นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ทำตามคำแนะนำของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ให้ทบทวนการคืนหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า เป็นการกระทำ 2 มาตรฐาน เพราะรัฐบาลในยุคปัจจุบันทำงานภายใต้การตรวจสอบขององค์กรอิสระ แต่สิ่งที่เห็นมาตลอดคือ การปฏิบัติที่แตกต่างกันระหว่างกรณีที่เกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาล หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ กับกรณีที่เกี่ยวข้องกับพรรคฝ่ายค้าน อย่างในกรณีการถอดยศตนนั้น ก็มีการอ้างว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน ต้องรีบสรุป และอ้างว่าผู้ตรวจการแผ่นดินรอให้กระทรวงกลาโหมรายงานผลการตรวจสอบ ทั้งที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน สรุปเรื่องดังกล่าวไปแล้ว
"หากเป็นกรณีของผมรู้สึกเลยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์มาก แต่พอกรณีพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไม่เหมือนกัน ทั้งที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้ให้ทบทวนแล้ว แต่ก็มีการโต้แย้งว่า ทำถูกต้องแล้ว นอกจากนั้นกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งเรื่องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์เกี่ยวกับเรื่องของจริยธรรมของการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่มีปัญหา ถามว่าผู้ตรวจการแผ่นดินส่งไปแล้วรัฐบาลทำอะไร อย่างนี้ที่เรียกว่า 2 มาตรฐาน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องรอดูว่าผู้ตรวจการแผ่นดิน จะดำเนินการอย่างไร และต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชี้แจง แต่ตนคิดว่าท่าทีของรัฐบาลนั้น ชัดเจนอยู่แล้ว เพราะพอความเห็นขององค์กรอิสระเป็นประโยชน์รัฐบาล ก็อ้างกันใหญ่ แต่อะไรที่ชี้ออกมาไม่เป็นประโยชน์กับพรรคพวกของตัวเอง ก็หาทางหลบเลี่ยง หรือเพิกเฉยละเลย
"อย่างข้อเสนอของ คอป.เรื่องเยียวยา ก็อ้างคอป. แต่พอบอกว่ามีชายชุดดำ กลับนำรายงานไปฉีกทิ้ง หรือกรณีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่อ้างข้อกฎหมายว่าได้รับการล้างมลทินแล้ว แต่พอกฤษฎีกาชี้ว่าที่ดินอัลไพน์ ต้องเอาคืนมาเป็นธรณีสงฆ์ รัฐบาลกลับไม่ทำ"
ต่อข้อถามว่า ในเอกสารที่กระทรวงการต่างประเทศส่งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น ระบุเป็นอำนาจของปลัดกระทรวง ซึ่งก็เป็นการปฏิบัติตามรัฐมนตรี สุดท้ายแล้วคนที่จะถูกตรวจสอบจะกลายเป็นข้าราชการหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเตือนข้าราชการมาตลอดว่า ทำอะไรก็ตาม ต้องยึดกฎ ระเบียบ เพราะว่าในอดีตมีหลายกรณีที่ข้าราชการฝืนฝ่ายการเมืองไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำลงไปตามกฎหมายมันเป็นความรับผิดชอบ และเป็นอำนาจของฝ่ายข้าราชการ สุดท้ายข้าราชการก็ต้องรับผิดทางกฎหมาย จึงเป็นบทเรียนสำหรับข้าราชการทุกคน
** จี้สอบ"ปู-เหลิม"ละเลยไม่ถอดยศแม้ว
วานนี้ นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม เลขาธิการสำนักงานผู้ ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาสอบสวน การละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ กตช. และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. กรณีไม่ดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เนื่องจากเห็นว่าบุคคลทั้ง 2 เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรงตามกฎหมาย ในการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ แต่กลับไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ มีความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันแล้วว่า ข้าราชการตำรวจผู้ใดมีกรณีต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ไม่ว่าจะเป็นคำพิพากษาของศาลใด ย่อมอยู่ในระเบียบว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ. 2543 ซึ่งสามารถจะดำเนินการถอดยศได้ และพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เข้าข่ายถูกถอดยศ เนื่องจากถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้จำคุก 2 ปี ฐานทุจริตต่อหน้าที่ในคดีที่ดินรัชดา
ด้านนายเฉลิมศักดิ์ กล่าวว่า จะนำเสนอเรื่องนี้ต่อผู้ตรวจการแผ่นดินตามขั้นตอน ซึ่งอาจต้องอาศัยระยะเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินเคยมีคำวินิจฉัยว่า รมว.กลาโหม ไม่ละเลยการปฎิบัติหน้าที่กรณีตรวจสอบการเข้ารับราชการทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และได้มีหนังสือแจ้งไปยัง รมว.กลาโหมแล้ว โดยขอให้รมว.กลาโหม แจ้งผลการดำเนินการให้ทราบด้วย ขณะนี้ รมว.กลาโหม ก็ได้มีหนังสือแจ้งกลับมา เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า กระทรวงกลาโหมได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้โดยเฉพาะ และมีคำสั่งออกมา ซึ่งถือเป็นการดำเนินการจนถึงที่สุดแล้ว
"หากเป็นกรณีของผมรู้สึกเลยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์มาก แต่พอกรณีพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไม่เหมือนกัน ทั้งที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้ให้ทบทวนแล้ว แต่ก็มีการโต้แย้งว่า ทำถูกต้องแล้ว นอกจากนั้นกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งเรื่องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์เกี่ยวกับเรื่องของจริยธรรมของการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่มีปัญหา ถามว่าผู้ตรวจการแผ่นดินส่งไปแล้วรัฐบาลทำอะไร อย่างนี้ที่เรียกว่า 2 มาตรฐาน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องรอดูว่าผู้ตรวจการแผ่นดิน จะดำเนินการอย่างไร และต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชี้แจง แต่ตนคิดว่าท่าทีของรัฐบาลนั้น ชัดเจนอยู่แล้ว เพราะพอความเห็นขององค์กรอิสระเป็นประโยชน์รัฐบาล ก็อ้างกันใหญ่ แต่อะไรที่ชี้ออกมาไม่เป็นประโยชน์กับพรรคพวกของตัวเอง ก็หาทางหลบเลี่ยง หรือเพิกเฉยละเลย
"อย่างข้อเสนอของ คอป.เรื่องเยียวยา ก็อ้างคอป. แต่พอบอกว่ามีชายชุดดำ กลับนำรายงานไปฉีกทิ้ง หรือกรณีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่อ้างข้อกฎหมายว่าได้รับการล้างมลทินแล้ว แต่พอกฤษฎีกาชี้ว่าที่ดินอัลไพน์ ต้องเอาคืนมาเป็นธรณีสงฆ์ รัฐบาลกลับไม่ทำ"
ต่อข้อถามว่า ในเอกสารที่กระทรวงการต่างประเทศส่งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น ระบุเป็นอำนาจของปลัดกระทรวง ซึ่งก็เป็นการปฏิบัติตามรัฐมนตรี สุดท้ายแล้วคนที่จะถูกตรวจสอบจะกลายเป็นข้าราชการหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเตือนข้าราชการมาตลอดว่า ทำอะไรก็ตาม ต้องยึดกฎ ระเบียบ เพราะว่าในอดีตมีหลายกรณีที่ข้าราชการฝืนฝ่ายการเมืองไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำลงไปตามกฎหมายมันเป็นความรับผิดชอบ และเป็นอำนาจของฝ่ายข้าราชการ สุดท้ายข้าราชการก็ต้องรับผิดทางกฎหมาย จึงเป็นบทเรียนสำหรับข้าราชการทุกคน
** จี้สอบ"ปู-เหลิม"ละเลยไม่ถอดยศแม้ว
วานนี้ นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม เลขาธิการสำนักงานผู้ ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาสอบสวน การละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ กตช. และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. กรณีไม่ดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เนื่องจากเห็นว่าบุคคลทั้ง 2 เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรงตามกฎหมาย ในการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ แต่กลับไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ มีความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันแล้วว่า ข้าราชการตำรวจผู้ใดมีกรณีต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ไม่ว่าจะเป็นคำพิพากษาของศาลใด ย่อมอยู่ในระเบียบว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ. 2543 ซึ่งสามารถจะดำเนินการถอดยศได้ และพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เข้าข่ายถูกถอดยศ เนื่องจากถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้จำคุก 2 ปี ฐานทุจริตต่อหน้าที่ในคดีที่ดินรัชดา
ด้านนายเฉลิมศักดิ์ กล่าวว่า จะนำเสนอเรื่องนี้ต่อผู้ตรวจการแผ่นดินตามขั้นตอน ซึ่งอาจต้องอาศัยระยะเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินเคยมีคำวินิจฉัยว่า รมว.กลาโหม ไม่ละเลยการปฎิบัติหน้าที่กรณีตรวจสอบการเข้ารับราชการทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และได้มีหนังสือแจ้งไปยัง รมว.กลาโหมแล้ว โดยขอให้รมว.กลาโหม แจ้งผลการดำเนินการให้ทราบด้วย ขณะนี้ รมว.กลาโหม ก็ได้มีหนังสือแจ้งกลับมา เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า กระทรวงกลาโหมได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้โดยเฉพาะ และมีคำสั่งออกมา ซึ่งถือเป็นการดำเนินการจนถึงที่สุดแล้ว
