xs
xsm
sm
md
lg

“เหลิม บางบอน” ขาสั่น ชิ่งหนีแก้ไฟใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
ทำปากกล้าพร้อมเผชิญหน้าทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวใด แต่เอาเข้าจริง “เหลิม บางบอน” ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายรัฐมนตรี ในคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 3 ก็ออกอาการขาสั่นอย่างไม่ปิดบังอำพรางเมื่อมีกระแสข่าวว่าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องความมั่นคงและแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จนถูกฝ่ายค้านแขวะเอาว่าถ้าชายอกสามศอกใน ครม.ยิ่งลักษณ์ไม่มีใครกล้ารับงานแก้ไฟใต้ก็ให้เอาปี๊บคลุมหัว แล้วส่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ หญิงหน้าหวาน ศันสนีย์ นาคพงศ์ ลงไปสู้กับโจรใต้แทน

“ความสามารถผมไม่ถึง ไม่เชี่ยวชาญ และคิดว่านายกฯ มีหลายคนที่เลือกได้” ร.ต.อ.เฉลิมตอบคำถามที่ว่าหากได้รับมอบหมายให้ไปดูแลงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะไหวหรือไม่

จะว่าไปแล้วไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายที่ไม่มีใครอยากเข้ามารับผิดชอบแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทุกวันไม่มีว่างเว้น นับแต่เหตุการณ์ปล้นปืนที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ม.ค. 2547 เป็นต้นมาจนบัดนี้ ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหน ไม่ว่ารัฐมนตรีคนใด ไม่ว่าจะใช้ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีใด ก็ล้วนแต่เอาไม่อยู่ทั้งนั้น และหากใครเผลอไปคุยโวโอ้อวดว่าควบคุมสถานการณ์ให้สงบได้ดีขึ้นเมื่อใด เมื่อนั้นก็จะมีเหตุการณ์รุนแรงตามมาเหมือนท้าทายตอบโต้ในทันทีไม่มีจบสิ้น

แต่ถ้าหากถามว่า การแก้ไขปัญหาไฟใต้มีอะไรอยู่ในหัวรองฯ เฉลิมบ้าง ต้องย้อนกลับไปดูผลงาน เพราะเมื่อไม่นานมานี้รองฯ เฉลิมคนนี้แหละเคยได้รับมอบหมายให้ดูแลปัญหาไฟใต้มาแล้ว

กล่าวคือ เมื่อเดือน ส.ค. 55 ที่ผ่านมานี่เอง นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มอบหมายให้ 3 รองนายกรัฐมนตรีประสานมือบูรณาการแก้ไขปัญหาภาคใต้ร่วมกัน โดยมอบหมายให้รองฯ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ดูแลด้านทหาร รองฯ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ดูแลสายมหาดไทย และ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง ดูแลตำรวจ หลังจากนั้นก็มีการทำคลอดผลงานเอกอุสู่สายตาสาธารณชน คือการตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) ขึ้นในกรุงเทพมหานคร หรือที่รู้จักกันในชื่อสุดเท่ “เพนตากอน 2” เพื่อเป็นหน่วยงานระดับนโยบายบูรณาการ 17 กระทรวง 66 หน่วยงานให้ทำงานด้วยกันอย่างมีเอกภาพ

คราวนั้นรองฯ เฉลิมแห่งเพนตากอนยืนยันมั่นเหมาะว่า เมื่อมีสามรองนายกฯ เข้ามาดูแลปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าทุกอย่างจะดีกว่าเดิม ทุกอย่างจะกระชับขึ้น และมั่นใจว่าการประสานงานจะเร็วกว่าเดิม ขณะที่กระแสตอบรับจากสังคมจากการจัดตั้ง “เพนตากอน 2” ของรองฯ เฉลิม ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าทำให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนกับหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ทำหน้าที่รับผิดชอบปัญหานี้อยู่แล้ว รวมทั้งซ้ำซ้อนกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่จัดตั้งขึ้นมาตามกฎหมาย

