วานนี้ (8 พ.ย.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงผลการพิจารณาถอดยศ ร้อยตรี ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขณะนี้ตนได้ลงนามเห็นชอบในมติของคณะคณะกรรมการรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินการถอดยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนจากนายอภิสิทธิ์ และจะดำเนินการถอดยศ ร้อยตรี จากนั้นจะส่งให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการตั้งธงเรื่องนี้อย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวหา เรามีข้อมูลหลักฐานถึงความไม่ชอบมาพากล และพบว่า ผิดจริง เมื่อผิดจริงต้องทำตามขั้นตอน ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ จะส่งหนังสือ เพื่อขอความเป็นธรรมนั้น ถ้าอยากส่งก็ส่งมา ตนพร้อมให้ความเป็นธรรมเสมอ
"ก่อนหน้านี้เราให้เวลาเขาไปแล้ว และมีการทำหนังสือตอบโต้กันไปมา แต่ไม่เห็นมีการส่งหลักฐานมาเพิ่มเติม" รมว.กลาโหม กล่าว
เมื่อถามว่า การถอดยศ นายอภิสิทธิ์ จะทำให้ฝ่ายค้านยื่นถอดถอนท่านออกจากตำแหน่ง หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ไม่ทราบว่าฝ่ายค้านคิดอย่างไร เพราะตนไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างทำตามขั้นตอน และมีการตั้งคณะกรรมการฯ อย่างถูกต้อง มีหลักฐานทุกอย่าง ถ้าเขาทำตนได้ ตนก็ทำเขาได้เช่นกัน หากในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสภา ฝ่ายค้านหยิบประเด็นการทำหน้าที่ถอดยศมาพูด ตนก็พร้อมจะชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา และจะแจกแจงให้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ ทำผิดขั้นตอนอย่างไรให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับทราบว่า ตนไม่ได้กลั่นแกล้ง และไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ เราทำเอง แต่มีคนไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วก็มีส่งมาที่ตน ส่วนที่ฝ่ายค้านได้ยื่นถอดถอนในประเด็นการทุจริต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็น รมว.คมนาคม นั้น ตนยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องไหนและอย่างไร ซึ่งเร็วเกินไป ขณะนี้ยังไม่ได้เตรียมข้อมูล แต่คิดว่าไม่มีปัญหา มั่นใจว่า ตอนดำรงตำแหน่งเป็นรมว.คมนาคม ไม่ได้ทำอะไรผิด และก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.มล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการถอดยศ และ เรียกเบี้ยหวัดคืนจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งผลการพิจารณาให้กับ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ลงนามเซ็นต์คำสั่งรับทราบผลการพิจารณา ของคณะกรรมการชุดดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางคณะกรรมการได้มีข้อเสนอใน 3 เรื่องหลัก คือ 1.การลงโทษกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จในการขึ้นทะเบียนเป็นทหาร 2. การบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ไม่ถูกต้อง และ 3.เรื่องการแต่งตั้งยศที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ หลังจาก รมว.กลาโหมลงนามรับทราบเสร็จ จะส่งเรื่องกลับไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อยกเลิกเพิกถอนคำสั่งการบรรจุเป็นนายทหาร ยศร้อยตรี จากนั้นจะส่งเรื่องไปยังกรมเสมียนตรา เพื่อพิจารณาทำเรื่องไปยังสำนักราชเลขา ขอพระราชทานพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้มีการถอดยศของ นายอภิสิทธิ์ ต่อไป ซึ่งขั้นตอนในการถอดยศ ยังต้องใช้เวลาอีกนานในการดำเนินการ
" การถอดยศไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะที่ผ่านมาเคยมีการถอดยศมาโดยตลอด ทั้งนี้ยืนยันว่า คณะกรรมการตรวจสอบอย่างเป็นธรรม ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง ตรวจสอบตามข้อเท็จจริง โดยมีคณะกรรมการทั้งหมด 9 คน ล้วนแต่เป็นหัวหน้าส่วนราชการทั้งนั้นไม่ใช่เรื่องคนที่เป็นพวกเดียวกันขึ้นมาเป็นคณะกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการทั้ง 9 คน มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า เอกสารดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์ เป็นเอกสารเท็จ ทั้งนี้แม้ว่าในเรื่องของคดีอาญาจะหมดอายุความไปแล้ว แต่ในเรื่องของวินัยทหารไม่มีอายุความ สามารถที่จะลงโทษนายอภิสิทธิ์ ด้านวินัยทหารได้ เพราะถือว่านายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จในการยื่นเรื่องขึ้นทะเบียนเป็นทหาร โดยมีความผิดตั้งแต่แรก ทั้งนี้คาดว่าภายในวันจันทร์ที่ 12 พ.ย.นี้ จะรู้ผลว่าจะมีการลงโทษ นายอภิสิทธิ์ อย่างไร และที่ผ่านมาทางคณะกรรมการได้ให้เวลานายอภิสิทธิ์ มาชี้แจงในรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ อ้างมาตลอดว่า ขอเวลาในการที่จะรวบรวมเอกสารและข้อมูล ซึ่งทางคณะกรรมการได้ให้เวลานายอภิสิทธิ์ ชี้แจงมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่ได้ยื่นเอกสารชี้แจงแต่อย่างใด ทางคณะกรรมการจึงได้สรุปผลให้กับรมว.กลาโหม" แหล่งข่าวจาก กระทรวงกลาโหม กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหม เผยอีกว่า หลังจากนี้จะเป็นกระบวนการขั้นตอนลงโทษทางวินัยนายอภิสิทธิ์ ซึ่งมีโทษทางวินัย ตั้งแต่ ภาคทัณฑ์ ทัณฑกรรม กัก ขัง และ จำขัง รวมถึงการให้ออกจากราชการ และไล่ออก ซึ่งขณะนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังคงครองยศร้อยตรีอยู่ เพียงแต่ นายอภิสิทธิ์ เลือกจะไม่ใช้ยศร้อยตรีนำหน้าชื่อ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ หมดสิทธิ์ที่จะนำข้อมูล หรือเอกสารมาชี้แจงกับทางกระทรวงกลาโหมแล้ว เนื่องจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการพิจารณาในส่วนของกระทรวงกลาโหมแล้ว ส่วนต่อไปนายอภิสิทธิ์ จะยื่นฟ้องศาลหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวของนายอภิสิทธิ์เอง ส่วนนายทหารที่เอื้อประโยชน์ให้นายอภิสิทธิ์ ที่ทำเอกสารเท็จขึ้นมานั้น เป็นเรื่องที่ทางกระทรวงกลาโหม กำลังพิจารณาต่อไป ว่าจะเอาผิดได้หรือไม่ อย่างไร เนื่องจากบางคนก็เกษียณอายุราชไปแล้ว และบางคนก็ได้ลาออกไป เพราะเรื่องนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว
**"มาร์ค"ไล่ไปถอดยศ"แม้ว"
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะสร้างกระแส นำเอาเรื่องถอดยศตนมาเป็นประเด็นการเมือง ในช่วงที่กำลังจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ส่วนกรณีที่ทางกระทรวงกลาโหม อ้างว่าให้โอกาสตนไปชี้แจงแล้ว แต่ไม่ยอมไปว่า ตนได้รับจดหมายเชิญ และได้สอบถามบางประเด็นกลับไป รวมถึงยืนยันว่า ยินดีให้ความร่วมมือไปชี้แจง เพราะการอ้างอิงในการสอบเรื่องนี้ ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ตนตรวจสอบ อีกทั้งยังไม่ตรงกับคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.อ.สุกำพล ด้วย จากนั้นก็มีจดหมายมาถึงตนอีกฉบับหนึ่ง ให้ไปชี้แจงในวันที่ 6 พ.ย. แต่ตนมีภารกิจที่ฮ่องกง และยังทำหนังสือยืนยันไปยังกระทรวงกลาโหมอีกครั้ง เพื่อขอทราบประเด็นที่ชัดเจน ว่าจะให้ไปชี้แจงในเรื่องใด แต่กลับมีการให้ข่าวว่า ตนไม่ยอมไปชี้แจง
