หน.ปชป.เผยได้ข้อสรุปยื่นซักฟอกรายบุคคล ส่งถอดถอนพรุ่งนี้ ก่อนยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 9 พ.ย.เตรียมตั้งกระทู้สดถามลอบสังหารแม้วพรุ่งนี้ เตือน การเมืองอย่าใช้หน่วยงานความมั่นคงชาติมาเป็นความมั่นคงของรัฐบาล วอนหนักแน่นต่อข่าวรัฐประหาร ยันไม่ขนคนใต้ชุมนุมช่วงอภิปรายตามที่เพื่อไทยกล่าวหา
วันนี้ (7 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ถึงกรณีการยื่นถอดถอนรัฐมนตรีในวันที่ 8 พ.ย.ก่อนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 9 พ.ย.ว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่าจะยื่นถอดถอนกี่รายและอภิปรายกี่ราย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด โดยจะมีรัฐมนตรีที่ถูกถอดถอนและถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย รวมทั้งจะมีกรณีถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ไม่ได้ถูกยื่นถอดถอน ซึ่ง นายจุรินทร์ จะยื่นต่อประธานวุฒิสภาในวันที่ 8 พ.ย.เพราะรัฐมนตรีกระทำผิดกฎหมายและทุจริต
ทั้งนี้ พรรคได้พิจารณาข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบ และยื่นในกรณีที่มั่นใจว่า มีการกระทำผิดกฎหมายหรือทุจริตจริง ส่วนการอภิปรายจะมีหลายเรื่องเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งตนหวังว่าประชาชนจะติดตามการถ่ายทอดสดการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เพื่อรับทราบถึงเหตุผลที่มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจและถอดถอน รวมถึงพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านพูดมีน้ำหนักแค่ไหน
“เรามั่นใจในข้อมูลของเรา และยืนยันว่า จากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นไม่สมควรที่รัฐบาลชุดนี้จะได้รับความไว้วางใจให้บริหารประเทศ โดยในการอภิปรายไม่ว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และก็ยังเชื่อว่า นายกรัฐมตรีจะตอบด้วยตัวเอง เพราะเป็นกระบวนการปกติของระบอบประชาธิปไตย นายกฯก็เรียกร้องเรื่องกระบวนการประชาธิปไตย ต้องเคารพกระบวนการนี้ และทำตามหน้าที่ของตัวเอง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับผู้ที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ไปรวบรวมข้อมุลด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นว่าผู้อภิปรายจะต้องเป็นรัฐมนตรีเงาที่ประกบรัฐมนตรีกระทรวงที่ถูกอภิปราย ทั้งนี้ ในบางประเด็นอาจใช้ผู้อภิปรายมากกว่า 1 คน จึงต้องจัดทีม ซึ่งระยะเวลา 3 วัน สำหรับการอภิปราย และ 1 วันในการลงมติ เพียงพอต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้
นายอภิสิทธิ์ ยังตั้งข้อสงสัยว่า ข่าวบางเรื่องอาจออกมาเพื่อกลบกระแสการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งในวันที่ 9 พ.ย.ก็จะมีการตั้งกระทู้ถามเรื่องนี้ในสภาฯด้วย จะได้ทราบว่าหน่วยงานราชการรู้อะไร ไม่รู้อะไร ทำไมเขาถึงไม่รู้ อย่างไรก็ตาม ขอเตือนไปยัง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบเรื่องความมั่นคงที่มีความละเอียดอ่อนต้องระมัดระวังคำให้สัมภาษณ์อย่าให้กระทบกระเทือนความน่าเชื่อถือ แม้ว่าจะถูกการเมืองกดดัน เพราะจะเป็นอันตรายต่อประเทศ เพราะงานความมั่นคงเป็นเรื่องส่วนรวมต้องระมัดระวังไม่ให้การเมืองแทรกแซง ถ้างานความมั่นคงถูกนำมาใช้เพื่อการเมืองจะกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของประเทศ และถ้าหน่วยงานด้านความมั่นคงไม่ได้รับความเชื่อถือก็ส่งผลกระทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และจะเป็นความเสียหายกับทุกคน
“ยอมรับว่า การแทรกแซงระบบราชการของรัฐบาลนี้ค่อนข้างจะกว้างขวาง กรณีงานความมั่นคงที่ต้องได้รับความเชื่อถือ แม้กระทั่งข้อมูลเศรษฐกิจ อยากให้เจ้าหน้าที่ตระหนักถึงความสำคัญของการยึดมั่นในข้อเท็จจริงเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือไว้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ผมจึงขอเตือนว่าอย่าอาหน่วยงานความมั่นคงของชาติมาใช้เป็นฐานความมั่นคงของรัฐบาลเพราะปี 47 และ 48 ก็เกิดปรากฏการณ์แบบนี้จนเกิดความวุ่นวายตามมาจนถึงทุกวันนี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่แกนนำเสื้อแดงปลุกให้คนเสื้อแดงออกมาปกป้องรัฐบาลว่า เป็นความพยายามที่จะรวบรวมผู้สนับสนุน เพราะมีความขัดแย้งภายในสูง ซึ่งการโหมกระแสประเด็นรัฐประหารนั้น มีการดำเนินการเป็นระยะอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาก็มีการพูดถึงแผนการทำรัฐประหารหลายครั้งแต่ก็ไม่มีมูลความจริง ทั้งนี้ ตนอยากให้ประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะสนับสนุนใคร หนักแน่น และทบทวน ว่า ที่ผ่านมา การรับข้อมูลข่าวสารแบบนี้ไม่เป็นจริงมากี่ครั้งแล้ว จะได้ใช้ดุลพินิจว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ ทั้งนี้ยังยืนยันด้วยว่าไม่มีการเกณฑ์คนใต้ขึ้นมาชุมนุมในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล