หัวหน้าประชาธิปัตย์เผยส่งทนายฟ้อง ป.ป.ช.หวังฟัน “สุกำพล” ใช้อำนาจมิชอบถอดยศ ผิดอาญาชัด ยันกฤษฎีกาเคยวินิจฉัยแล้วไม่มีอำนาจ โยนรัฐประเมินสถานการณ์ม็อบเสธ.อ้ายถึงขั้นใช้ พ.ร.บ.มั่นคงหรือไม่ แต่ไล่ไปคุยพวกจ่อปะทะ อย่าสร้างเงื่อนไขเพิ่ม โบ้ย “เหลิม” ตอบเงินลงขัน 6 พันล้านของใคร รับห่วงบ้านเมือง แนะควรทำความเข้าใจข้อเรียกร้องผู้ชุมนุม
วันนี้ (15 พ.ย.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมอบหมายให้นายบัณฑิต ศิริพันธ์ ทนายความยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้พิจารณาเรื่องที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ออกคำสั่งถอดยศร้อยตรีของตัวเองว่า เรื่องนี้เป็นการดำเนินการทางอาญาต่อ พล.อ.อ.สุกำพล ที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ออกคำสั่งโดยไม่มีอำนาจ ตามแนวทางที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยวินิจฉัยไว้ ไม่ได้ดำเนินการตามวินัยทหาร กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเรื่องดังกล่าวคณะกรรมการกฤษฎีกาก็เคยวินิจฉัยกรณีของ พล.อ.นิพนธ์ ธีระพงษ์ อดีตเจ้ากรมทหารสื่อสาร กองทัพบก ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และ 157 ว่า กระทรวงกลาโหมไม่สามารถถอดยศ หรือปลดออกจากราชการได้หากพ้นจากราชการไปแล้ว ซึ่งถือเป็นการวินิจฉัยที่ชัดเจนเลยว่า พล.อ.อ.สุกำพลจะถอดยศไม่ได้ และไม่ทราบว่า ป.ป.ช.จะใช้เรื่องนี้เป็นบรรทัดฐานหรือไม่ แต่สิ่งที่ พล.อ.อ.สุกำพลทำนั้นเป็นการกระทำผิดทางอาญา อย่างไรก็ตาม คำร้องต่อ ป.ป.ช.นั้นเป็นการยื่นร้องทั้ง พล.อ.อ.สุกำพลและคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นตามคำสั่งของกระทรวงกลาโหม
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เตรียมเสนอให้รัฐบาลพิจารณาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเพื่อควบคุมการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามในวันที่ 24-25 พ.ย.ว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องประเมินสถานการณ์ ต้องตัดสินใจโดยยึดหลักกฎหมาย หากเห็นว่าเข้าองค์ประกอบก็ประกาศใช้ได้ ซึ่งตนไม่ทราบว่าสถานการณ์จะเกิดอะไรขึ้น แต่คิดว่ารัฐบาลจะต้องดูแลไม่ให้เกิดการปะทะกัน เพราะขณะนี้มีกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลประกาศว่าจะมาชุมนุมต่อต้านกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามแล้ว รัฐบาลจึงควรพูดกับกลุ่มนี้ เพื่อไม่ให้ก่อปัญหาให้บ้านเมืองและรัฐบาล ขณะเดียวกัน รัฐบาลไม่ควรสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง ส่วนกรณีที่มีการระบุว่ามีการรวมกลุ่มทุนลงขันล้มรัฐบาลใช้เงินกว่า 6 พันล้านบาทนั้น ตนไม่ทราบว่าเป็นเงินของใครบ้าง ต้องไปถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ยอมรับว่าตนมีความเป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมืองหลังจากนี้ ซึ่งเคยเตือนตั้งแต่ต้นแล้วว่าหากรัฐบาลเอาใจใส่ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และดูแลการบริหารนโยบายให้เรียบร้อย ไม่สร้างเงื่อนไขต่างๆ ให้เกิดความขัดแย้งสังคมก็จะเดินหน้าได้ และหากยอมรับการตรวจสอบ ไม่จำกัดพื้นที่ทางการเมือง การเมืองก็จะอยู่ในระบบ การใช้อำนาจรัฐก็ไม่ควรใช้ในเชิงกลั่นแกล้งหรือฟอกตัวเอง ส่วนกรณีที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย มีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกพื้นที่ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุมในกรุงเทพมหานครนั้น เห็นว่าเรื่องนี้รัฐบาลควรไปดูที่ต้นเหตุของเรื่อง และการชุมนุมครั้งที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไร อยู่ในระบบ ซึ่งรัฐบาลควรทำความเข้าใจกับข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม
