ASTVผู้จัดการรายวัน-ทูตพาณิชย์หั่นเป้าส่งออกลง หลังวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปรุนแรงขึ้น คาดทั้งปีส่งออกจะโตเหลือ 7.23% มูลค่า 2.38 แสนล้านเหรียญสหรัฐ “บุญทรง”รับมีความเป็นไปได้สูง แต่ไม่หดเป้าส่งออกที่ 15% หวังใช้เป็นแรงกระตุ้นทำงาน
วานนี้ (13 ก.ย.) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นประธานการประชุมสถานการณ์เศรษฐกิจในต่างประเทศ ร่วมกับหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกสินค้าไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้
โดยนายบุญทรง ได้ย้ำในที่ประชุมว่า จะไม่มีการพูดถึงตัวเลขเป้าหมายการขยายตัวของการส่งออกในปีนี้ จะปรับเหลือเท่าไรจากเป้าหมาย 15% มูลค่าประมาณ 263,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพราะกลัวจะกลายเป็นประเด็นทางการเมือง และขอยึดเป้าดังกล่าวไว้เป็นหลักในการทำงาน โดยได้ขอให้แต่ละสำนักงานฯ ติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ รวมถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย และรายงานมายังกระทรวงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้เร่งหาแนวทางหรือจัดทำมาตรการแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ ในที่ประชุม ตัวแทนทูตพาณิชย์จาก 7 ภูมิภาค ได้แก่ อเมริกาเหนือ, ลาตินอเมริกา, ยุโรปและซีไอเอส, แอฟริกา, ตะวันออกกกลาง, ญี่ปุ่น และอาเซียน ได้รายงานถึงสถานการณ์และปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในแต่ละประเทศ ที่จะมีผลกระทบต่อเป้าหมายการส่งออกของไทย โดยส่วนใหญ่ยืนยันว่าได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป ทำให้ต้องปรับอัตราการขยายตัวของการส่งออกลง ส่วนใหญ่คาดการณ์ขยายตัวลดลงเหลือ 5% จากเดิมที่คาดขยายตัว 10-20% ทั้งในตลาดสหรัฐฯ อินเดีย เกาหลี ตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียใต้ ฮ่องกง ยกเว้นยุโรปที่ไม่มีการขยายตัว จากเป้าเดิม 5% ส่วนประเทศที่คาดว่าจะขยายตัวเกิน 12% มีเพียงจีน อาเซียน อินโดจีน และรัสเซีย
ทำให้คาดการณ์ว่า การส่งออกในปีนี้อาจขยายตัวได้เพียง 7.23% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 238,678.38 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเป้าหมายเดิมที่ 15% มูลค่า 263,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าการส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนในช่วง 5 เดือนที่เหลือจนถึงสิ้นปี ต้องมีมูลค่า 21,374 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมูลค่ารวม 106,869 ล้านเหรียญ
นายบุญทรงกล่าวภายหลังการประชุมว่า การขยายตัวที่ 7.23% น่าจะทำได้ ไม่ถึงกับหีดขึ้นคอ เป็นตัวเลขการทำงานภายในที่ประเมินจากสถานการณ์และเป็นตัวเลขที่ทูตพาณิชย์ทั่วโลกประเมินมา ไม่ได้หมายความว่าจะได้เท่านั้นจริงๆ อาจจะได้มากกว่านี้ก็ได้ ขณะที่แนวโน้มการส่งออกในปีหน้า ยังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และความผ่อนคลายของวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปที่มีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งจะทำให้การส่งออกไปยุโรปขยายตัวดีขึ้น
ส่วนปัญหาน้ำท่วมในต่างจังหวัดจะไม่กระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพราะพื้นที่น้ำท่วมไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ตั้งอยู่
อย่างไรก็ตาม ในด้านการดูแลปัญหาค่าครองชีพในพื้นที่น้ำท่วม ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดและสำนักงานการค้าภายในจังหวัด ติดตามสถานการณ์และป้องกันปัญหาการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าหรือกักตุนสินค้า หรือหากพบว่าสินค้ารายการใดขาดแคลน ก็เร่งจัดหาไปให้ประชาชน ซึ่งจากรายงานของกรมการค้าภายใน ยังไม่พบความผิดปกติ หรือการร้องเรียนใดในเรื่องราคาสินค้า ทั้งนี้ ตนจะลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์น้ำท่วม ที่จ.สุโขทัยและพิษณุโลก เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพิจารณาจากตัวเลขการขยายตัวของการส่งออกที่ทูตพาณิชย์ และภาคเอกชนประเมิน ที่ส่วนใหญ่ปรับลดเหลือ 0-5% ในเกือบจะทุกตลาด มีความเป็นไปได้สูงที่ตัวเลขการส่งออกทั้งปี ไม่น่าจะขยายตัวเกิน 5% ซึ่งจะทำให้ในช่วง 5 เดือนที่เหลืออาจมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนเพียง 18,000-19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่ถึง 21,000-22,000 ล้านเหรียญสหรัฐอย่างที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์
