และแล้วแม่นางโพยปูโพรกเน่าในก็สำเร็จกิจในการรักษาความมั่นคงของรัฐบาล ทำให้คณะขี้ข้าบักเหลี่ยมและเครือข่ายบริวารผีโม่แป้งได้กุมอำนาจเพื่อโกงบ้านกินเมืองในอัตราก้าวกระโดดเชิงบูรณาการต่อไป หลังจากอยู่ในสภาวะอกสั่นขวัญแขวนว่าจะเสียท่า “เสธ.อ้าย” หัวหน้าองค์การพิทักษ์สยาม
ประชาชนได้เห็นประสิทธิภาพของกองกำลังพิทักษ์ทรราช ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันขันแข็ง โหด อำมหิต เลือดเย็น หยาบช้า สามานย์ ยกระดับความชั่วร้ายกระหายเลือดเทียบชั้นหน่วยกำลังปกป้องผู้นำเผด็จการเหี้ยม
แม่นางโพยมีโอกาสจะถูกยกชั้นเป็นสตรีเหล็ก ทรราชเอ๋อแอ๊บแบ๊ว! เป็นผู้รับผิดชอบสูงสุด แม้การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จะให้ ครม.ชุดเล็กเป็นหนังหน้าไฟ ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าสูงสุดคุมกองกำลังตำรวจจัดการม็อบก็ตาม
เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ละเมิดสิทธิของประชาชนโดยไม่หวั่นเกรงกฎหมายรัฐธรรมนูญ สกัดกั้นการเดินทางทั่วทุกทิศ ทำให้ชาวบ้านจากต่างจังหวัดติดอยู่ตามด่านต่างๆ มวลชนหลายหมื่นคนมาร่วมชุมนุมวันที่ 24 พ.ย. น้อยเกินคาด
เห็นความพร้อมของกองกำลังตำรวจจากทั่วประเทศกว่า 2 หมื่นนาย คุมพื้นที่สำคัญรอบทำเนียบรัฐบาล ถนนราชดำเนิน เหมือนการรัฐประหารโดยตำรวจ ทำเอาหน่วยทหารหลักในบริเวณนั้นโดนคุมจนหมดสภาพกระดิกไม่ได้
เป็นวันแห่งความลำพองในอำนาจศักยภาพของตำรวจ ซึ่งมุ่งทำงานเพื่อพรรคเพื่อไทย แม้จะเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีในข้อหาละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และประเด็นนี้จะเป็นแนวทางการต่อสู้ของประชาชนต่อไป
การใช้มาตรการโหด ไม่เป็นไปตามขั้นตอน ทุบตี ถีบเตะประชาชน ยิงแก๊สน้ำตาใส่สมนะ ผู้หญิง คนชรา ไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหม แสดงให้เห็นนโยบายเชือดไก่ให้ลิงดู ทำให้นายตำรวจขี้ข้าบักเหลี่ยมผยองอำนาจหนักข้อ
ประกาศเจตนารมณ์อย่างห้าวหาญ “ต่อไป ถ้ามีการชุมนุมม็อบการเมือง จะระดมตำรวจจากต่างจังหวัดมาจัดการเหมือนเดิม” จากนี้คงเตรียมเสนอหน้าขอความดีความชอบ วางบิลทรราชเร่ร่อน หลังจากจ่ายเงินให้หัวหน้าหน่วยต่างๆ ซึ่งระดมกำลังพลจากต่างจังหวัดมาพิทักษ์ทรราชเหลี่ยม
“เสธ.อ้าย” มีปัญหา “นัดแล้วไม่มา” อีกครั้ง หลังจากพ่ายแพ้ในการนำหน่วยทหารทำรัฐประหารเมื่อ 26 มีนาคม 2520! ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อมีมวลชนมาน้อย ทำให้พรรคพวกในกองทัพและพรรคการเมืองเบี้ยวนัด ต้องเลิกเร็ว
