“อำมาตย์เต้น” อ้างฝ่ายค้านจนมุมถูกถอดยศจนโยงเข้าซักฟอก การันตีไม่มีกลั่นแกล้ง จี้ “อภิสิทธิ์” ยอมรับ เย้ยศาลชี้เอกสารมีพิรุธยังไม่สำนึก แขวะไร้ความรับผิดชอบถามหาจริยธรรมชาวบ้าน นอกจากจะแสดงสปิริต ปูดทุนรัฐประหารหนุนม็อบเสธ.อ้าย ซัดพวกขบวนการปิดประเทศ เชื่อชุมนุมจนถึงอภิปราย หยันรัฐเดาเกมออกแล้ว ขู่บุกทำเนียบเจอต้านแน่ คาดหวังยืดเยื้อม็อบชน ขอประชาชนอย่าให้พวกนอกระบบโค่นรัฐ
วันนี้ (12 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุการที่กระทรวงกลาโหมถอดยศร้อยตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเป็นการแก้เกมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ตนคิดว่าฝ่ายค้านจนมุมเรื่องนี้เลยพยายามโอนเข้าบัญชีการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปด้วย และเรื่องนี้หากเป็นลูกตาสีตาสา นายอภิสิทธิ์จะไม่สามารถสมัครเป็น ส.ส.ได้เลยตั้งแต่ต้น เพราะขาดคุณสมบัติเนื่องจากใช้เอกสารหลักฐานเท็จในการสมัครเข้ารับราชการ และหากเป็นลูกตามียายมา นายอภิสิทธิ์ก็จะไม่ได้เป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยเนื่องจากไม่ได้ผ่านเกณฑ์ทหาร เรื่องนี้เดินมาเป็นหลายสิบปีจนกระทรวงกลาโหมสรุปผลการพิจารณาแล้วมีมติ ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องการกลั่นแกล้ง แต่เป็นเรื่องว่าในที่สุดก็ไม่มีใครมีอภิสิทธิ์เหนือกว่ากฎกติกาที่ถูกต้องของบ้านเมืองไปได้
“นายอภิสิทธิ์ควรต้องยอมรับ ไม่ใช่จะไปบอกว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองเพื่อไม่ให้นายอภิสิทธิ์อภิปราย จึงอยากถามว่านายอภิสิทธิ์ได้เกณฑ์ทหารหรือไม่ ใช้เอกสารเท็จในการสมัครรับราชการเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยหรือไม่ คนเขารู้กันทั้งประเทศ อีกทั้งนายอภิสิทธิ์เคยใช้หลักฐานชี้แจงกับศาลตอนฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และศาลก็ได้ระบุว่าหลักฐานที่นายอภิสิทธิ์เอามาชี้แจงก็ยังมีพิรุธอยู่ เท่านี้ยังไม่รู้จักสำนึกกันอีก” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ตนคิดว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีความชอบธรรมที่จะถามเรื่องจริยธรรมจากใครอีกแล้ว นอกจากนายอภิสิทธิ์จะแสดงสปิริตของตัวเองออกมา กรณีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรีที่ลาออกจากทุกตำแหน่ง หากเทียบกับกรณีนายอภิสิทธิ์นั้นต่างกันมาก เพราะนายอภิสิทธิ์ใช้วิธีการสร้างเอกสารเท็จลวงโลกมาเกือบครึ่งชีวิตจนเป็นนายกฯ ทั้งที่ขาดคุณสมบัติตั้งแต่ต้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงมาก และร้ายแรงเกินกว่าที่พรรคประชาธิปัตย์จะมาอธิบายว่าเป็นเพียงเกมการเมืองธรรมดา อีกทั้งเราจะต้องไปกลัวนายอภิสิทธิ์ถึงขั้นต้องไปสร้างเกมที่กระทรวงกลาโหมอย่างนั้นหรือ เพราะให้นายอภิสิทธิ์ขึ้นเวทีอภิปรายรัฐบาล ก็เฉยๆ ไม่ได้กังวลอะไรเพราะมีแต่คำโฆษณา ไม่มีข้อมูลหลักฐานที่จะเอามาอภิปรายอยู่แล้ว
