“ปานเทพ” ชี้รัฐบาลรู้ดีแก้ รธน.และเอาผิด “มาร์ค-เทือก” ทำไม่ได้จริง เป็นแค่เกมหลอกเอาใจเสื้อแดง ด้าน “ยะใส” ถามช่อง 11 กล้าถ่ายทอดคลิปเสธ.อ้ายหรือเปล่า หลังอ้างหน้าตาเฉย “แม้ว” โผล่ทีวีเป็นสิทธิเสรีภาพ
วันที่ 12 ธ.ค. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ดำเนินรายการโดยนายเติมศักดิ์ จารุปราณ
นายสุริยะใสกล่าวว่า รัฐบาลอ้างกรณี พ.ต.ท.ทักษิณออกช่อง 11 เป็นสิทธิเสรีภาพ และให้เอกชนเช่าเวลาไปแล้ว ถ้าใช้ตรรกะเดียวกัน อยากให้เสธ.อ้าย หรือกลุ่มไหนก็ตาม ระดมทุนเพื่อเช่าเวลาช่อง 11 แล้วเปิดคลิปทักษิณหมิ่นจะยอมให้ออกหรือไม่
นายปานเทพกล่าวเสริมว่า ถ้าเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพจริง ก็ต้องยอมให้เปิดคลิปเสธ.อ้ายที่ช่อง 11 หรือบางคนที่โต้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะออกช่อง 11 บ้าง ทำได้หรือไม่ เชื่อว่าเขาไม่ให้ เป็นข้ออ้างบิดเบือนเพื่อหาทางออกให้ตัวเอง เขารู้กันหมดว่ากรมประชาสัมพันธ์ รัฐบาล เครือข่ายคนเสื้อแดง ล้วนแต่รู้เห็นเป็นใจ เพราะอย่างช่องเสื้อแดงเอเชียอัพเดท ปกติไม่เคยถ่ายทอดมวย แต่วันนั้นเลือกดึงสัญญาณจากช่อง 11 ถ่ายทอดตั้งแต่ต้นรายการที่ยังไม่เห็นทักษิณเลยด้วยซ้ำ มีการวางแผนกันเป็นอย่างดี
การที่ พ.ต.ท.ทักษิณกระทำเช่นนี้ เพื่อทดสอบกำลังลุแก่อำนาจด้วยการถ่ายทอดผ่านทีวีที่มาจากภาษีประชาชน แล้วทำได้ครั้งหนึ่ง ก็จะมีครั้งต่อๆ ไป ไม่แน่ต่อไปอาจถึงขั้นผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจก็ได้ โดยอ้างว่าสิทธิเสรีภาพหรือเช่าเวลาไปแล้ว
ทักษิณต้องการสำแดงกำลังในการใช้สื่อของรัฐ ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาสามารถถ่ายทอดผ่านสื่อของรัฐให้ประชาชนได้ยิน ให้เห็นว่ามีอำนาจเหนือยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯที่แท้จริง และอาศัยสื่อของรัฐประชาสัมพันธ์ตัวเองว่าถูกแกล้งจากกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้เกิดการยอมรับการล้างผิดให้ตัวเอง อีกทั้งต้องการแสดงว่าตัวเองจงรักภักดี และตอบโต้คลิปเสธ.อ้ายว่าไม่จริง" นายปานเทพ ระบุ
นายสุริยะใส กล่าวถึงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันความจงรักภักดีว่า ชี้แจงฟังไม่ขึ้น เพราะพฤติกรรมที่สะสมมา สังคมพิพากษาแล้วว่าทักษิณมีปัญหากับสถาบันฯ การกระทำครั้งนี้จึงได้ไม่คุ้มเสีย แล้วต้องรอดูว่า กสทช.จะเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมวันที่ 14 ธ.ค. หรือเปล่า ซึ่งก็จะเป็นบทพิสูจน์ กสทช.ด้วย เหตุการณ์ชัดเจนขนาดนี้ถ้าไม่มีท่าทีชัดเจน แสดงว่าองค์กรนี้ก็ไม่มีประโยชน์
อีกประเด็น พ.ต.ท.ทักษิณต้องการทดสอบอำนาจว่าเวลาล้ำเส้น สังคมมีปฏิกิริยาอย่างไร และเป็นการท้าทายอำนาจฝ่ายกฎหมาย ถ้าหลังจากนี้ไม่มีการตรวจสอบ ก็จะย่ามใจ เผลอๆ ได้ไปออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ แล้วก็ลามไปไทยพีบีเอส เป็นการเบ่งกล้ามท้าทายฝ่ายตรงข้าม
นายปานเทพกล่าวว่า มั่นใจว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์รู้เห็นด้วย การเจาจาเรื่องอื่นอาจไม่เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะตัวเองอาจโดนคดีได้ แต่กรณีนี้สามารถตัดตอนไปที่รัฐมนตรีได้ ก็แค่ลาป่วย เลี่ยงให้สัมภาษณ์ ประการต่อมาความคาดหวังของทักษิณต้องการเบ่งกล้าม ทดสอบกำลังว่าตัวเองสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถ้าวัดกระแสจริงๆ ถือว่าทักษิณประเมินพลาด ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะคนกลางๆ ก็ทนไม่ได้เวลาที่ลุแก่อำนาจเกินปกติ แล้วกลายเป็นการช่วยโปรโมตคลิปเสธ.อ้ายให้อีกด้วย