เพนตากอน 2 จึงถูกต่อต้านจากหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่แต่เดิมกระทั่งบานปลายกลายเป็นเรื่องราวขู่ฟ้องร้องกันถึงโรงถึงศาล มิหนำซ้ำโจรใต้ยังหยามหน้ารองฯ เฉลิม โดยต้อนรับการจัดตั้งเพนตากอน 2 ด้วยการบึ้มโรงแรมซีเอสปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย

ถึงวันนี้ เพนตากอน 2 ที่มีสถานะเป็นเพียงหน่วยงานลอยๆ ไม่มีอะไรรองรับกำลังเคว้งคว้างเป็นลูกผีลูกคนเมื่อ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ผู้รับผิดชอบหน่วยงานนี้ตัวจริงหลุดโผ ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ไปเรียบร้อย และไม่มีใครเอ่ยถึงเพนตากอน 2 อีกเลย รูปการณ์จึงเป็นตามที่หลายฝ่ายคาดหมายเอาไว้แต่ต้นว่าเรื่องปาหี่ดังกล่าวเป็นแค่การสร้างข่าวกลบความไร้ฝีมือแก้ไขปัญหาของรัฐบาลเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม นักการเมืองอย่างรองฯ เฉลิมยังเคยโชว์ออฟว่ารู้เรื่องปัญหาชายแดนใต้ดีว่ามีปัญหามาจากไหน ทำไมไฟใต้ถึงยังไม่จบ พร้อมคุยโวในการตอบกระทู้สดในสภาฯ ว่า รัฐบาลมีรายชื่อผู้ก่อความไม่สงบโดยทหารได้รายงานมาให้ว่าเป็นใครบ้าง มีการระบุจำนวนผู้ก่อการร้ายที่สามารถพิสูจน์ทราบได้ 9,400 คน แบ่งเป็นแกนนำและกองกำลัง 2,600 คน ส่วนที่เหลือเป็นแนวร่วมกองกำลังเพิ่มเติม ซึ่งโครงสร้างและรายชื่อผู้ก่อความไม่สงบรัฐบาลมีหมดแล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น รองฯ เฉลิมยังโอ่อีกว่ามีรายละเอียดว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มผู้เสียประโยชน์จากการใช้กฎหมาย และมีนักการเมืองชั่วๆ เข้าไปเกี่ยวข้อง บางคนค้าน้ำมันเถื่อนทั้งในทะเลและบนบก เปิดบ่อนการพนันที่รอยตะเข็บชายแดนมาเลเซีย ใช้กองทัพมดขนสินค้าหนีภาษีแล้วสร้างอิทธิพลท้องถิ่น และอีกส่วนหนึ่งเป็นพวกค้ายาเสพติดขนมาจากภาคเหนือทยอยลงภาคใต้ เรื่องนี้กองทัพรู้แล้วก็บอกรัฐบาล

ฟังจากการคุยโวโอ้อวดของรองฯ เฉลิมแบบว่ารู้ไปหมด ก็น่าจะทำให้การแก้ไขปัญหาไฟใต้บรรเทาเบาบางลงได้ เพราะคุยหนักหนาว่ารู้ทั้งโครงสร้าง รู้ทั้งรายชื่อผู้ก่อความไม่สงบ รู้กระทั่งว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่กลับกลายเป็นว่าสถานการณ์ไฟใต้ก็ยังคุโชนเช่นเดิม

หลังจากนั้นไม่ทันไร รองฯ เฉลิมก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนรับบัญชาจากนายกรัฐมนตรี ให้ประสานกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ พร้อมกับเปลี่ยนท่าทีจากที่เคยใส่ไฟว่ามีนักการเมืองชั่วบางคนอยู่เบื้องหลังความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ ก็หันมายกยอพรรคประชาธิปัตย์ว่ารู้ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้มากกว่าคนอื่นเพราะมี ส.ส.ในพื้นที่จำนวนมาก

และอยากให้มองว่าการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของคนทั้งชาติ ไม่อยากให้มีการตั้งแง่ ขอให้เข้ามาช่วยกัน และหากเหตุการณ์สงบขึ้นมา รัฐบาลไม่อายที่จะบอกว่าเป็นฝีมือของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายถาวร เสนเนียม เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นต่อให้มีอีก 10 รัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ไขได้ แต่จะมีความเบาบางลงมากน้อยเพียงใดก็แล้วแต่สถานการณ์ เพราะเรื่องนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

