ASTVผู้จัดการ - “สุริยะใส” โต้ “ลูกโอ๊ค” ชี้เปรียบเทียบแม้วใช้ NBT แก้ตัวกับกรณีพันธมิตรฯ บุกสถานีปี 51 น่าขัน ระบุแนวร่วม 87 คนทำไปเพราะต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมจากการนำเสนอข่าวใส่ร้ายและบิดเบือน แต่ก็รับผิดชอบโดยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยไม่เคยเบี้ยวนัดศาล คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ แต่ “พ่อแม้ว” โดนศาลฎีกาตัดสินจำคุกแล้วกลับใช้ทีวีจากภาษีประชาชนแก้ตัว
จากกรณีที่วันนี้ (12 ธ.ค.) นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษหนีคดีอาญา เขียนในเฟซบุ๊กส่วนตัวในเพจ Oak Panthongtae Shinawatra ถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 55 สถานีวิทยุโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 หรือเอ็นบีที ดำเนินการถ่ายทอดสดการแข่งขันศึกมวยไทยวอร์ริเออร์ส เทิดไท้องค์ราชัน จากเขตปกครองพิเศษมาเก๊า โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ฉวยโอกาสพูดเรื่องการเมืองและสถาบัน จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม โดยนายพานทองแท้ได้ยกเหตุการณ์กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเมื่อปี 2551 มาเปรียบเทียบ
“ผมไม่ได้ต้องการจะรื้อฟื้นว่าใครผิดใครถูกนะครับ เพียงแต่สงสัยว่าทำไมวันที่พันธมิตรบุกไปทำลายข้าวของ และขัดขวางการออกอากาศของช่อง11 ทำให้ทางสถานีเสียหายหลายล้านบาท ไม่เห็นมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาด่าว่าให้แสดงความรับผิดชอบเลยแม้แต่รายเดียว ทั้งๆที่หนังสือพิมพ์ระบุว่า ผู้สมัครของพรรคฯ เป็นคนนำเองเลยด้วยซ้ำ แต่พอคุณพ่อผมถวายความจงรักภักดี แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยช่อง 11 ทำการถ่ายทอดสด เนื่องจากคณะกรรมการจัดการแข่งขัน Muay Thai Wariors ได้เช่าเวลาสถานีไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อทราบว่าคุณพ่อผมจะมามาเก๊าในช่วงเวลาเดียวกัน จึงได้เชิญเป็นประธานในพิธี ซึ่งทำให้ช่อง11 มีรายได้จากเงินค่าเช่าเวลาด้วยซ้ำ เท่านั้นแหละออกมาโวยวายกันใหญ่ จะเป็นจะตายกันให้ได้” นายพานทองแท้ระบุ
ช่วงบ่ายวันนี้ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และอดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมาตอบโต้ข้อเขียนดังกล่าวของนายพานทองแท้ในเฟซบุ๊ก สุริยะใส กตะศิลา ระบุว่า การหยิบยกสองเหตุการณ์มาเปรียบเทียบบ่งชี้ให้เห็นว่านายพานทองแท้เองก็เห็นว่าการกระทำของบิดาตนเองนั้นเป็นการกระทำที่สร้างความเสียหาย
พร้อมกันนี้ นายสุริยะใสยังชี้แจงด้วยว่า กรณีของผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ บุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีซึ่งก่อตั้งและดำเนินงานโดยภาษีของประชาชนเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2551 นั้นมีจุดประสงค์เพื่อ เรียกร้องความเป็นธรรมจากการนำเสนอข่าวที่บิดเบือน ป้ายสีการชุมนุม โดยมีการนำเอาแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงมาจัดรายการให้ร้ายการชุมนุมเพียงข้างเดียว โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ชี้แจง ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้ความเป็นธรรมและผิดจรรยาบรรณสื่อ ซึ่งแตกต่างจากกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีสถานะเป็นผู้มีความผิด ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก หลบหนีหมายจับของศาล แต่กลับใช้สถานีโทรทัศน์จากภาษีประชาชนมาแก้ต่างให้แก่ตัวเอง
“กรณีที่ผู้ชุมนุมกับพันธมิตรฯ บางส่วนบุก NBT นั้น มีเจตนารมณ์เพื่อทวงถามและเรียกร้องความเป็นธรรมจากสถานี โดยเฉพาะการเสนอข่าวที่บิดเบือน ป้ายสีการชุมนุม และเอาแกนนำ นปช.มาจัดรายการใส่ร้ายการชุมนุมพันธมิตรฯ ข้างเดียว โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ชี้แจง หรือนำเสนอข่าวที่เป็นกลางและเป็นธรรมตามหน้าที่และจรรยาบรรณสื่อ และไม่มีการเผาหรือทำลายข้าวของสถานีแต่อย่าง มีกระจกประตูแตกเพียงบานเดียว” นายสุริยะใสระบุ
นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลและถามกลับนายพานทองแท้ด้วยว่า “กลุ่มคนที่บุก NBT ถูกดำเนินคดีทั้งหทด 87 คน ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ และคุณโอ๊คต้องรู้ไว้ด้วยว่าผู้ต้องหาทั้ง 87 คนไม่หลบหนีคดี มาตามนัดหมายศาลทุกนัด และทุกคนพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุด ไม่ว่าจะมีคำพิพากษาประการใดก็พร้อมน้อมรับ ต่างจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ยอมรับคำพิพากษาจำคุก หลบหนีหมายศาล หมายจับ และยังใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรมไทยเป็นระยะ”
“อยากถามกลับคุณโอ๊ค พานทองแท้ เช่นกันว่า ถ้าผู้ต้องหาคดี NBT ทั้ง 87 คน รณรงค์รับเงินบริจาคไปเช่าช่วงเวลาใน NBT เพื่อชี้แจงเจตนารมณ์และความบริสุทธิ์ใจของพวกเขา จะได้หรือไม่ นายกฯ กับ รมต.ศันสนีย์ และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ จะอนุญาตหรือไม่?”
