สะเก็ดไฟ
“ในการทำงานการเมืองนั้น ดิฉันอยากเห็นการเลือกตั้งเหมือนเกมกีฬา มีกติกา มีแพ้ มีชนะ มีจบ คุณพ่อเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนหลังสภาเลิก ฝ่ายค้านและรัฐบาลก็สามารถคุยกันได้ ดิฉันอยากเห็นบรรยากาศเช่นนั้นกลับคืนมา แม้อยู่คนละฝ่าย แต่ต่างทำงานให้กับประชาชน และเพื่อให้ประเทศมีทางออก
ดิฉันขอยืนยันด้วยเกียรติ ด้วยจิตวิญญาณของคนที่รักชาติ รักแผ่นดินว่าดิฉันจะนำพาประเทศให้ผ่านวิกฤติ เสริมสร้างประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง และรักษาไว้ ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้คงอยู่คู่ประเทศไทยตลอดไป ขอบคุณค่ะ”
เป็นคำยืนยันจากโพยส่งท้ายการชี้แจงในศึกซักฟอกที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขีดเส้นใต้คำว่า
“ดิฉันขอยืนยันด้วยเกียรติ ด้วยจิตวิญญาณของคนที่รักชาติ รักแผ่นดินว่า ดิฉันจะนำพาประเทศให้ผ่านวิกฤติ เสริมสร้างประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง และรักษาไว้ ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้คงอยู่คู่ประเทศไทยตลอดไป”
นี่คือสิ่งที่พ่นจากปากแล้วสิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรี มีอะไรที่แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีด้วยจิตบริสุทธิ์ นอกจากทำให้เกิดความหวาดระแวงมากขึ้นว่า ภายใต้การนำของยิ่งลักษณ์น้องสาวนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรกำลังกลืนกินประเทศไทยเงียบๆ
เพื่อเปลี่ยนแปลงเป็น “รัฐไทยใหม่” เหมือนความฝันของอดิศร เพียงเกษ ที่พูดออกมาดังๆ บนเวทีเสื้อแดง
ประชาธิปไตยที่แท้จริงที่ยิ่งลักษณ์พูดถึง มีความหมายเพียงแค่เครื่องมือเข้าสู่อำนาจทะยานอยากขึ้นสู่ตำแหน่ง และยังมีพี่ชายที่ใฝ่สูงจนเกินศักดิ์อีกด้วย
ความผิดพลาดครั้งแรกของรัฐบาลที่ยากจะให้อภัยคือ เฟซบุ๊กของยิ่งลักษณ์? Yingluck Shinawatra facebook ได้นำพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 8 มาโพสต์ประกอบคำบรรยายว่า “5 ธันวารวมพลังคนไทย รวมหัวใจถวายพระพรชัยมงคล” ซึ่งเป็นการโพสต์พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผิดรูป ผิดพระองค์ จะอ้างว่าทีมงานผิดพลาดย่อมฟังไม่ขึ้น
เพราะพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 8 นั้น มิใช่ภาพที่หากันได้ง่ายนัก ในขณะที่มีพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจำนวนมากให้ทีมงานของยิ่งลักษณ์เลือกอัญเชิญนำมาใช้ประกอบ
คำถามจึงมีอยู่ว่า “ผิดพลาดหรือจงใจ” แถมความรับผิดชอบก็มีเพียงน้อยนิดคือการทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษแล้วจบ เหมือนเป็นเรื่องเล็กที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่กระทบต่อหัวใจคนไทย
เหมือนกับที่พวกขบวนการล้มเจ้าทำกันอย่างเป็นระบบในการใส่ร้ายป้ายสีสถาบัน สั่นคลอนศรัทธาประชาชน และหยิบยกวาทกรรม “ประชาธิปไตยที่แท้จริง” มาหลอกคนเสื้อแดง โดยกล่าวหาอย่างไม่มีหลักฐานว่า
มีมือที่มองไม่เห็น หรือผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ความจริงเห็นกันจะจะว่า มีมือที่มองเห็นและผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ นอกรัฐบาล อย่าง “นักโทษทักษิณ” ลอยหน้าลอยตาชักใยรัฐบาลชุดนี้อยู่
ที่น่าสนใจคือ ใครจะคิดว่าหน้าโปรดของ Facebook นายกรัฐมนตรีไทย เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2554 มี FB มั่นใจนักศึกษาไทยและคนไทยรัก “คำ ผกา” คิดเล่นเห็นต่างกับคำ ผกา เป็นต้น