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า การชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม ในวันที่ 24 พ.ย. ตนไม่แปลกใจท่าทีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่อาจจะเข้าร่วมชุมนุมในวันดังกล่าว ทั้งนี้จากการติดตามข่าวอาจเป็นไปได้ว่ามีกลุ่มคนอยู่เบื้องหลังคอยให้การสนับสนุนม็อบ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียดเพราะเป็นข้อมูลของหน่วยงานด้านความมั่นคงที่จะตรวจสอบรายละเอียด และเชื่อว่าเครือข่ายทุนดังกล่าวเป็นกลุ่มเดิม และกำกับด้วยคนกลุ่มเดิม ตั้งแต่การรัฐประหาร 19 ก.ย.เป็นต้นมา
“มวลชนที่เคลื่อนกับกลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ ล้วนแต่เป็นส่วนผสมของการเคลื่อนไหวนี้ทั้งสิ้น เชื่อว่าวันที่ 24 พ.ย.จะมีการระดมมวลชนเข้าร่วมชุมนุม และขอไม่เรียกว่าองค์การพิทักษ์สยาม แต่ขอเรียกตามความหมายที่ซ่อนอยู่ คือ ขบวนการปิดประเทศ และอยากเรียกร้องให้ประชาชนที่รักประชาธิปไตยทบทวนก่อนที่จะเข้าร่วมชุมนุม เพราะจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา รัฐบาลชุดนี้ถือว่าเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศจะยืดเยื้อเพื่อให้เกิดแรงเสียดทานต่อรัฐบาลในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ อีกทั้งเชื่อว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมไม่เกิน 1 ล้านคนตามที่ประกาศไว้ แต่อาจจะมีการขอฉันทามติจากประชาชนเพื่อชุมนุมต่อเนื่องถึงวันที่ 25 พ.ย. เพื่อให้รัฐบาลเผชิญศึกทั้งในและนอกสภา ซึ่งเป็นเกมที่รัฐบาลได้คาดคะเนไว้แล้ว พร้อมทั้งมั่นใจว่าประชาชนจะปกป้องรัฐบาลชุดนี้ รวมถึงมั่นใจว่านายกฯ จะพารัฐบาลผ่านสถานการณ์นี้ไปได้
เมื่อถามว่าได้มีการประเมินหรือไม่ว่าม็อบจะบุกทำเนียบรัฐบาลหรือรัฐสภา นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ภาวนาไม่ขอให้เป็นแบบนั้น เพราะรัฐบาลเดินมาไกลจนต่างประเทศให้การยอมรับ ดังนั้น ไม่อยากให้ประเทศถอยหลังกลับไปเหมือนก่อนการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 และเชื่อว่าหากทำจริง ก็จะเจอประชาชนต่อต้าน สุดท้ายก็จะทำไม่สำเร็จตามที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศ
ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องผ่านโลกโซเชียลมีเดียให้มีการเปิดไฟหน้ารถเพื่อเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามนั้น นายณัฐุวฒิกล่าวว่าถือเป็นแนวทางหนึ่ง ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าไม่อยากให้ประชาชนร่วมชุมนุม และอยากให้มีการร่วมกันต่อต้านแนวคิดของ พล.อ.บุญเลิศ ที่ต้องการให้ปิดประเทศ 5 ปีอย่างสันติวิธี ทั้งนี้ คาดว่าการชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ ต้องการให้มีความยืดเยื้อจนเกิดม็อบชนม็อบ และนำไปสู่ความวุ่นวาย ซึ่งเชื่อว่าจะมีคนบางกลุ่มออกมาผสมโรง จนนำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาลในที่สุด อีกทั้งเชื่อว่าประชาชนมีประสบการณ์และรู้เท่าทันจะไม่ยอมให้กระบวนการนอกระบบประชาธิปไตยมาโค่นล้มรัฐบาล