“องอาจ” เผย พรรคเตรียมยื่น ป.ป.ช.ฟ้องรัฐ ชี้ รู้เห็นปล่อยโกงจำนำข้าว พร้อมสอบหลังรับเรื่องร้องแก๊งแดง-ญาตินักการเมือง กินงบเอสเอ็มแอล ชี้ อีสานโดนหนัก เบิกใช้งบไม่ฟังชาวบ้าน ไม่มีการสอบ แฉมีสิ่งผิด กม.หักหัวคิวอื้อ ขู่ห้ามปริปากแฉ แนะไม่จัดการปีหน้าโกงอีก จวกรัฐเล่นงานคนให้ข้อมูลทุจริต ชี้ “สุกำพล” ล้วงลูกจริง หลังสั่งล่าคนเปิดคลิปแฉ แนะรัฐแก้ไขดีกว่าแก้ตัว หยุดรังแก ขรก.
วันนี้ (2 ธ.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรุ่งนี้ เวลา 10.00 น.ตน พร้อมด้วย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม จะไปยื่นเรื่องกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวด้วย การทุจริตแบ่งได้ 3 ขั้นตอนที่รัฐบาลยังไม่แก้ไข ได้แก่ 1.รับจำนำข้าว แจ้งพื้นที่ปลูกข้าวเกินจริง 2.เอาข้าวเปลือกไปแปรสภาพ ร่วมมือโกดังกลางด้วยการไม่ตรวจสอบ หรือตรวจสอบพบคุณภาพต่ำก็ไม่ทำอะไรจะบอกว่าเป็นคุณภาพดี 3.การระบายข้าวไปต่างประเทศ มีการลักลอบนำข้าวไปเวียนเทียน การอภิปรายที่ผ่านมา ยังไม่มีการแก้ไขรัฐบาลกำลังมีประพฤติกรรมยักคิ้วหลิ่วตาให้การทุจริตเกิดขึ้นอีก ถ้าปล่อยไปความเสียหายจะเกิดขึ้นกับประเทศอย่างมาก จึงอยากฝากไปยังรัฐบาลให้รีบจัดการโดยด่วน
ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ยังเผยว่า จะยื่นเรื่องกับ ป.ป.ช.เพื่อให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการเอสเอ็มแอล ที่มีการร้องเรียนมาจากภาคอีสานเป็นหลัก ทั้งนี้ นายกฯโอนเงิน 11,280 ล้านบาท 30,078 หมู่บ้าน พบว่า ภาคอีสานมีการร้องเรียนเกือบทุกจังหวัด โดยมีการกล่าวหาคนเสื้อแดง และผู้ใกล้ชิดนักการเมืองว่าเกี่ยวข้อง และวันนี้ก็มีชาวบ้านส่งข้อมูลมาเพิ่มเติมอีก โดยพบการทุจริต 4 ประการ คือ 1.แอบอ้างว่าเป็นคนของคนเสื้อแดง คนของนปช.คนของสำนักนายกฯ และญาติ รมต.ไปเสนอขายสินค้าที่ชาวบ้านไม่ต้องการ ทั้งที่ชาวบ้านต้องการถนน แต่ไปเสนอขายเครื่องเสียงให้ชาวบ้านร้องคาราโอเกะ และซื้อปุ๋ยที่ด้อยคุณภาพไปให้ชาวบ้าน 2.ปลอมแปลงประชาคมหมู่บ้าน เพื่อไปซื้อสินค้าด้อยคุณภาพราคาแพง อย่างกรณีที่ จ.มหาสารคาม 3.เจ้าหน้าที่เทศบาลหรืออำเภอ จังหวัดปล่อยปละละเลยไม่มีการตรวจสอบ ให้เป็นไปตามระเบียบกองทุนหมู่บ้าน ปล่อยให้มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณและจัดซื้อของที่ผิดกฎหมาย 4.มีการข่มขู่คุกคาม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่ไม่รับข้อเสนอในการขายสินค้าจากบุคคลที่อ้างว่ามาจากรัฐบาล โดยกล่าวว่า จะปลดออกจากตำแหน่ง ภายใน 1-2 เดือน เป็นกระบวนการที่ไม่ถูกต้อง ล่าสุด มีชาวบ้านจาก จ.ร้อยเอ็ด รวบรวมรายชื่อ ได้ขอตามที่ต้องการ แต่ปรากฏว่า มีค่าใช้จ่ายอีกจำนวนมากไปถึงมือใครไม่ทราบหลายหมื่นบาท อาทิ ค่าตอบแทนกรรมการ 12,000 บาท หรือค่าดำเนินโครงการ 2,500 บาท ค่าอาหารเครื่องดื่ม ค่าน้ำมัน
“ล่าสุด ชาวบ้านได้รวบรวมรายชื่อมาร้องเรียนว่าได้ของตามที่ต้องการ แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาอีกมาก ทั้งนี้ ชาวบ้านได้ไปร้องเรียนแต่ไม่มีการกระทำใดๆ จากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถ้าเราไม่เข้าไปหยุดยั้งปีหน้าการทุจริตในลักษณะนี้จะดำเนินการต่อไป จึงอยากให้รัฐบาลเข้าไปตรวจสอบโครงการนี้” นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ แถลงอีกว่า จาการอภิปรายที่ผ่านมา ที่พรรคฝ่ายค้านได้ข้อมูลมาจากข้าราชการที่รักชาติ ไม่ต้องการเห็นการทุจริต แต่ขณะนี้รัฐบาลกำลังใช้อำนาจรัฐที่มีอยู่เล่นงานข้าราชการที่ปล่อยให้ข้อมูลหลุดออกมา ทั้งทางตรงและอ้อม ทางตรงคือ การที่ พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ถูกอภิปราย โดยมีการนำคลิปเสียงมาเปิดว่าสั่งการด้วยวาจาให้มีการแต่งตั้งโยกย้ายถือว่ามีความผิด แทนที่จะตรวจสอบว่าคลิปเสียงเป็นของจริงหรือไม่ แต่กลับไปเอาผิดกับทหาร จนมีการลงโทษอย่างรุนแรง เท่ากับยอมรับว่าเป็นเสียงจริง
นายองอาจ กล่าวว่า ส่วนทางอ้อมใช้อำนาจรัฐ ทั้งที่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ชัดเจนว่าใครเป็นคนนำข้อมูลมาให้ก็พยายามเล่นงานคนนั้นคนนี้ ซึ่งอาจจะเป็นการประเมินที่ผิดตัว เท่ากับเป็นการใช้อำนาจรัฐไปกลั่นแกล้งรังแก คิดว่า รัฐบาลไม่ควรใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรมเล่นงานข้าราชการ ถ้าเล่นงานผิดตัวก็เป็นบาป แต่ควรจะหาทางแก้ไขดีกว่าแก้ตัว เพราะข้าราชการเหล่านั้นไม่ต้องการให้มีการทุจริตเกิดขึ้น และคิดว่า รัฐบาลควรจะตอบแทนบุคคลเหล่านี้ให้มีความก้าวหน้ามากกว่า อยากให้รัฐบาลอย่าใช้อำนาจหน้าที่ไปรังแกข้าราชการประจำ