“คำ ผกา นมหมดอายุ” ที่เป็นคนโปรดในหน้าเฟซบุ๊กของยิ่งลักษณ์? มีพฤติกรรมเยี่ยงใดต่อสถาบันทุกคนย่อมทราบดี แล้วคนระดับนายกรัฐมนตรีชื่นชอบบุคคลที่มีทัศนคติเป็นอันตรายต่อสถาบัน แล้วตัวยิ่งลักษณ์ล่ะ จะคิดอย่างไรต่อสถาบันที่คนไทยเทิดทูนไว้เหนือเกล้า
ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังตัดงบประมาณในการเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวาคม 2554 ด้วยการลดการแสดง แสง สี เสียง และสื่อผสม เรื่องวัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษา มหาราช และการฉายภาพพาโนรามาที่กำแพงพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. โดยอ้างว่าต้องใช้งบประมาณหลายสิบล้านบาท จึงควรนำงบดังกล่าวไปช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมดีกว่า
มาถึงช่วงใกล้ 5 ธันวาคม 2555 ก็มีเรื่องที่น่าขบคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมของรัฐบาลที่มีต่อสถาบันว่ากำลังมีเจตนาอย่างไรกันแน่
เนื่องจากจู่ๆ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ก็ได้ทำหนังสือที่ มท ๐๒๐๑.๓/ว ๕๐๒๗ ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2555 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เรื่อง การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2555 โดยเนื้อหาเป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา โดยกำหนดให้ทุกจังหวัดดำเนินการเหมือนกันเพื่อให้สอดคล้องกับการจัดงานส่วนกลางที่กรุงเทพฯ
ที่น่าสนใจคือ ข้อ 3 มีการระบุว่า พิธีลงนามถวายพระราชพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พิธีถวายพระพรชัยมงคลของศาสนาต่างๆ พิธีถวายเครื่องราชสักการะ (พุ่มทอง-พุ่มเงิน) และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ทั้งนี้ โดยให้งดการจุดพลุ จังหวัดสามารถรับชมสัญญาณการถ่ายทอดสดจากส่วนกลาง ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ในส่วนกลางกำหนดพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลในวันพุธที่ 5 ธันวาคม 2555 เวลา 18.19 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี)
หมายความว่า ทั่วทุกจังหวัดทั้งประเทศที่เคยจุดพลุสว่างไสว กึกก้อง เพื่อเฉลิมฉลองแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกำลังถูกรัฐบาลจำกัด ค่อยๆ ลดความสำคัญของสถาบันลงทีละน้อยๆ จนประชาชนไม่ทันรู้สึกใช่หรือไม่
ยุคเปลี่ยนผ่านเช่นนี้ ย่อมมีคนไม่ดีคิดการใหญ่เปลี่ยนแปลงประเทศสถาปนารัฐไทยใหม่ โดยทุกอย่างทำเป็นขบวนการอย่างมีระบบ ที่น่าเสียใจที่สุดคือผ่านระบบราชการใช้ภาษีประชาชนไปล้างสมองเปลี่ยนแปลงคนไทยที่มีรูปที่มีอยู่ทุกบ้าน เป็นเหรียญทักษิณมาห้อยคอเป็นอัปมงคลแก่ชีวิตแทน
จากการดูแลม็อบเสธ.อ้ายอย่างเข้มแข็งของตำรวจ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ซึ่งใช้ท่าทีแข็งกร้าวกับผู้ชุมนุมต้านรัฐบาลแต่อ่อนนุ่มอำนวยความสะดวกให้กับแดงหนุนรัฐนั้น เป็นสิ่งที่น่ากังวลยิ่ง
เพราะในปี 2553 นักโทษชายทักษิณมีกองกำลังผิดกฎหมายสร้างศพทำลายชาติประเทศยังแทบพัง เนื่องจากตำรวจใส่เกียร์ถอยหลังสมรู้ร่วมคิดถอยทับบ้านเมืองด้วย มาวันนี้ปี 2555 กับวลี “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ถึงขนาดตำรวจบางคนกล้าที่จะใส่เสื้อสกรีนคำว่า “ไพร่สีกากี” ถือตีนตบกันอย่างเอิกเกริก ทำให้เกิดคำถามว่า
เมื่อถึงจุดแตกหักประเทศไทยจะเดินไปสู่สงครามระหว่าง ตำรวจของทักษิณกับประชาชนหรือไม่