วุฒิสภาเริ่มอภิปรายรัฐแล้ว!! รัฐใส่ใจงานสภา? ส่ง "พฤณฑ์ - วรวัจน์ - วราเทพ" ฟังซักจำนำข้าวแทนรมต.เจ้ากระทรวงที่เกี่ยวข้อง "ส.ว.ไพบูลย์" ชี้โครงการช่วยคนจนไม่จริง แถมขายไม่โปร่งใส ทำชาติขาดทุนย่อยยับ ด้าน "ส.ว.วิชาญ" จวกนายกฯ ไม่เคยแก้ปัญหาบ้านเมือง ไม่เคยตอบกระทู้วุฒิฯ แถลงสื่ออย่างลับหลังอีกอย่าง
วันนี้ (23 พ.ย.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.10 น. การประชุมวุฒิสภานัดพิเศษของสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเปิดอภิปรายทั่วไปคณะรัฐมนตรี โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งทางรัฐบาลได้ส่ง พลเอก พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนในการชี้แจง ต่อมานายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.วรรหา ผู้เสนอญัตติโครงการรับจำนำข้าว เป็นผู้อภิปรายคนแรก โดยนายไพบูลย์ กล่าวว่า ข้อดีของโครงการรับจำนำข้าวในครั้งนี้คือ การให้ความสำคัญของชาวนาที่ทุกคนจะต้องพูดถึชาวนา ซึ่งโครงการดังกล่าวที่รัฐบาลนำเอามาเป็นโยบายดูเหมือนจะมีแต่ประโยชน์ แต่ในความจริงแล้วข้อเสียของโครงการนี้คือการช่วยเหลือชาวนาที่ไม่ได้ยากจนหรือลำบากอย่างเช่นชาวนาในภาคกลาง แต่ชาวนาในภาคอีสานกลับไม่ได้รับการช่วยเหลือใด อีกทั้งรัฐบาลช่วยเหลือชาวนาได้เพียงแค่ 1 ล้านครอบครัว จากที่ประเทศไทยมีชาวนาประมาณ 4 ล้านครอบครัว
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นของโครงการรับจำนำ คือ กระบวนการขายข้าวที่ความไม่โปร่งใสและไม่ชอบมาพากล ซึ่งตนในฐานะที่เป็นกรรมาธิการที่ศึกษาเรื่องนี้ พบว่ารัฐบาลไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลในการขายข้าวได้อย่างชัดเจนตามที่กรรมาธิการได้ร้องขอไป โดยอ้างว่าหากมีการเปิดเผยจะเป็นการกระทบต่อความมั่นคงระหว่างประเทศผู้ขายกับผู้ซื้อ ซึ่งในความจริงแล้วการค้าขายระดับประเทศกว่าพันล้านบาท ไม่สมควรที่จะมีการปกปิดข้อมูลแบบลับ ๆ ล่อ ๆ อาจจะเป็นเพราะว่ามีเรื่องไม่ดีอยู่ในนั้น จึงเปิดเผยไม่ได้ แต่หากรัฐมนตรีเห็นว่าเรื่องที่ตนพูดไม่เป็นความจริงก็ขอให้นำเอาเอกสารที่เกี่ยวกับการซื้อขายข้าวทั้งหมดมาชี้แจงในที่ประชุมในวันที่ 28 พ.ย.นี้ได้
นายไพบูลย์ ยังกล่าวต่อว่า โครงการรับจำนำข้าวส่งผลให้ประเทศขาดทุนอย่างย่อยยับจากการค้างสต๊อกที่ทำให้ขายเสื่อมคุณภาพ ที่สภาพข้าวจะเหมือนกับข้าว 10 ปี ที่จะทำให้ราคาตกต่ำลงจากราคาที่ซื้อมาจากชาวนา ที่รัฐบาลกำลังจะก่อให้เกิดหนี้สาธารณะที่เกิดจากโครงการนี้ รัฐบาลทำงานเหมือนขี้ช้างจับตั๊กแตน ขอให้รัฐบาลทบทวนว่าอย่าไปคำนึงเพียงแค่ประเทศไทยจะต้องเป็นผู้ส่งออกข้าวจำนวนมากที่สุด เพราะหากส่งออกมากขาดทุนมาก ประเทศชาติก็จะต้องประสบกับปัญหาอย่างน่นอน อีกทั้งรัฐบาลจะต้องช่วยเหลือชาวนาที่ยากจนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ช่วยเหลือโรงสี พ่อค้าคนลาง และโรงงานต่าง ๆ ยุทธศาสตร์ต่าง ๆในโครงการจำนำข้างรัฐบาลจะต้องทบทวนและกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ ๆ ที่รอบคอบกว่านี้ และที่สำคัญรัฐบาลจะต้องเปิดเผยข้อมูลที่มีความโปร่งใสต่อสาธารณะชน เพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้ช่วยกันดูช่วยกันแก้ไขได้
ด้านนายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา ในฐานะผู้เสนอญัตติ กล่าวว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชมการทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ที่ไม่นิยมตอบโต้ทางการเมือง ที่ถือว่าเป็นข้อดีที่จะทำให้การเล่นเกมการเมืองลดน้อย แต่นายกรัฐมนตรีกลับปล่อยให้ผู้ใหญ่ในพรรครัฐบาลเล่นเกมการเมืองอย่างมากมาย อีกทั้งนายกฯยังไม่เคยได้ใช้เวทีของรัฐบาลเป็นการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง ตลอดการทำงานของนายกฯไม่เคยเข้ามาทำหน้าที่ตอบข้อสงสัยของวุฒิสภาเลย การออกมาแถลงต่อหน้าสื่อมวชนหลาย ๆ ครั้งดูเหมือนว่านายกฯจะให้ความสำคัญในระบอบรัฐสภา แต่การปฎิบัติตัวกลับไม่เป็นเช่นนั้น หลาย ๆ คนอาจจะมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถือว่ามีความสำคัญที่จะทำให้นโยบายการขับเคลื่อนของประเทศเดินหน้าไปได้ และที่สำคัญคือรัฐสภาถือเป็นการชี้แจงนโยบายและทำความเข้าใจกับประชาชนที่เลือกพวกเราเข้ามาเป็นตัวแทน ซึ่งตัวนายกฯ เองถือเป็นตัวแทนของคนรุ่งใหม่ที่น่าจะสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองที่สร้างสรรค์ขึ้น ตนอยากจะให้นายกฯหาเวลามาตอบกระทู้หรือข้อสงสัยของทั้ง ส.ส.และ ส.ว.บ้าง