รองโฆษก ปชป.เผย มท.1 กำชับจังหวัดบีบ ปชช.เซ็นชื่อต้านพิทักษ์สยาม โยงแฝงแก้ รธน. ยกคำ “ตู่” เคยประกาศลุยแก้หลังซักฟอก หวังตุกติกแนบรายชื่อ เหตุไม่ต้องการประชามติ เย้ยปาก ปชต.แต่ตั้งด่านขวางเสรีภาพ ปชช. ขำม็อบยังไม่เริ่มสั่ง ตร.เป็นม็อบแทน ทำ กทม.รถติดยับ ซัดขู่ผู้ประกอบการขนส่งห้ามเช่ารถไปม็อบ ย้อน รบ.กลัวพฤติกรรมแดงเถื่อนหลอน รีบใช้ พ.ร.บ.มั่นคง ชี้มีชาติเดียวประกาศก่อนชุมนุม
วันนี้ (23 พ.ย.) นายประมวล เอมเปีย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้รับการแจ้งจากนายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้านในจังหวัดชลบุรีหลายพื้นที่ว่า นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ได้ออกคำสั่งด้วยวาจาพร้อมกำชับให้ปฏิบัติในทุกพื้นที่ทั่วประเทศว่า ให้นายอำเภอ กำนันและผู้ใหญ่บ้านเกณฑ์ชาวบ้านในหมู่บ้าน ตำบลให้มาลงชื่อพร้อมลายเซ็น ที่อยู่อาศัยในการกรอกแบบฟอร์มคัดค้านการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม โดยให้รวบรวมส่งต่อถึงนายอำเภอและส่งต่อมายังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่งเพื่อใช้รวบรวมลายมือชื่อของพี่น้องประชาชนใช้อ้างว่าไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมครั้งนี้ ซึ่งล้วนเป็นพฤติกรรมปากว่าตาขยิบของคนในรัฐบาลที่สร้างภาพว่ามาจากระบบประชาธิปไตย แต่กลับสวนทางในการปฏิบัติ เพราะไฟเขียวให้ตำรวจ อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ตั้งด่านสกัดการมาชุมนุมโดยสงบ
ที่น่าขำที่สุด คือ กลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่มา แต่ม็อบตำรวจกลับมายึดพื้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้าแทน จนกลายเป็นม็อบตำรวจ ทำให้การจราจรในกรุงเทพฯ เป็นอัมพาตไปตั้งแต่บ่ายวันที่ 22 พ.ย.เป็นต้นมา ซึ่งเป็นแผนของคนในรัฐบาลที่ต้องการสร้างภาพให้คน กทม.เห็นว่าพอมีม็อบจะมาก็ทำให้การจราจรติดขัดแล้วไปโทษกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ครั้งนี้มันล้ำเส้นไป คนจึงรู้ว่ารถติดเพราะตำรวจ เพราะมีแต่ตำรวจที่ควบคุมไฟจราจร จะทำให้รถติดหรือไม่ติดก็อยู่ที่ตำรวจ
นายประมวลกล่าวต่อว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าการใช้อำนาจรัฐกะเกณฑ์ประชาชนไปลงรายมือชื่อเพื่อรวบรวมรายชื่อประชาชนครั้งนี้ เกรงว่าจะมีการนำเอารายชื่อเหล่านี้ไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่นด้วย คือการอ้างว่าเป็นรายชื่อของประชาชนจากทั่วประเทศที่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ซึ่งสอดคล้องกับที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยตั้งเวทีปลุกระดมคนเสื้อแดงในจังหวัดต่างๆ และที่ผ่านสื่อทีวีเครือข่ายแดงว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล กลุ่ม นปช.และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ให้เสร็จก่อนสิ้นปีนี้ให้ได้ ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดแล้วว่าการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 รัฐบาลต้องจัดให้มีการทำประชามติสอบถามความคิดเห็นของประชาชนเจ้าของอำนาจก่อน จึงเกรงว่ารัฐบาลนี้จะตุกติกใช้รายชื่อที่รวบรวมมาจากการเกณฑ์คนโดยกระทรวงมหาดไทยที่ออกคำสั่งดังกล่าวนำมายัดใส้อ้างใช้ประโยชน์เพื่อการนี้ โดยจะระบุว่าเป็นความเห็นพ้องของประชาชนส่วนใหญ่ ไม่จำเป็นต้องทำประชามติแล้ว เพราะมีรายมือ ลายเซ็นของประชาชนทั้งหมดแล้วที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูฯ 50
นายประมวลล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการรถขนส่งทั้งรถบัส รถตู้ว่าถูกเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดออกคำสั่งห้ามรับผู้โดยสารหรือพี่น้องประชาชนที่ต้องการเหมารถเพื่อใช้เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ โดยเกรงว่าจะขนผู้ชุมนุมมาร่วมกับกลุ่มของ อพส. แถมเจ้าหน้าที่ขนส่งมีการข่มขู่ โดยการจดหมายเลขทะเบียนรถรับจ้างเหล่านี้ พร้อมชื่อเจ้าของรถโดยคาดโทษไว้ว่าจะถอนใบอนุญาตและไม่ต่อใบอนุญาตในการวิ่งขนส่งเพื่อใช้ประกอบอาชีพอีกด้วยและมีการร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมากในเกือบทุกภาค จึงอยากถามรัฐบาลโดยเฉพาะนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัต รว่านี่หรือคือพฤติกรรมของผู้นำที่มาจากระบอบประชาธิปไตย แต่กลับใช้การข่มขู่คุกคามชาวบ้าน ผู้ประกอบการขนส่งที่เขาต้องทำมาหากิน ทั้งที่คนในรัฐบาลนี้สร้างภาพออกข่าวว่าไม่มีการสกัดผู้ชุมนุมที่สามารถใช้สิทธิแสดงออกได้ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
“วันนี้คนในรัฐบาลนี้ และมวลชนคนเสื้อแดง ต่างกลัวเงาของตัวเอง หรือพูดง่ายๆ คือ กำลังใช้มาตรฐานของพฤติกรรมการกระทำที่ตัวเองได้เคยทำไว้กับสังคมไทย โดยเฉพาะคน กทม. ที่ม็อบแดงเคยขนคนไปปิดล้อมการประชุมอาเซียนซัมมิตที่พัทยา จนผู้นำ 16 ชาติทั่วโลกต้องหนีกระเจิดกระเจิง ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศชาติไปทั่วโลก ยังไม่รวมพฤติกรรมการระดมคนเสื้อแดงปิดถนนราชดำเนินกลาง และแยกราชประสงค์นานกว่า 3 เดือน ทำร้านค้าผู้ประกอบการล้มละลาย สิ้นเนื้อประดาตัว ตั้งกองกำลังชายชุดดำยิงตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย และส่งท้ายด้วยการเผาบ้านเผาเมืองจนคนกรุงเทพฯ หวาดกลัวม็อบเสื้อแดง รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงเกิดอาการหลอนในพฤติกรรมของตัวเองที่เคยใช้ จึงเร่งประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงกับคนกรุงเทพฯ ทั้งที่กลุ่มผู้ชุมนุม อพส.ยังไม่ได้เริ่มรวมตัวชุมนุม รัฐตำรวจของรัฐบาลนี้ก็ก่อม็อบตำรวจขึ้นมาเองแล้ว ที่สำคัญ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เคยระบุในสภาเองว่า พ.ร.บ.ความมั่นคงมีวัถุประสงค์ที่จะประกาศใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ แต่กลับเอามาใช้กับคน กทม.แทน อย่างนี้ไม่เรียกว่ากลัวจนขี้ขึ้นหัวก็ไม่รู้จะว่าอะไร และมีชาติเดียวในโลกที่เหตุยังไม่เกิดก็ประกาศใช้เรียกแขก ข่มขู่ประชาชนเช่นนี้” นายประมวลกล่าว