ส่วนเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ นายปานเทพกล่าวว่า หัวใจสำคัญคือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้ว่าถ้ามีข้อขัดแย้งในการล้มล้างรัฐธรรมนูญอีก ประชาชนสามารถยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง ทีนี้สมมุติมีประชาชนไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญในวันที่นายกฯ ตัดสินใจอยู่ในขบวนการสมรู้ร่วมคิดยื่นทูลเกล้าฯ แล้ว หรือประชาชนยื่นฟ้องศาลก่อนที่นายกฯจะยื่นทูลเกล้าฯ แต่มากกว่า 20 วัน ข้อขัดแย้งทางกฎหมายจะเกิดขึ้นทันที ถ้านายกฯ ลังเลไม่ยื่นภายใน 20 วัน แต่เมื่อยื่นไปแล้วถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยใดๆ อาจเพราะศาลรัฐธรรมนูญกำลังวินิจฉัยอยู่ หรือเพราะทรงไม่เห็นด้วย จะไม่มีใครรู้เหตุผลเลย แล้วถ้าผู้ร้องอ้างพยาน 100 ปาก และมีผู้ร้องหลายราย ศาลรัฐธรรมนูญต้องรวมคดีแล้ววินิจฉัยเกิน 90 วัน จะทำอย่างไร รัฐสภาจะตัดสินใจถือว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงไม่เห็นชอบด้วย หรือเพราะตุลาการวินิจฉัยอยู่ ซึ่งถ้ายื่นรัฐธรรมนูญไปรัฐบาลจะติดหล่มตัวเอง เพราะเสนอใหม่คราวนี้ต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด ซึ่งยากกว่าเดิมหลายเท่า
แต่ถ้ารอนายกฯ ยื่นทูลเกล้าฯ ไปแล้ว ประชาชนฟ้องตามทีหลัง นายกฯ มีความเสี่ยงต้องรับผิดชอบทางคดีความด้วย และถ้าผิดพลาดถึงขั้นศาลตัดสินว่าเป็นกระบวนการล้มล้างรัฐธรรมนูญ จะมีคดีความอาญาตามมา และคราวนี้ต้องไปทั้งนายกฯและรัฐสภาที่เข้าชื่อในครั้งนั้น นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใคร่ครวญและคิดหนัก รัฐบาลเลยให้มีประชามติก่อน แต่ตนเชื่อว่ารัฐบาลกุมเสีงข้างมากได้ ประกอบกับพรรคร่วมจะมาสมทบเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ แต่รัฐบาลจะแน่ใจได้หรือว่าเมื่อประชาชนเห็นชอบรัฐธรรมนูญ แต่มีประเด็นนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพระราชอำนาจ หรือ ล้างผิดให้ทักษิณ พันธมิตรฯ ก็ต้องเคลื่อนอยู่แล้ว สำหรับตนการลงประชามติไม่มีอะไรใหม่ เป็นแค่การเปลี่ยนกระบวนการเพิ่มความชอบธรรมให้ตัวเองเท่านั้น
นายปานเทพกล่าวอีกว่า แก้รัฐธรรมนูญเป็นแค่เกมของรัฐบาล ถ้าแก้มีความเสี่ยง แต่คนที่ผลักดันคือทักษิณ บ้านเลขที่ 111 และมวลชนเสื้อแดง เพราะพวกนี้ไม่มีความเสี่ยงเลยในข้อบังคับของกฎหมาย ฉะนั้นนี่คือเกมตอบสนองความต้องการมวลชน เอาใจมวลชนเท่านั้น
ส่วนกรณีที่เรียกได้ว่าเป็นปาหี่ ก็คือกรณีดีเอสไอฟ้องนายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพ คดีสลายการชุมนุมเสื้อแดง ทำเพื่อแค่เอาใจเสื้อแดง อย่างคดีนายพัน คำกอง ศาลสรุปว่าเป็นฝีมือทหาร แต่ดีเอสไอก็ไม่ดำเนินคดีความ สุดท้ายทหารก็ยังอยู่กับรัฐบาลได้ ส่วนนายอภิสิทธิ์แน่ชัดว่าโอกาสเอาผิดได้ยาก และต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าศาลจะพิสูจน์ได้ ถึงตอนนั้นเสื้อแดงก็ลืมหมดแล้ว งานนี้เสื้อแดงถูกต้มจนเปื่อย
นายสุริยะใสกล่าวเสริมว่า รัฐบาลเดินเกมลวงแดงไปเรื่อยๆ อีกทั้งยังสามารถกลบข่าวความล้มเหลวของรัฐบาลได้ด้วย ทั้งเรื่องทุจริต เรื่องภาคใต้ ตอนนี้เรื่องจำนำข้าวก็เงียบไปแล้ว หลังจากที่เรื่องรัฐธรรมนูญเข้ามา