ผอ.สำนักสันติวิธีฯ ย้ำมะกันจอดเรือรบในไทยจริง

“พล.อ.เอกชัย” ย้ำอเมริกาเข้ามาจอดเรือรบนิวเคลียร์บรรทุกเครื่องบินที่แหลมฉบังจริง เคยได้รับเชิญให้ไปชมแสนยานุภาพมากับตา ชี้ไทยไม่มีทางสงบสุขเพราะเป็นทางผ่านของมหาอำนาจไปสู่ “ใจโลก” ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากร เตือนรัฐบาลดำเนินนโยบายความสัมพันธ์ “จีน-สหรัฐฯ” ให้รอบคอบ อย่าเลือกข้างใดข้างหนึ่ง

วันที่ 20 พ.ย. พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า กล่าวในรายการ “คนเคาะข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ถึงกรณีให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงการที่อเมริกาเข้ามาตั้งฐานทัพเรือที่แหลมฉบัง โดยอ้างว่าเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม แต่จริงๆคือเรือรบนิวเคลียร์ที่มีอยู่แค่ 1 ใน 6 ลำของสหรัฐฯ

พล.อ.เอกชัยกล่าวยืนยันว่า เรือรบอเมริกาไม่ได้เข้ามาครั้งแรก แต่มาเป็นครั้งที่ 4 แล้ว และไม่ได้ปิดบัง โดยในวันที่ 6 ส.ค. 2011 เขาได้เชิญคนกลุ่มต่างๆ ให้ไปเยี่ยมชมสมรรถนะของเรือ ซึ่งตนก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับบัตรเชิญให้ไปดูด้วย เรือนี้ชื่อว่า ยู.เอส.เอส. จอร์จ วอชิงตัน เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่เรียกได้ว่าไปที่ไหนสามารถปฏิบัติการได้ทันที แล้วยังมีเรือลูกอีกหลายลำ แม้อาจจะยังพูดไม่ได้ชัดเจนว่าเป็นการมาตั้งฐานทัพ แต่ระยะหลังมาถี่ขึ้น การที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม บอกว่าไม่ทราบก็อาจเป็นไปได้ เพราะมันต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2551 เข้ามาเพื่อเอากองกำลังพลมาพัก ส่วน พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ก็ไม่ทราบเช่นกัน เป็นไปได้ที่อาจเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาต

โดยการเข้ามาใช้ฐานทัพเรือนี้ ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ความมั่นคงของอเมริกา เนื่องจากมีการวิเคราะห์กันว่าจีนจะเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในปี 2025 แล้วที่จะมาแรงอีกก็คืออินเดีย ฉะนั้นเราทิ้งจีนกับอินเดียไม่ได้ แล้วอีกไม่เกิน 30 ปี ประชากรมุสลิมทั่วโลกจะมากถึง 3,800 ล้านคน เป็นสิ่งที่น่าจับตามอง

พล.อ.เอกชัยกล่าวชี้แจงถึง “ทฤษฎีใจโลก” หรือ Heartland Theory ที่มหาอำนาจต้องการรุกคืบเข้าสู่ประเทศที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยาการ นั่นก็คือ “ยูเรเซีย” หรือเกือบทั้งหมดของยุโรปกับเอเชียตอนบน แต่การที่จะเข้าไปยังใจโลกได้ต้องผ่านดินแดนโดยรอบ หรือที่เรียกว่า “ขอบโลก” หรือ Rimland ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในขอบโลก

พล.อ.เอกชัยกล่าวต่อว่า ยุทธศาสตร์ของอเมริกาที่เรียกว่า “ซีเพาเวอร์เทวนตี้วัน” ให้ความสำคัญ 4 ภูมิภาคทั่วโลก คือ 1. ยุโรปโดยเฉพาะยุโรปตะวันออก พอให้ความสำคัญยุโรปก็เริ่มปั่นป่วน ลุกเป็นไฟ มีเผายางรถ ปาระเบิด ฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ ก็โดนไปแล้ว 2. เอเชียตะวันออก ก็คือไต้หวัน แต่ก็เอาไม่อยู่ วันนี้ไต้หวันเริ่มเอนเอียงไปหาจีนแล้ว 3. เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ คือ เกาหลี ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นฐานทัพอเมริกาไปแล้ว 4. เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ปี 48 ไทย อินโดฯ มาเลเซีย ก็เริ่มปั่นป่วนเพราะเขาเคลื่อนไหวไปหมด

กลุ่มประเทศซีไอเอส (ประเทศที่แตกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียต) ก็ปั่นป่วนไปหมด เพราะนี่คือเส้นทางไปสู่ยูเรเซีย

ผอ.สำนักสันติวิธีฯ กล่าวอีกว่า การที่สหรัฐฯให้ไทยลงนามยุทธศาสตร์ความมั่นคง 2012 นั่นก็เป็นยุทธศาสตร์ที่เขาเคลื่อน แต่เราต้องมองว่าไทยจะอยู่อย่างไร รัชกาลที่ 5 เคยใช้วิเทโศบายไม่ให้ตกเป็นเมืองขึ้น ไทยต้องเดินตามอย่างนี้ เพราะอย่างไรไทยก็ไม่สงบสุขเพราะเป็นทางผ่านของเขา เป็นศูนย์กลางทางคมนาคมทั้งทางเรือ บก อากาศ ในภูมิภาคนี้ทั้งหมด ฉะนั้นเราต้องก้าวให้ดี

ส่วนการมาเยือนประเทศไทยของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พล.อ.เอกชัยกล่าวว่า ตนมองว่านี่คือมีเดียเพาเวอร์ที่นายโอบามาต้องการแสดงตัวว่าอเมริกาให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยมา

การคัดเลือกเอกอัครราชทูตของอเมริกาว่าจะให้ใครไปอยู่ประเทศไหนต้องผ่านสภา ของพม่าคนที่ไปอยู่คือปลัดกลาโหมของอเมริกา โดยมองว่าประเทศนี้เป็นทหารเลยเอาทหารไปเป็นเอกอัครราชทูต แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้มาก และเตรียมสกัดจีนเต็มที่

ผอ.สำนักสันติวิธีฯ ยังกล่าวด้วยว่า ไทยตั้งอยู่ในย่านอิทธิพลการแข่งขันระหว่างอเมริกากับจีน อยู่ตรงกลางเขาควาย ฉะนั้นต้องดำเนินนโยบายรอบคอบ ไปดูตัวเลขคนที่เข้ามาเมืองไทย มากสุดคือมาเลเซีย รองลงมาคือ จีน ตามด้วยรัสเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี และออสเตรเลีย ตามลำดับ ประเทศเหล่านี้มีที่เป็นมิตรกับอเมริกาแบบสุดโต่ง คือญี่ปุ่น เกาหลี แล้วก็มีฝ่ายตรงข้ามอย่างสุดโต่งอย่างจีน รัสเซีย ทำอย่างไรเราต้องพร้อมตรงนี้