วานนี้ (13 ก.ย.) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นประธานการประชุมสถานการณ์เศรษฐกิจในต่างประเทศ ร่วมกับหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกสินค้าไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้
โดยนายบุญทรง ได้ย้ำในที่ประชุมว่า จะไม่มีการพูดถึงตัวเลขเป้าหมายการขยายตัวของการส่งออกในปีนี้ จะปรับเหลือเท่าไรจากเป้าหมาย 15% มูลค่าประมาณ 263,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพราะกลัวจะกลายเป็นประเด็นทางการเมือง และขอยึดเป้าดังกล่าวไว้เป็นหลักในการทำงาน โดยได้ขอให้แต่ละสำนักงานฯ ติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ รวมถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย และรายงานมายังกระทรวงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้เร่งหาแนวทางหรือจัดทำมาตรการแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ ในที่ประชุม ตัวแทนทูตพาณิชย์จาก 7 ภูมิภาค ได้แก่ อเมริกาเหนือ, ลาตินอเมริกา, ยุโรปและซีไอเอส, แอฟริกา, ตะวันออกกกลาง, ญี่ปุ่น และอาเซียน ได้รายงานถึงสถานการณ์และปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในแต่ละประเทศ ที่จะมีผลกระทบต่อเป้าหมายการส่งออกของไทย โดยส่วนใหญ่ยืนยันว่าได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป ทำให้ต้องปรับอัตราการขยายตัวของการส่งออกลง ส่วนใหญ่คาดการณ์ขยายตัวลดลงเหลือ 5% จากเดิมที่คาดขยายตัว 10-20% ทั้งในตลาดสหรัฐฯ อินเดีย เกาหลี ตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียใต้ ฮ่องกง ยกเว้นยุโรปที่ไม่มีการขยายตัว จากเป้าเดิม 5% ส่วนประเทศที่คาดว่าจะขยายตัวเกิน 12% มีเพียงจีน อาเซียน อินโดจีน และรัสเซีย
ทำให้คาดการณ์ว่า การส่งออกในปีนี้อาจขยายตัวได้เพียง 7.23% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 238,678.38 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเป้าหมายเดิมที่ 15% มูลค่า 263,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าการส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนในช่วง 5 เดือนที่เหลือจนถึงสิ้นปี ต้องมีมูลค่า 21,374 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมูลค่ารวม 106,869 ล้านเหรียญ
นายบุญทรงกล่าวภายหลังการประชุมว่า การขยายตัวที่ 7.23% น่าจะทำได้ ไม่ถึงกับหีดขึ้นคอ เป็นตัวเลขการทำงานภายในที่ประเมินจากสถานการณ์และเป็นตัวเลขที่ทูตพาณิชย์ทั่วโลกประเมินมา ไม่ได้หมายความว่าจะได้เท่านั้นจริงๆ อาจจะได้มากกว่านี้ก็ได้ ขณะที่แนวโน้มการส่งออกในปีหน้า ยังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และความผ่อนคลายของวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปที่มีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งจะทำให้การส่งออกไปยุโรปขยายตัวดีขึ้น
ส่วนปัญหาน้ำท่วมในต่างจังหวัดจะไม่กระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพราะพื้นที่น้ำท่วมไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ตั้งอยู่
อย่างไรก็ตาม ในด้านการดูแลปัญหาค่าครองชีพในพื้นที่น้ำท่วม ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดและสำนักงานการค้าภายในจังหวัด ติดตามสถานการณ์และป้องกันปัญหาการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าหรือกักตุนสินค้า หรือหากพบว่าสินค้ารายการใดขาดแคลน ก็เร่งจัดหาไปให้ประชาชน ซึ่งจากรายงานของกรมการค้าภายใน ยังไม่พบความผิดปกติ หรือการร้องเรียนใดในเรื่องราคาสินค้า ทั้งนี้ ตนจะลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์น้ำท่วม ที่จ.สุโขทัยและพิษณุโลก เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพิจารณาจากตัวเลขการขยายตัวของการส่งออกที่ทูตพาณิชย์ และภาคเอกชนประเมิน ที่ส่วนใหญ่ปรับลดเหลือ 0-5% ในเกือบจะทุกตลาด มีความเป็นไปได้สูงที่ตัวเลขการส่งออกทั้งปี ไม่น่าจะขยายตัวเกิน 5% ซึ่งจะทำให้ในช่วง 5 เดือนที่เหลืออาจมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนเพียง 18,000-19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่ถึง 21,000-22,000 ล้านเหรียญสหรัฐอย่างที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์