“วราเทพ” ป้องแก๊งแดงทุจริตโครงการเอสเอ็มแอลมหาสารคาม อ้างเป็นแค่ข้อกล่าวหาไม่มีหลักฐาน โยนเป็นเรื่องตัวบุคคล ยันไม่ได้ปล่อยปละละเลย ตรวจสอบมานานแล้ว พร้อมดำเนินการขั้นเด็ดขาดหากพบทำผิด เผยตั้ง รอง ผบ.ตร.เป็นประธานสอบสวนทั่วประเทศ คาดสัปดาห์หน้ารู้ผล
นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องการทุจริตในโครงการเอสเอ็มแอลใน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว และไม่ได้มีการเงียบเฉยใดๆ โดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ได้รับรายงานและได้มีการสั่งระงับการโอนเงินมาตั้งแต่เดือน ส.ค.แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยได้มอบหมายให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ฉะนั้น ที่มีข้อกล่าวหาว่ามีการโกงเงินโครงการเอสเอ็มแอลโดยมีคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยเฉพาะนักการเมือง หรือกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งนั้น วันนี้รัฐบาลไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่นอน และจะมีการเร่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดส่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาเพื่อดำเนินการเอาผิดกับคนที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ นายกฯ เองก็ได้กำชับเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทุจริตดังกล่าวแล้ว
รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีการระบุว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นคนกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ตนคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการกล่าวหากันโดยไม่มีหลักฐาน เพราะใครจะไปดำเนินการผิดหรือถูกเป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่ใช่เป็นกลุ่ม การไปอ้างชื่อของคนที่เกี่ยวข้องว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงๆ ก็อาจจะเสียหาย จึงคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของตัวบุคคลมากกว่า
อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการนี้รัฐบาลต้องการให้เงินถึงประชาชนโดยตรง การที่มีการอ้างว่ามีการแก้ระเบียบเพื่อเปิดช่องว่างให้มีการทุจริตนั้นขอยืนยันว่าไม่จริง เพราะการแก้ระเบียบก็เพื่อให้เกิดความสะดวกในการที่ประชาชนจะได้ใช้เงินและมีความเห็นของตัวเองโดยตรง เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาการเสนอโครงการเป็นการเสนอที่อาจจะมีกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งไปทำให้โครงการนั้นคล้ายๆ กันหมด เช่น กรณีที่มีการจัดซื้อของในลักษณะเดียวกันทั้งอำเภอ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มีของการแก้ระเบียบ เพราะเราต้องการให้ประชาชนในหมู่บ้านได้ตัดสินใจเองในการที่จะเลือกซื้อสิ่งของหรือนำเงินไปแก้ไขปัญหาในหมู่บ้าน
“หากพบการกระทำความผิด ทางรัฐบาลจะไม่มีการปกปิดใดๆ ทั้งสิ้น และจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องของกลุ่มบุคคล ไม่ใช่เรื่องขององค์กรหรือเครือข่ายอย่างที่เป็นข่าว”
ด้าน นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการ สทบ.กล่าวว่า ในพื้นที่ อ.นาดูน มีทั้งหมด 94 หมู่บ้าน พบว่ามีการขอรับทั้งหมด 92 แห่ง ซึ่งจากการติดตามตรวจสอบบัญชีปรากฏว่า สามารถดำเนินการโอนเงินได้ 29 แห่ง แต่ก็มีการร้องเรียนเข้ามาในวันที่ 22 ส.ค.ว่า มีกระบวนการที่ไม่ถูกต้องในพื้นที่ ทำให้เราสั่งระงับการเบิกจ่ายทันทีในวันที่ 23 ส.ค. โดยขณะนี้ได้สั่งระงับการเบิกจ่ายของหมู่บ้านที่ได้รับเงินบางส่วนไปแล้ว 9 แห่ง เนื่องจากมีการดำเนินการตามที่มีบางกลุ่มไปชักนำให้ทำกิจกรรมบางอย่าง ส่วนกลุ่มบุคคลที่ไปชักนำนั้นเท่าที่ได้รับการร้องเรียนมาเป็นกลุ่มภาคประชาชนบางส่วน ทั้งในและนอกพื้นที่ที่ลงไปแนะนำกระบวนการ ส่วนเรื่องรายชื่ออยู่ระหว่างการสอบสวนอยู่ว่าเป็นข้อเท็จจริงประการใด
อย่างไรก็ตาม ทางผู้ว่าราชการจังหวัดกำลังติดตามตรวจสอบและสรุปผลว่าการดำเนินการดังกล่าวมีความถูกต้องหรือไม่ ด้าน สทบ.เองก็ได้ส่งผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายลงไปในพื้นที่และติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดด้วย คาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้าจะมีผลสรุปของเรื่องนี้ออกมา อย่างไรก็ตาม นอกจากพื้นที่ อ.นาดูน แล้วยังมีอีกหลายพื้นที่ที่เกิดปัญหา ซึ่งก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบโครงการดังกล่าวทั่วประเทศแล้ว โดยมี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน และจะมีการประชุมกันในวันที่ 7 ธ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ส.ค.คิดว่าทำงานช้าไปหรือไม่ นายนทีกล่าวว่า เนื่องจากเรื่องเข้ามาเดือน ส.ค. ซึ่งเพื่อความรอบคอบถูกต้องเราได้มอบให้ทางอำเภอและจังหวัดดำเนินการก่อน ขณะที่ สทช.ก็ส่งฝ่ายกฎหมายลงไปดำเนินการด้วย