“เสธ.อ้าย” รู้ซึ้งอีกครั้งว่าใครเป็นเพื่อนแท้ และใครอยู่ในพวกเอาตัวรอด หลังจากรับปากเป็นมั่นเหมาะ! แต่ก็นั่นแหละ ทุกคนมีสิทธิเห็นแก่ตัว ยึดมั่นในสุภาษิต “เกิดเป็นคน ถ้าไม่เห็นแก่ตัว ฟ้าดินลงโทษ”
ขณะที่คนต่างจังหวัดจากทุกทิศพยายามเข้ามาร่วมชุมนุม ยอมลำบาก ทนต่อการตรวจสอบเข้มงวดตามด่านของผู้พิทักษ์ทรราชสีแตงโม มะเขือเทศ คนกรุงเทพฯ เจ้าของพื้นที่มีเพียงหยิบมือเดียว ยอมออกมาร่วมกับ “เสธ.อ้าย”
พวกที่ไม่มา ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มสุขนิยม ชื่นชมกับระบบทุนนิยม ชอบดูรายการ “แรงเงา” “เดอะว๊อยซ์” ละครน้ำเน่า เกมโชว์ ไม่รู้สึกเดือดร้อนกับราคาน้ำมัน 2 ลิตรร้อยบาท หรือห่วงว่ารัฐบาลกังฉินจะสร้างหนี้กินเมืองจนล่มสลาย
ประชาชนในกรุงเทพฯ มีประมาณ 10 ล้านคน แต่ออกมาร่วมไม่ถึง 5 หมื่นคน ย่อมสะท้อนให้เห็นความรู้สึก จิตสำนึกด้านการเมือง ว่าตามสัดส่วนของประชากรแล้ว วันที่ 24 พ.ย.นั้นเป็นดัชนีวัดอนาคตของประเทศไทย
แม้แต่กองทัพ ซึ่งท่องคำปฏิญาณว่า “รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์” และประชาชน ก็ยังทนกับสภาพตกต่ำของสถาบันหลัก การจ้วงจาบหยาบช้าโดยขบวนการล้มเจ้า แต่ก็ยังจะตากหน้าไปเดินสวนสนามวันที่ 5 ธันวาคม
ด้วยความมั่นใจว่าเก้าอี้มั่นคง แม่นางพกทั้งโพยและความแกร่งไปส่งเสียงเจื้อยแจ้วแบบมาดสตรีเหล็กฉาบทาด้วยความสวยใสกิ๊ก ตอบคำถามฝ่ายค้านฉอดๆ ด้วยความคล่องแคล่ว ใช้เวลาไม่มากก้มดูโพย โชว์ว่าฝึกมาดีจริง!
แม่เจ้าประคุณพูดได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องน้ำไหลทะลัก ปัญหาการแย่งชิงทรัพยากร การทำงานเป็นทีม การจัดสรรงบประมาณเยียวยาชีวิตประชาชนในห้วงทุกข์ ความแร้นแค้น ทำเอาชาวบ้านซาบซึ้งอิ่มอกอิ่มใจจนเกือบลืมกินข้าว
ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเพียงพิธีกรรมบริหารต่อน้ำลายระหว่างฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ผลัดกันด่า สรรหาเทคนิคในการโกหกซึ่งหน้า เอาตัวรอด ผลสุดท้ายก็จะให้ความหน้าด้าน เสียงข้างมากของฝ่ายรัฐบาลชนะโหวต
การชุมนุมนอกสภาจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เมื่อเห็นพฤติกรรมโหดของกองกำลังผู้พิทักษ์ทรราช ชาวบ้านคนรักตัวกลัวบาดเจ็บต้องคิดหนักเช่นกัน! แต่การต่อสู้จากนี้ไปจะใช้มาตรการทางกฎหมาย การฟ้องร้องดำเนินคดีเต็มที่
การแพ้ด้านยุทธการของฝ่าย “เสธ.อ้าย” จะเพิ่มระดับอารมณ์ปฏิปักษ์ของประชาชนต่อรัฐบาลแม่นางโพย ความเกลียดชังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และความระมัดระวังในการชุมนุมใหญ่ครั้งต่อไป การวางแผนและเลือกสถานที่
ความเป็นไปได้ของสงครามประชาชน ไม่ใช่เรื่องห่างไกลเกินไปแล้ว!