"เป็นเรื่องแปลกมาก ข้อกล่าวหาก็ไม่ได้บอกชัดว่าเป็นการใช้หลักฐานเท็จ แต่บอกว่ามีคนร้องเรียน เกี่ยวกับเรื่องการสมัครเข้ารับราชการไม่ถูกต้อง ผมมั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองอย่างแน่นอน และจะรักษาสิทธิโต้แย้งในเรื่องนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง"
นายอภิสิทธิ์ อธิบายว่า 1. ตนเข้ารับราชการทหาร ต้องฝึกทหาร ตนไม่ได้หลีกเลี่ยงการทำหน้าที่ตรงนี้ 2. ข้อกล่าวหาที่มีในระยะหลัง เป็นเรื่องที่อ้างว่าเอกสารไม่ถูกต้อง ไม่เข้าเกณฑ์ ทั้งที่เคยมีการสรุปเรื่องนี้ในทางตรงกันข้ามไปแล้ว ทั้งภายในของกลาโหม รัฐบาล และ ป.ป.ช. จึงแปลกใจที่ อยู่ดีๆ จะมาสรุปอย่างนี้ ที่อ้างว่ามีการรับตนเข้าไปไม่ถูกต้อง ก็เป็นเรื่องแปลก เพราะไม่มีการไปดำเนินการอะไรเลยกับคนที่รับตน ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจ และเอกสารทั้งหมด ก็ออกให้โดยราชการทั้งสิ้น
ส่วนกรณีที่รัฐบาลไม่มีการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก 2 ปี และถูกยึดทรัพย์นั้นต้องติดตามว่า เป็นเรื่องสองมาตรฐานหรือไม่ เพราะกรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ตามระเบียบชัดเจนว่า ต้องถอดยศ ซึ่งในรัฐบาลของตนก็มีการพิจารณา แต่มีการโต้แย้งจากหลายฝ่าย จึงมีการส่งเรื่องให้กฤษฎีกาให้ความเห็น ได้ความเห็นมาว่า ถอดยศได้เลย แต่กลับมีการเสนอให้ชะลอไว้ก่อน โดยอ้างว่าจะมีผลกระทบทางการเมือง
** "ศิริโชค"อัดกลาโหมมีพิรุธ
นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนได้รับมอบหมายจาก นายอภิสิทธิ์ ให้ชี้แจง กรณีที่กระทรวงกลาโหม เตรียมถอดยศทหารของนายอภิสิทธิ์ ว่า เรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ได้ยืนว่า พร้อมที่จะให้ความมร่วมมือกับคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการการบรรจุเข้ารับราชการการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และการแต่งตั้งยศร้อยตรี ของนายอภิสิทธิ์ มาโดยตลอด ซึ่งเมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.สวัสดิ์ ทัศนา ผู้ช่วยเจ้ากรมเสมียนตรา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฯ ได้ทำหนังสือมาถึง นายอภิสิทธิ์ เพื่อให้เดินทางเข้าให้ปากคำ หรือส่งเอกสารหลักฐานต่อคณะกรรมการฯในวันที่ 30 ต.ค. จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้ทำหนังสือตอบกลับในวันที่ 26 ต.ค. ว่าเคยมีการสอบสวนแล้วหลายครั้ง อีกทั้งคณะกรรมการป.ป.ช. ได้มีคำสั่งยุติเรื่องนี้ไปนานแล้ว จึงขอทราบรายละเอียดการสอบสวนว่า เหตุใด จึงตั้งคณะกรรรมการสอบสวนเรื่องนี้อีก และคณะกรรมการฯต้องการสอบสวนหรือรับทราบข้อเท็จจริงประเด็นใดบ้างเพื่อจะได้เตรียมข้อเท็จจริงไปให้
นายศิริโชค กล่าวอีกว่า จากนั้นวันที่ 30 ต.ค. พล.ต.สวัสดิ์ ได้ทำหนังสือตอบกลับถึงประเด็นการสอบสวน ว่า โดยระบุว่าสำนักงานผู้การแผ่นดิน ได้ขอให้กระทรวงกลาโหมชี้แจงข้อเท็จจริง และตรวจสอบเอกสารต่างๆ แล้วรายงานผลให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรับทราบต่อไป ซึ่งกรณีนี้เคยแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมการฯจึงเห็นว่า มีข้อมูลเอกสารดังกล่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงอยู่แล้ว และนัดให้ไปให้การพร้อมยื่นเอกสารในวันที่ 6 พ.ย. แต่นายอภิสิทธิ์ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ว่า ตนต้องการให้คณะกรรมการจัดส่งเอกสารประกอบการสอบสวนเพื่อให้ได้รับทราบก่อนไปให้ปากคำและเพื่อให้มีโอกาสหาพยานหลักฐานไปแสดง ซึ่งในวันที่ 6 พ.ย. ตามที่คณะกรรมการนัดหมายตนติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศและขอเลื่อนไปให้การ