สำหรับข้อความฉบับเต็มในเฟซบุ๊กของนายสุริยะใส มีรายละเอียดดังนี้
“ตอบคำถาม กรณีคุณโอ๊ค พานทองแท้ โพสต์ในเฟซบุ๊ก ถามว่าระหว่าง พันธมิตรฯ บุก NBT เมื่อปี 2551 กับกรณี NBT ถ่ายทอดสด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เปิดงานมวยที่มาเก๊า เหตุการณ์ไหนเสียหายมากกว่ากัน
1. คำถามเช่นนี้ย่อมแสดงว่าคุณโอ๊คเอง ก็ยอมรับว่าการถ่ายทอดสดงานที่พ่อตัวเองเปิดงานจากมาเก๊า เป็นสิ่งที่ไม่ชอบ สร้างความเสียหายไม่มากก็น้อย
2. กรณีที่ผู้ชุมนุมกับพันธมิตรฯ บางส่วนบุก NBT นั้น มีเจตนารมณ์เพื่อทวงถามและเรียกร้องความเป็นธรรมจากสถานีโดยเฉพาะการเสนอข่าวที่บิดเบือน ป้ายสีการชุมนุมและเอาแกนนำ นปช.มาจัดรายการใส่ร้ายการชุมนุมพันธมิตรฯ ข้างเดียว โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ชี้แจงหรือนำเสนอข่าวที่เป็นกลางและเป็นธรรมตามหน้าที่และจรรยาบรรณสื่อ และไม่มีการเผาหรือทำลายข้าวของสถานีแต่อย่าง มีกระจกประตูแตกเพียงบานเดียว
3. ต่างจากกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีสถานะเป็นผู้มีความผิด หลบหนีคดี ถูกพิพากษาจำคุก คดีเสร็จเด็ดขาดแล้วและหลบหนีหมายจับของศาล แต่ NBT ในฐานะที่เป็นสื่อของรัฐก่อตั้งมาจากภาษีประชาชนกลับไม่นำพา จงใจละเมิดกฎหมายและหลักปฏิบัติอันดีงาม ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามเจ้าหน้าที่รัฐในฐานะผู้ถืออำนาจ บังคับใช้กฎหมาย แต่เลือกปฏิบัติเสียเอง ย่อมเป็นบ่อเกิดแห่งความเสียหายต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง
4. กลุ่มคนที่บุก NBT ถูกดำเนินคดีทั้งหทด 87 คน ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ และคุณโอ๊ค ต้องรู้ไว้ด้วยว่าผู้ต้องหาทั้ง 87 คน ไม่หลบหนีคดี มาตามนัดหมายศาลทุกนัด และทุกคนพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุดไม่ว่าจะมีคำพิพากษาประการใดก็พร้อมน้อมรับ ต่างกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ยอมรับคำพิพากษาจำคุก หลบหนีหมายศาล หมายจับ และยังใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรมไทยเป็นระยะ
5. อยากถามกลับคุณโอ๊ค พานทองแท้ เช่นกันว่า ถ้าผู้ต้องหาคดี NBT ทั้ง 87 คน รณรงค์รับเงินบริจาคไปเช่าช่วงเวลาใน NBT เพื่อชี้แจงเจตนารมณ์และความบริสุทธิ์ใจของพวกเขา จะได้หรือไม่ นายกฯ กับ รมต.ศันสนีย์ และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์จะอนุญาตหรือไม่...”