ประชาชนได้เห็นประสิทธิภาพของกองกำลังพิทักษ์ทรราช ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันขันแข็ง โหด อำมหิต เลือดเย็น หยาบช้า สามานย์ ยกระดับความชั่วร้ายกระหายเลือดเทียบชั้นหน่วยกำลังปกป้องผู้นำเผด็จการเหี้ยม
แม่นางโพยมีโอกาสจะถูกยกชั้นเป็นสตรีเหล็ก ทรราชเอ๋อแอ๊บแบ๊ว! เป็นผู้รับผิดชอบสูงสุด แม้การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จะให้ ครม.ชุดเล็กเป็นหนังหน้าไฟ ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าสูงสุดคุมกองกำลังตำรวจจัดการม็อบก็ตาม
เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ละเมิดสิทธิของประชาชนโดยไม่หวั่นเกรงกฎหมายรัฐธรรมนูญ สกัดกั้นการเดินทางทั่วทุกทิศ ทำให้ชาวบ้านจากต่างจังหวัดติดอยู่ตามด่านต่างๆ มวลชนหลายหมื่นคนมาร่วมชุมนุมวันที่ 24 พ.ย. น้อยเกินคาด
เห็นความพร้อมของกองกำลังตำรวจจากทั่วประเทศกว่า 2 หมื่นนาย คุมพื้นที่สำคัญรอบทำเนียบรัฐบาล ถนนราชดำเนิน เหมือนการรัฐประหารโดยตำรวจ ทำเอาหน่วยทหารหลักในบริเวณนั้นโดนคุมจนหมดสภาพกระดิกไม่ได้
เป็นวันแห่งความลำพองในอำนาจศักยภาพของตำรวจ ซึ่งมุ่งทำงานเพื่อพรรคเพื่อไทย แม้จะเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีในข้อหาละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และประเด็นนี้จะเป็นแนวทางการต่อสู้ของประชาชนต่อไป
การใช้มาตรการโหด ไม่เป็นไปตามขั้นตอน ทุบตี ถีบเตะประชาชน ยิงแก๊สน้ำตาใส่สมนะ ผู้หญิง คนชรา ไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหม แสดงให้เห็นนโยบายเชือดไก่ให้ลิงดู ทำให้นายตำรวจขี้ข้าบักเหลี่ยมผยองอำนาจหนักข้อ
ประกาศเจตนารมณ์อย่างห้าวหาญ “ต่อไป ถ้ามีการชุมนุมม็อบการเมือง จะระดมตำรวจจากต่างจังหวัดมาจัดการเหมือนเดิม” จากนี้คงเตรียมเสนอหน้าขอความดีความชอบ วางบิลทรราชเร่ร่อน หลังจากจ่ายเงินให้หัวหน้าหน่วยต่างๆ ซึ่งระดมกำลังพลจากต่างจังหวัดมาพิทักษ์ทรราชเหลี่ยม
“เสธ.อ้าย” มีปัญหา “นัดแล้วไม่มา” อีกครั้ง หลังจากพ่ายแพ้ในการนำหน่วยทหารทำรัฐประหารเมื่อ 26 มีนาคม 2520! ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อมีมวลชนมาน้อย ทำให้พรรคพวกในกองทัพและพรรคการเมืองเบี้ยวนัด ต้องเลิกเร็ว
“เสธ.อ้าย” รู้ซึ้งอีกครั้งว่าใครเป็นเพื่อนแท้ และใครอยู่ในพวกเอาตัวรอด หลังจากรับปากเป็นมั่นเหมาะ! แต่ก็นั่นแหละ ทุกคนมีสิทธิเห็นแก่ตัว ยึดมั่นในสุภาษิต “เกิดเป็นคน ถ้าไม่เห็นแก่ตัว ฟ้าดินลงโทษ”