แต่ในที่สุด การสร้างภาพร่วมมือแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่เชิญหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านมาร่วมปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูล ก็จบลงแบบไม่มีอะไรในกอไผ่เหมือนเดิม ทั้งที่หากฟังจากปากคำของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้าร่วมถกปัญหาก็มีข้อเสนอหลายประการให้รัฐบาลนำไปปรับใช้และทำให้ชัดเจน เช่น นโยบายการเมืองนำการทหารจะต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง การใช้และการเลือกใช้บุคลากรที่จะทำให้เกิดความไว้วางใจจะต้องไปในลักษณะใด ฯลฯ

หากมองลีลาการชิ่งหนีไม่อยากเข้ามาแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ในเวลานี้ของรองฯ เฉลิม ยังดูเหมือนกับเป็นหนังคนละม้วนกับที่เคยฉายโชว์ต่อสาธารณะ เพราะถ้ายังจำกันได้ รองฯ เฉลิมคนนี้เคยร่ำร้องอยากให้รัฐบาลมอบอำนาจให้ในระดับที่สามารถตัดสินใจได้ในการแก้ไขปัญหาไฟใต้

ครั้งนั้น รองฯ เฉลิมเตรียมการผลักดันแนวคิดให้มีการปกครองรูปแบบพิเศษในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยให้ประชาชนเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและมีการปกครองตัวเองส่วนหนึ่ง โดยรัฐบาลกลางทำหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลเหมือนกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และเมืองพัทยา จ.ชลบุรี รูปแบบนี้จึงไม่ใช่การแบ่งแยกดินแดน และไม่เข้าทางของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เชื่อว่าการเสนอแนวคิดนี้จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่สุดท้ายข้อเสนอนี้ของ ร.ต.อ.เฉลิมก็เงียบหายไปกับสายลม เพราะมีหลายฝ่ายไม่เอาด้วย

ถึงที่สุดแล้ว เมื่อเจอปัญหาที่เป็นของจริง ยุ่งยาก ซับซ้อน แก้ไขไม่ได้ง่ายๆ เพียงแค่พ่นลมปากไปวันๆ บวกกับอาการผิดหวังที่ไม่ได้นั่งตำแหน่ง รมว.มหาดไทยที่ใฝ่ฝัน รองฯ เฉลิมจึงยืนกราน “ผมคงไม่ดูแล เพราะไม่เหมาะสม ไม่มีความรู้ไม่มีความสามารถพอ ฝ่ายการเมืองไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง เพราะทหารกำลังแก้ไขปัญหาได้ดี โดยให้ พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมดูแล และมีนายกรัฐมนตรีกำกับ และเชื่อว่าการประสานงานในแต่ละกระทรวงจะไม่มีปัญหา และยืนยันว่าไม่ต้องมีรองนายกรัฐมนตรีดูแลงานความมั่นคง เพราะประเทศมั่นคงอยู่แล้ว

“งานที่ผมดูแลเรื่องยาเสพติด ปราบปรามยาเสพติดก็มีมากพอ ถ้ามากกว่านี้จะทำไม่ไหว คดีในภาคใต้ก็ลดลงแล้ว ซึ่งผมได้บอกนายกรัฐมนตรีแล้วไม่พร้อมจะดูแลปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อะไรที่ไม่ถนัดผมก็บอกท่านว่าไม่พร้อม และไม่เกี่ยวกับการที่ไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะไม่อยากเป็นอยู่แล้ว” รองฯ เฉลิมยืนยัน และบอกเป็นนัยให้รู้ว่าถ้าไม่ให้ก็ไม่ทำโดยอ้างไม่พร้อม

ทั้งที่จริงแล้วใครๆ เขาก็รู้ว่า รองฯ เฉลิม มีแต่ราคาคุย
กำลังโหลดความคิดเห็น