นายศิริโชค กล่าวต่อว่า ตนได้ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมมีความรีบร้อนอย่างผิดปกติที่จะถอดยศให้เสร็จทันก่อนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จึงมองว่าเป็นการดิสเครดิตการทำงานของฝ่ายค้าน และการทำหน้าที่ของคณะกรรมการมีฝ่ายการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ พร้อมให้ความร่วมมือในการไปชี้แจงและส่งเอกสาร แต่ดูเหมือนว่าคณะกรรมการตั้งธงไว้แล้วไม่ยอมเปิดโอกาสให้ไปชี้แจง อย่างไรก็ตามหลังจากนี้นายอภิสิทธิ์ จะมอบหมายให้ตัวแทนไปยื่นหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรม ต่อรมว.กลาโหม
ทั้งนี้ขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการตั้งธงเรื่องนี้อย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวหา เรามีข้อมูลหลักฐานถึงความไม่ชอบมาพากล และพบว่า ผิดจริง เมื่อผิดจริงต้องทำตามขั้นตอน ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ จะส่งหนังสือ เพื่อขอความเป็นธรรมนั้น ถ้าอยากส่งก็ส่งมา ตนพร้อมให้ความเป็นธรรมเสมอ
"ก่อนหน้านี้เราให้เวลาเขาไปแล้ว และมีการทำหนังสือตอบโต้กันไปมา แต่ไม่เห็นมีการส่งหลักฐานมาเพิ่มเติม" รมว.กลาโหม กล่าว
เมื่อถามว่า การถอดยศ นายอภิสิทธิ์ จะทำให้ฝ่ายค้านยื่นถอดถอนท่านออกจากตำแหน่ง หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ไม่ทราบว่าฝ่ายค้านคิดอย่างไร เพราะตนไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างทำตามขั้นตอน และมีการตั้งคณะกรรมการฯ อย่างถูกต้อง มีหลักฐานทุกอย่าง ถ้าเขาทำตนได้ ตนก็ทำเขาได้เช่นกัน หากในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสภา ฝ่ายค้านหยิบประเด็นการทำหน้าที่ถอดยศมาพูด ตนก็พร้อมจะชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา และจะแจกแจงให้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ ทำผิดขั้นตอนอย่างไรให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับทราบว่า ตนไม่ได้กลั่นแกล้ง และไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ เราทำเอง แต่มีคนไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วก็มีส่งมาที่ตน ส่วนที่ฝ่ายค้านได้ยื่นถอดถอนในประเด็นการทุจริต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็น รมว.คมนาคม นั้น ตนยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องไหนและอย่างไร ซึ่งเร็วเกินไป ขณะนี้ยังไม่ได้เตรียมข้อมูล แต่คิดว่าไม่มีปัญหา มั่นใจว่า ตอนดำรงตำแหน่งเป็นรมว.คมนาคม ไม่ได้ทำอะไรผิด และก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.มล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการถอดยศ และ เรียกเบี้ยหวัดคืนจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งผลการพิจารณาให้กับ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ลงนามเซ็นต์คำสั่งรับทราบผลการพิจารณา ของคณะกรรมการชุดดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางคณะกรรมการได้มีข้อเสนอใน 3 เรื่องหลัก คือ 1.การลงโทษกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จในการขึ้นทะเบียนเป็นทหาร 2. การบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ไม่ถูกต้อง และ 3.