“องอาจ” ชี้ รบ.วางกลยุทธ์ลดความสนใจศึกซักฟอก ขวาง ปชช.ร่วมม็อบ “เสธ.อ้าย” บี้เป็น ปชต.ต้องพร้อมถูกสอบ หยุดกุข่าว ถามหาเกียรติ “ภราดร” เป็นสภาความั่นคงอย่าทำลายความมั่นคงรับใช้นักการเมือง จี้จัดการแดงเทียม “ชวนนท์” อัด รบ.ขวางคนเห็นต่างไม่เป็น ปชต. สั่งหน่วยงานไล่บี้ห้ามร่วมชุมนุม ปล่อยข่าวมั่ว แต่เชื่อทำ ปชช.ร่วมพิทักษ์สยามเพิ่ม ยก รบ.-สาวกแดงเก่งเรื่องจัดม็อบรับจ้าง
วันนี้ (20 พ.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ว่า ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินการกลยุทธ์ 2 ด้าน 1. ความพยายามลดความสนใจของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2. ลดกระแสการรวมตัวผู้ที่จะร่วมชุมนุมของ อพส.โดยใช้วิธีการกระพือข่าวความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในการชุมนุม มีการกระพือข่าวเรื่องมือที่ 3 แดงเทียมเข้ามาปะปนกลุ่มผู้ชุมนุม ตลอดจนการซ่องสุมอาวุธ เพื่อเป็นการลดทอนกำลังของผู้ชุมนุม ทั้งที่เป็นการชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ หากรัฐบาลมีความจริงใจต่อการปกครองและตรวจสอบตามระบอบประชาธิปไตย ต้องยุติการดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่สามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์ รวมไปถึงการชุมนุมของ อพส.ด้วย
“หากรัฐบาลดำเนินกลยุทธ์ทั้งสองด้านอยู่ เท่ากับว่าไม่มีความจริงใจต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย มองผู้ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญเป็นศัตรู หรือคู่กรณี และมองการตรวจสอบของฝ่ายค้านเป็นเรื่องที่ต้องหาทางขัดขวาง จึงขอให้ยุติการดำเนินการดังกล่าว เพราะไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลแต่อย่างใด” นายองอาจกล่าว
นายองอาจกล่าวถึง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ออกมาระบุว่ามีการเตรียมคน 5,000 คนซึ่งเป็นเสื้อแดงเทียมมาปะปนการชุมนุมของ อพส.ว่า การให้สัมภาษณ์ของ พล.ท.ภราดรในครั้งนี้ ตนไม่แน่ใจว่าอยู่ในฐานะเลขาฯ สมช. หรือเลขาฯ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กันแน่ เพราะหากรู้ว่ามีการเคลื่อนไหวที่นำไปสู่การสุ่มเสี่ยงให้เกิดความรุนแรง เป็นหน้าที่ของ สมช.ที่จะทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยุติการดำเนินการนั้น เมื่อ สมช.มีข้อมูลการระดมคน การเตรียมเสื้อก็ควรดำเนินการ ไม่ควรแถลงข่าวเป็นโฆษก นปช.
“หาก พล.ท.ภราดรไม่ดำเนินการยุติหรือยับยั้งใดๆ แต่เพียงแค่กุข่าวเรื่องนี้ ผมคิดว่า สมช.กำลังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความรุนแรง และเป็นองค์กรที่ทำลายความมั่นคงของประเทศเสียเอง ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่มีการชุมนุมขอเรียกร้องให้ สมช.รักษาเกียรติยศขององค์กรที่ทำงานด้านความมั่นคง อย่ายอมเป็นทาสรับใช้นักการเมืองในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ควรทำตัวเป็นหลังด้านความมั่นคงให้แก่ประเทศ” นายองอาจกล่าว
ขณะที่ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์แถลงว่า ขณะนี้รัฐบาลมีกลยุทธ์บริหารประเทศแบบไม่เป็นประชาธิปไตย คือ คุกคาม ข่มขู่ และไม่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความคิดเห็นต่างได้มีเวทีแสดงออก โดยขณะนี้มีขบวนการที่จะพยายามสกัดกั้นมวลชนที่จะเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยาม ในวันที่ 24 พ.ย.ที่จะถึงนี้ ซึ่งขณะนี้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดถูกสั่งการจากรัฐบาลให้สกัดกั้นมวลชนที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯในช่วงเวลาสุดสัปดาห์นี้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพูดคุย เจรจา การขอร้อง หรือกระทั่งการข่มขู่และภาคทัณฑ์ข้าราชการ เช่น ผู้บัญชาการภาค ผู้บังคับการจังหวัด ที่ไม่สามารถดำเนินการตามคำสั่งรัฐบาล รวมทั้งมีการข่มขู่ไปยิ่งผู้ประกอบการขนส่ง รถตู้ รถทัวร์ให้งดรับงานหรืองดให้บริการขนส่งประชาชน ที่จะเข้ามาใน กทม. อีกทั้งจะมีการตั้งด่านตรวจค้นอย่างเข้มข้นในช่วง 2-3 วันนี้เพื่อเป็นการข่มขู่ไม่ให้ประชาชนเดินทางเข้ามา
อย่างไรก็ตาม นายชวนนท์ยังเห็นว่าองค์การพิทักษ์สยามประกาศชัดแล้วว่าจะทำการชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ หากรัฐบาลยังใช้กลไกรัฐในการสกัดกั้น คิดว่ารัฐบาลคงกระทำไม่ได้ และจะยิ่งทำเป็นการเพิ่มแรงกดดัน รู้สึกต่อต้านให้กับผู้ที่จะเข้ามาร่วมชุมนุม ขอให้รัฐบาลหลีกเลี่ยงการกระทำดังกล่าวและปล่อยให้การชุมนุมเป็นไปตามกฎหมาย
นายชวนนท์กล่าวว่า ส่วนการปล่อยข่าวผ่านสมาชิกและส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคนว่าประชาชนถูกจ้างมาร่วมชุมนุมนั้น เพื่อให้เห็นว่าการชุมนุมไม่ได้เป็นไปตามประชาธิปไตยในอย่างจริงจัง กรณีนี้ตนเห็นว่า สิ่งที่รัฐบาลทำมาอย่างต่อเนื่องแบบนี้นอกจากไม่ได้ผลแล้วจะทำให้มวลชนเพิ่มเติมมากขึ้นอีก อยากฝากไปยังพรรคเพื่อไทยว่า กระบวนการการจัดตั้งม็อบไม่มีใครจัดตั้งได้เก่งเท่าพรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงได้อีกแล้ว