ขณะที่คนต่างจังหวัดจากทุกทิศพยายามเข้ามาร่วมชุมนุม ยอมลำบาก ทนต่อการตรวจสอบเข้มงวดตามด่านของผู้พิทักษ์ทรราชสีแตงโม มะเขือเทศ คนกรุงเทพฯ เจ้าของพื้นที่มีเพียงหยิบมือเดียว ยอมออกมาร่วมกับ “เสธ.อ้าย”
พวกที่ไม่มา ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มสุขนิยม ชื่นชมกับระบบทุนนิยม ชอบดูรายการ “แรงเงา” “เดอะว๊อยซ์” ละครน้ำเน่า เกมโชว์ ไม่รู้สึกเดือดร้อนกับราคาน้ำมัน 2 ลิตรร้อยบาท หรือห่วงว่ารัฐบาลกังฉินจะสร้างหนี้กินเมืองจนล่มสลาย
ประชาชนในกรุงเทพฯ มีประมาณ 10 ล้านคน แต่ออกมาร่วมไม่ถึง 5 หมื่นคน ย่อมสะท้อนให้เห็นความรู้สึก จิตสำนึกด้านการเมือง ว่าตามสัดส่วนของประชากรแล้ว วันที่ 24 พ.ย.นั้นเป็นดัชนีวัดอนาคตของประเทศไทย
แม้แต่กองทัพ ซึ่งท่องคำปฏิญาณว่า “รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์” และประชาชน ก็ยังทนกับสภาพตกต่ำของสถาบันหลัก การจ้วงจาบหยาบช้าโดยขบวนการล้มเจ้า แต่ก็ยังจะตากหน้าไปเดินสวนสนามวันที่ 5 ธันวาคม
ด้วยความมั่นใจว่าเก้าอี้มั่นคง แม่นางพกทั้งโพยและความแกร่งไปส่งเสียงเจื้อยแจ้วแบบมาดสตรีเหล็กฉาบทาด้วยความสวยใสกิ๊ก ตอบคำถามฝ่ายค้านฉอดๆ ด้วยความคล่องแคล่ว ใช้เวลาไม่มากก้มดูโพย โชว์ว่าฝึกมาดีจริง!
แม่เจ้าประคุณพูดได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องน้ำไหลทะลัก ปัญหาการแย่งชิงทรัพยากร การทำงานเป็นทีม การจัดสรรงบประมาณเยียวยาชีวิตประชาชนในห้วงทุกข์ ความแร้นแค้น ทำเอาชาวบ้านซาบซึ้งอิ่มอกอิ่มใจจนเกือบลืมกินข้าว
ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเพียงพิธีกรรมบริหารต่อน้ำลายระหว่างฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ผลัดกันด่า สรรหาเทคนิคในการโกหกซึ่งหน้า เอาตัวรอด ผลสุดท้ายก็จะให้ความหน้าด้าน เสียงข้างมากของฝ่ายรัฐบาลชนะโหวต
การชุมนุมนอกสภาจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เมื่อเห็นพฤติกรรมโหดของกองกำลังผู้พิทักษ์ทรราช ชาวบ้านคนรักตัวกลัวบาดเจ็บต้องคิดหนักเช่นกัน! แต่การต่อสู้จากนี้ไปจะใช้มาตรการทางกฎหมาย การฟ้องร้องดำเนินคดีเต็มที่
การแพ้ด้านยุทธการของฝ่าย “เสธ.อ้าย” จะเพิ่มระดับอารมณ์ปฏิปักษ์ของประชาชนต่อรัฐบาลแม่นางโพย ความเกลียดชังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และความระมัดระวังในการชุมนุมใหญ่ครั้งต่อไป การวางแผนและเลือกสถานที่
ความเป็นไปได้ของสงครามประชาชน ไม่ใช่เรื่องห่างไกลเกินไปแล้ว!
