ข้าวต้มปลา ต้มยำหัวปลา เก๋ากะพงเมนูจานโปรดของใครหลายคน การทำเมนูปลาอย่างข้าวต้ม หรือต้มยำให้อร่อยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าสูตรไหนโดนใจแล้วละก็ไม่ต้องกลัว เรียกลูกค้าเต็มร้านได้ไม่ยาก
สำหรับเมนูยอดฮิตอย่างนี้ยังไม่มีใครยอมถ่ายทอดสูตรกันง่ายๆ เพราะทำขายเองดีกว่า แต่ในส่วนของร้านข้าวต้มปลาเก๋ากะพงอาศัยช่องว่างแฟรนไชส์ข้าวต้มปลา เปิดขายแฟรนไชส์ข้าวต้มปลา และต้มยำหัวปลาเป็นรายแรก และรายเดียวในขณะนี้
นายยศพันธ์ วัดวง เจ้าของร้าน เล่าว่า ที่มาของการตัดสินใจมาขายแฟรนไชส์เพราะเห็นว่ายังไม่เคยมีใครทำมาก่อน และไม่ผิดหวัง เพราะในระยะเวลา 5 ปีประสบความสำเร็จสามารถขยายสาขาได้มากกว่า 50 สาขา จุดเด่นของแฟรนไชส์ข้าวต้มปลาเก๋ากะพงอยู่ที่รสชาติที่จัดจ้าน วัตถุดิบที่เน้นความสดใหม่
ทั้งนี้ ก่อนเปิดขายแฟรนไชส์พิสูจน์ฝีมือมาแล้วจากร้านข้าวต้มปลาที่เปิดขายมานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2544 ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ในชื่อร้านว่า “ ข้าวต้มปลาขี้เมา หัวปลาหม้อไฟ” ซึ่งลูกค้าจากเมืองโคราชรู้จักเป็นอย่างดี
“ผมเริ่มต้นขายข้าวต้มปลาจากรถเข็นเล็กๆ มีเพียง 8 โต๊ะ และในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนสามารถเพิ่มโต๊ะเป็น 40 โต๊ะ และหลังจากนั้นผ่านไป 2 ปี ขยายสาขาเพิ่มเป็น 2 สาขา โดยมีลูกค้าให้ความสนใจและต้องการให้เราถ่ายทอดสูตรให้จำนวนมาก ผมจึงตัดสินใจขายแฟรนไชส์หลังจากใช้เวลาในการเซตระบบก่อนทำแฟรนไชส์นานกว่า 1 ปี โดยได้สูตรการขายแฟรนไชส์อย่างที่ต้องการภายใต้บริษัทที่ตั้งขึ้นมาดูแลชื่อว่า “เก๋ากะพง” โดยเปิดสำนักงานอยู่ที่เคหะบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อสะดวกแก่การให้บริการลูกค้าแฟรนไชส์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ”
สำหรับสูตรแฟรนไชส์ของเก๋ากะพงเน้นให้ลูกค้าแฟรนไชส์ได้รสชาติเดียวกันทุกสาขา ดังนั้นจึงตัดสินใจทำน้ำปรุงรสของทั้งหมด 8 เมนูออกมา ได้แก่ ข้าวต้มปลา ข้าวต้มขี้เมาสูตรพิเศษ ต้มยำหัวปลา ต้มยำทะเล (สูตรน้ำข้นและน้ำใส) ลวกจิ้ม เกาเหลา แกงจืด ยำทะเล ข้าวผัดปู สุกี้
นอกจากนี้ ลูกค้าจะต้องสั่งวัตถุดิบจากทางบริษัทเท่านั้นเพื่อความสดของวัตถุดิบที่เหมือนกันทุกร้าน เนื่องจากอาหารทำจากปลาต้องสดและใหม่จึงจะได้เมนูปลารสชาติที่ดี ที่ผ่านมาลูกค้าแฟรนไชส์ก็ยินดีจะซื้อวัตถุดิบจากทางบริษัท เพราะได้วัตถุดิบที่คุณภาพดีและที่สำคัญราคาถูกกว่าซื้อตามท้องตลาด ส่วนการส่งวัตถุดิบปัจจุบันใช้การส่งผ่านบริการขนส่ง รถทัวร์ รถไฟ รถขนส่ง รถตู้ ส่วนค่าขนส่งคิดตามจริง
สำหรับราคาแฟรนไชส์ ช่วงโปรโมชันไม่คิดค่าแฟรนไชส์ ค่าสอน โดยลูกค้าจะจ่ายเพียงแค่ค่าวัตถุดิบเริ่มต้น 4,500 บาทต่อการขายในหนึ่งสัปดาห์ และค่าวัตถุดิบในการปรุงอาหารในวันเรียน 1,000 บาท และส่วนค่าอุปกรณ์ในการเปิดร้านแล้วแต่ขนาด ทำเล ส่วนราคารถเข็น บวกกับอุปกรณ์ครบชุดราคา 37,000 บาท แต่ถ้าลูกค้ามีอุปกรณ์อยู่แล้วก็สามารถใช้อุปกรณ์เดิมได้ แต่ต้องปรับเรื่องโลโก้ให้เหมือนกับร้านแฟรนไชส์
ส่วนราคาขายหน้าร้านขายเหมือนกันทุกสาขา คือ ข้าวต้มปลา 30 บาท ต้มยำหัวปลา 50 บาท ลูกค้าสามารถเพิ่มเมนูก๋วยเตี๋ยวปลาได้ และก่อนจะเปิดร้านทางเราจะต้องไปเป็นผู้ดูแลวิเคราะห์ทำเลให้ทุกครั้งเพื่อป้องกันการผิดพลาด ส่วนผลตอบแทนที่ได้ กำไรประมาณ 40% ก่อนหักค่าแรง และค่าเช่าที่ ส่วนรายได้ของแฟรนไชส์ขึ้นอยู่กับทำเล เพราะบางแห่งที่เสียค่าเช่าแพงกำไรก็ลดลง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาลูกค้าแฟรนไชส์จะมียอดขายต่อสาขาไม่ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อวัน
ในส่วนแผนการตลาดที่ผ่านมา เก๋ากะพงอาศัยการบอกกันแบบปากต่อปาก และการแนะนำผ่านทางเว็บไซต์ ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ สามารถขยายสาขาตามเป้าที่ตั้งไว้ และคาดว่าจะมีสาขาทั่วประเทศให้ได้ 100-200 สาขาภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
โทร. 08-1356-8322
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *