมี 46.92 ล้านคน ต้องมาใช้สิทธิอย่างน้อย 23.46 ล้านคน ร.ต.อ.เฉลิมบอกมี 49 ล้าน ฉะนั้นต้องมากกว่านั้นอีก ประมาณ 25 ล้าน แล้วสมมติจำนวนคนออกมาใช้สิทธิผ่านก็ต้องมาถึงด่านที่ว่าใครชนะในจำนวนผู้มาใช้สิทธิ ทีนี้ดูสถิติเลือกตั้งล่าสุดเมื่อ 3 ก.ค. 2554 ที่พันธมิตรฯ รณรงค์โหวตโน เราพูดมาตลอดว่าพันธมิตรฯ บวกประชาธิปัตย์ก็ยังแพ้เพื่อไทยอยู่ดี สู้มาโหวตโนให้ได้ 26 เขตก็จะเปิดสภาไม่ได้ แล้วผลเลือกตั้งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ คะแนนบวกกันก็ยังแพ้

เมื่อปี 2554 ประชากรประเทศไทยมี 65 ล้านคน มีสิทธิเลือกตั้ง 46.92 ล้านคน ในเวลานั้นมาใช้สิทธิร้อยละ 75 เพื่อไทยได้ไป 15 ล้านเสียง เมื่อรวมกับคะแนนที่เลือกพรรคร่วมรัฐบาลจะเพิ่มเป็น 17.22 ล้านคะแนน ก็ยังห่างไกล 23 หรือ 25 ล้านคนอยู่ดี หรือต่อให้ทาบทามภูมิใจไทยและมาตุภูมิ ก็จะได้เป็น 18.75 ล้าน ไม่ถึงเกณฑ์อยู่ดี ฉะนั้นถ้าจะให้คนออกมาใช้สิทธิเกิน 23 ล้าน ต้องให้ประชาธิปัตย์ช่วย ซึ่งมีเสียงอยู่ 11.43 ล้าน รวมทั้งหมดจะเป็น 30.18 ล้านคะแนน แล้วนั่นผ่านเกณฑ์แรกและเกณฑ์ที่สองทันที แก้รัฐธรรมนูฐสำเร็จทันที

ที่นายอภิสิทธิ์ระบุทางเฟซบุ๊ก มีการซ่อนคำ ยังสงวนตัวอยู่ โดยใช้คำว่า “ร่วมกันล้มประชามติที่นายกฯ ผู้เป็นน้องสาวกำลังจะทำเพื่อรื้อรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หวังลบมาตรา 309 เพื่อล้มคดีทั้งหลายของพี่ชายนักโทษ” ไม่สามารถสรุปได้ว่าคว่ำประชามติด้วยวิธีใด และสามารถถูกตีความได้หลายแบบว่าจะล้มในขั้นตอนไหน อาจให้ไปกาไม่เห็นด้วยหรืออยู่บ้าน หรือชุมนุมไม่ให้ยอมรับการออกกฎหมายนี้ เพราะลึกๆ แล้วอาจอยากแก้รัฐธรรมนูญในมาตราที่เป็นประโยชน์กับนักการเมือง ที่ไม่ต้องการแก้มีแค่มาตรา 309 มันก็เป็นไปได้ อาจจะเชิญชวนให้ไปใช้สิทธิต่อต้านแล้วก็แพ้ แล้วค่อยไปเจรจาต่อรองกันแต่ถ้ามาตรา 309 โผล่มาค่อยรณรงค์คว่ำใหม่

นายปานเทพกล่าวต่อว่า การยุติการฉีกรัฐธรรมนูญเสียงต้านควรเป็นเอกภาพคือไม่ออกไปใช้สิทธิ ถ้าคลุมเครือแบบนายอภิสิทธิ์ มั่นใจว่าเสียงจะแตก ผู้ออกมาใช้สิทธิจะเกินกึ่งหนึ่ง แล้วก็จะเกิดเสียงทิ้งขาดระหว่างผู้มาใช้สิทธิด้วย ประชาธิปัตย์มีถึง 11 ล้านเสียง ถ้ารณรงค์ให้ไปใช้สิทธิถือว่าเสียของ ต้องรณรงค์ไม่ไปใช้สิทธิ แล้วจะเห็นว่าท้ายที่สุดแล้วประชาธิปัตย์ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยหรือเปล่า แต่ติดใจแค่มาตรา 309 เท่านั้นใช่หรือไม่

นายปานเทพยังกล่าวว่า ทางการเมืองมีการต่อรองกันตลอดเวลาระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์และ พ.ต.ท.ทักษิณ ระหว่างประชาธิปัตย์และเพื่อไทย จึงไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปจะเป็นการเจรจาแก้รัฐธรรมนูญเพื่อใคร ถ้าไม่ใช่เพื่อทักษิณจะสมยอมกันหรือไม่ ต้องดูกันไปเรื่อยๆ



กำลังโหลดความคิดเห็น