“อภิสิทธิ์” รับเรื่องชาวบ้านจากศรีสะเกษแฉคณะ กก.หมู่บ้านฮั้วเงิน SML ปลอมลายเซ็น ปชช. ซื้อปุ๋ยมูลไก่ ซัดไม่ถามชาวบ้าน แถมคุณภาพห่วย ชี้ซื้อสูงกว่าราคาจริงเวอร์ ยันเงินกองทุนหมู่บ้านประโยชน์ต้องตกที่ชุมชน วอนสอบล้างอิทธิพลมืด
วันนี้ (5 พ.ย.) นายยุทธพงศ์ อรุณโรจน์ ตัวแทนชาวบ้านจากหมู่ที่ 1, 7, 8 ต.ไผ่ล้อม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ รวม 641 ครัวเรือน ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้ช่วยตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการใช้งบประมาณโครงการ SML วงเงิน 1.4 ล้านบาท ซึ่งทางกลุ่มชาวบ้านได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายอำเภอเมืองศรีสะเกษตามขั้นตอนทางราชการแล้วด้วย
นายยุทธพงศ์กล่าวว่า เดิมหมู่ที่ 1, 7, 8 เป็นหมู่บ้านเดียวกัน แต่ต่อมามีการแยกออกเป็น 3 หมู่บ้าน และมีปัญหาความไม่โปร่งใสเกี่ยวกับพฤติกรรมของคณะกรรมการ SML โดยพบว่าคณะกรรมการของทั้ง 3 หมู่บ้านล้วนเป็นเครือญาติกัน ใช้อิทธิพลนำเงิน SML ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ตามที่ชาวบ้านได้ร่วมกันทำประชาคม อีกทั้งยังไม่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้มีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการด้วย โดยชาวบ้าน 90% ไม่ต้องการปุ๋ยมูลไก่ และยังมีการปลอมลายมือชื่อจนชาวบ้านร้องเรียนถึงอำเภอ และจังหวัด แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ
“เขาเอาเงิน SML ของทั้ง 3 หมู่บ้าน ใช้ซื้อปุ๋ยขี้ไก่ ที่ชาวบ้านไม่ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่ได้ทำนา ไม่ได้เป็นเกษตรกรมีอาชีพรับจ้าง และไม่ทราบรายละเอียดว่าปุ๋ยดังกล่าวมาจากงบประมาณส่วนไหน นอกจากนี้ ช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ปุ๋ยขี้ไก่ แต่มีบางคนนำไปใช้ก็พบว่าไม่ได้ช่วยการเจริญเติบโตของพืชแต่อย่างใด เหมือนการเพิ่มดินลงไปเท่านั้น ขณะที่ราคาปุ๋ยต้นทุนอยู่ที่ 130 บาท แต่กลับเบิกจ่ายถึง 380 บาท ซึ่งชาวบ้านสงสัยและอยากให้มีการตรวจสอบว่าสิ่งที่นำมาแจกนั้นเป็นปุ๋ยขี้ไก่หรือว่าดินกันแน่ เพราะบรรจุภัณฑ์ก็ไม่ได้มาตรฐาน น้ำซึมเข้าไปได้ทำให้เสื่อมคุณภาพไม่สามารถเก็บไว้ใช้ในปีถัดไปได้” นายยุทธพงศ์กล่าว
ตัวแทนชาวบ้านยังกล่าวด้วยว่า ตามระเบียบสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติฯโครงการ SML 2555 นโยบายรัฐบาลต้องการเปิดกรอบให้หมู่บ้าน ชุมชน สามารถนำเงิน SML ที่ได้รับไปใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด และให้ตรงกับความต้องการของคนในชุมชน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงโครงการได้ตามความต้องการของชุมชน หรือเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน (ยกเว้นการนำไปปล่อยกู้แบบเดียวกับกองทุนหมู่บ้าน) ดังนั้นจึงสามารถเปลี่ยนแปลงโครงการให้ตรงตามความต้องการของชาวบ้านได้โดยไม่ขัดกับวัตถุประสงค์ของโครงการ จึงอยากให้มีการตรวจสอบเพราะชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากถูกอิทธิพลครอบงำเอาเปรียบจากงบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชนที่ควรจะจัดสรรให้ได้รับอย่างถูกต้องเท่าเทียมกัน
ขณะที่นายอภิสิทธิ์รับหนังสือพร้อมสอบถามรายละเอียดจากชาวบ้าน โดยจะได้นำเรื่องที่ร้องเรียนไปตรวจสอบตามที่ชาวบ้านร้องขอต่อไป