“ชวนนท์” อัด รบ.ไม่ดูตัวเอง ชี้ไม่จริงใจปรองดอง เลี่ยงตอบสภาฯ ลืมตัวม็อบแดงมาจากข้างถนน ดูถูก ปชช. เป็นเหตุคนร่วม อพส.ไล่ ซัดมีหน้าใช้ พ.ร.บ.มั่นคงทั้งที่ไม่เริ่มชุมนุม ทำการท่องเที่ยวเสียหาย กทม.รถติดยับ บี้ “เฉลิม” ปั้นข่าวใบปลิว ปปช.หลบสวนจิตรลดาหวังดึงเบื้องสูง ย้อนสอบใบปลิวแดง ขู่เผาแถมพกอาวุธ โยง รบ.จูงจมูกกะใช้เป็นอาวุธเล่นฝ่ายตรงข้าม เตือนระวังไร้แผ่นดินอยู่แบบนายใหญ่
วันนี้ (23 พ.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ขณะนี้ประเทศเข้าสู่สภาวะความตึงเครียดอีกครั้ง จากการที่รัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความมั่นคงในราชอาณาจักร ควบคุมการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ทั้งที่เรื่องดังกล่าวมีต้นเหตุมาจากการทำงานของรัฐบาล 1 ปี ที่สะสมความไม่พอใจของประชาชน 1. ในเรื่องของการสร้างความปรองดอง ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อ้างว่าเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล แต่ 1 ปีที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับไม่เคยใส่ใจกับกระบวนการสร้างความปรองดองของประเทศ เป็นเพียงกระบวนการปรองดองจอมปลอมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องการเท่านั้น เป็นการมุ่งหน้าให้ความช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยการออก พ.ร.บ.ปรองดอง และการนิรโทษกรรม 2. การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์พูดว่าขอให้ใช้สภาในการแก้ปัญหา แต่กลับไม่เคยให้ความสำคัญระบบรัฐสภา 3. การที่บอกว่าไม่อยากให้มีม็อบข้างถนน ทั้งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เคยเข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่วันนี้กลับมาบอกประชาชนไม่ให้ประท้วงข้างถนนแล้วประชาชนคนไหนจะเชื่อคำพูดเพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ประพฤติตัวเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
และ 4. การที่รัฐบาลดูถูกและใส่ร้ายประชาชน ซึ่งวันนี้ไม่ว่า พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พูดดูถูกประชาชน ซึ่งการที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดว่าม็อบคงไม่มากเพราะเงินไม่พอนั้น คงเป็นการติดนิสัยตัวเองที่ประเมินปริมาณคนจากปริมาณเงิน ทั้งที่การออกมาต่อสู้ของประชาชนเพื่อประเทศชาติไม่ได้สู้เพื่อเงิน ตลอดจน น.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็ใส่ร้ายประชาชนว่าจะมีการบุกสถานที่สำคัญ ทั้งที่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยืนยันว่าจะไม่บุก และเป็นการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ซึ่งเป็นเงื่อนไขให้การชุมนุมขยายตัว
“ขณะนี้รัฐบาลผลักประชาชนกลุ่มหนึ่งไปเป็นศัตรู ฝ่ายตรงข้าม และพร้อมที่จะห้ำหั่นผู้ชุมนุม โดยหากมีการชุมนุมยืดเยื้อไม่สามารถควบคุมได้ เชื่อว่าจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงที่รัฐบาลส่งมาสร้างเหตุปะทะผู้ชุมนุม และหากเหตุการณ์บานปลายก็จะอนุมัติให้มีการใช้อาวุธกับประชาชน เพื่อปราบปรามให้เด็ดขาด จึงอยากให้รัฐบาลคิดให้ดีว่าอยากกำจัดประชาชนที่เห็นต่างไปจากประเทศไทยใช่หรือไม่” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นายชวนนท์ยังกล่าวถึงกรณีรัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความมั่นคงฯ ควบคุมการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ว่า เป็นการประกาศใช้โดยไม่ได้ยึดพื้นฐานของข้อเท็จจริง เพราะประชาชนยังเดินทางมาไม่ถึง กทม. แต่กลับมีการระดมกำลังตำรวจ 6-7 หมื่นนายมาชุมนุมทำให้รถติด และเป็นการส่งสัญญาณไปต่างประเทศ เพราะต่างประเทศไม่รู้ว่า พ.ร.บ.ความมั่นคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือกฎอัยการศึกมีรายละเอียดอย่างไร เขาคำนึงเพียงว่าไม่ควรเดินทางมาเพราะจะไม่ปลอดภัย ซึ่งการที่รัฐบาลประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวโดยไม่คำนึงถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพราะเป็นช่วงเวลาไฮซีซันของการท่องเที่ยว และมีการสร้างบรรยากาศเผชิญหน้าระหว่างประชาชนกับรัฐบาล และการที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี อ้างว่าต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เนื่องจากมีการแจกใบปลิวที่ จ.นครราชสีมา ทำนองว่าหากมีเหตุรุนแรงให้เข้าไปในสวนจิตลดานั้น
“หากเป็นเรื่องจริง ร.ต.อ.เฉลิม ต้องหาที่มาที่ไปและข้อเท็จจริงของใบปลิวดังกล่าวก่อนจะนำมาเป็นข้ออ้างประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และกรณีนี้เป็นเพียงใบปลิว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ร.ต.อ.เฉลิมกำลังดึงสถาบันเบื้องสูงเข้ามาเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ซึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสม แต่ใบปลิวที่อ้างว่าเป็นของกลุ่ม นปช. มีใจความระบุให้เตรียมความพร้อม โดยเตรียมน้ำมันใส่ขวดกระทิงแดง เตรียมอาหารแห้งให้อยู่ได้ 14 วัน ให้แกนนำเดินทางขึ้นเหนือพร้อมอาวุธ เอารถไปล้อมค่ายทหาร ทำไม ร.ต.อ.เฉลิมไม่นำใบปลิวนี้พิจารณาบ้าง และทำไมไม่ป้องกัน หรือจะสรุปว่าการเตรียมตัวของคนเสื้อแดงเป็นอาวุธหนึ่งของรัฐบาลใช่หรือไม่ เมื่อรัฐบาลใช้อาวุธที่ถูกกฎหมายกับประชาชนไม่ได้ แต่กำลังให้อำนาจที่ผิดกฎหมายกับประชาชนอีกกลุ่มเพื่อรังแกอีกกลุ่มใช่หรือไม่ เป็นการติดอาวุธให้ประชาชนฆ่าประชาชนซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำลังจะทำใน 2-3 วันนี้ และหากมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงจะเป็นจุดจบของรัฐบาล และหลายคนจะไม่มีแผ่นดินอยู่เหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ” นายชวนนท์กล่าว