เรื่องการแต่งตั้งยศที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ หลังจาก รมว.กลาโหมลงนามรับทราบเสร็จ จะส่งเรื่องกลับไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อยกเลิกเพิกถอนคำสั่งการบรรจุเป็นนายทหาร ยศร้อยตรี จากนั้นจะส่งเรื่องไปยังกรมเสมียนตรา เพื่อพิจารณาทำเรื่องไปยังสำนักราชเลขา ขอพระราชทานพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้มีการถอดยศของ นายอภิสิทธิ์ ต่อไป ซึ่งขั้นตอนในการถอดยศ ยังต้องใช้เวลาอีกนานในการดำเนินการ
" การถอดยศไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะที่ผ่านมาเคยมีการถอดยศมาโดยตลอด ทั้งนี้ยืนยันว่า คณะกรรมการตรวจสอบอย่างเป็นธรรม ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง ตรวจสอบตามข้อเท็จจริง โดยมีคณะกรรมการทั้งหมด 9 คน ล้วนแต่เป็นหัวหน้าส่วนราชการทั้งนั้นไม่ใช่เรื่องคนที่เป็นพวกเดียวกันขึ้นมาเป็นคณะกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการทั้ง 9 คน มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า เอกสารดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์ เป็นเอกสารเท็จ ทั้งนี้แม้ว่าในเรื่องของคดีอาญาจะหมดอายุความไปแล้ว แต่ในเรื่องของวินัยทหารไม่มีอายุความ สามารถที่จะลงโทษนายอภิสิทธิ์ ด้านวินัยทหารได้ เพราะถือว่านายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จในการยื่นเรื่องขึ้นทะเบียนเป็นทหาร โดยมีความผิดตั้งแต่แรก ทั้งนี้คาดว่าภายในวันจันทร์ที่ 12 พ.ย.นี้ จะรู้ผลว่าจะมีการลงโทษ นายอภิสิทธิ์ อย่างไร และที่ผ่านมาทางคณะกรรมการได้ให้เวลานายอภิสิทธิ์ มาชี้แจงในรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ อ้างมาตลอดว่า ขอเวลาในการที่จะรวบรวมเอกสารและข้อมูล ซึ่งทางคณะกรรมการได้ให้เวลานายอภิสิทธิ์ ชี้แจงมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่ได้ยื่นเอกสารชี้แจงแต่อย่างใด ทางคณะกรรมการจึงได้สรุปผลให้กับรมว.กลาโหม" แหล่งข่าวจาก กระทรวงกลาโหม กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหม เผยอีกว่า หลังจากนี้จะเป็นกระบวนการขั้นตอนลงโทษทางวินัยนายอภิสิทธิ์ ซึ่งมีโทษทางวินัย ตั้งแต่ ภาคทัณฑ์ ทัณฑกรรม กัก ขัง และ จำขัง รวมถึงการให้ออกจากราชการ และไล่ออก ซึ่งขณะนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังคงครองยศร้อยตรีอยู่ เพียงแต่ นายอภิสิทธิ์ เลือกจะไม่ใช้ยศร้อยตรีนำหน้าชื่อ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ หมดสิทธิ์ที่จะนำข้อมูล หรือเอกสารมาชี้แจงกับทางกระทรวงกลาโหมแล้ว เนื่องจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการพิจารณาในส่วนของกระทรวงกลาโหมแล้ว ส่วนต่อไปนายอภิสิทธิ์ จะยื่นฟ้องศาลหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวของนายอภิสิทธิ์เอง ส่วนนายทหารที่เอื้อประโยชน์ให้นายอภิสิทธิ์ ที่ทำเอกสารเท็จขึ้นมานั้น เป็นเรื่องที่ทางกระทรวงกลาโหม กำลังพิจารณาต่อไป ว่าจะเอาผิดได้หรือไม่ อย่างไร เนื่องจากบางคนก็เกษียณอายุราชไปแล้ว และบางคนก็ได้ลาออกไป เพราะเรื่องนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว
**"มาร์ค"ไล่ไปถอดยศ"แม้ว"
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะสร้างกระแส นำเอาเรื่องถอดยศตนมาเป็นประเด็นการเมือง ในช่วงที่กำลังจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ส่วนกรณีที่ทางกระทรวงกลาโหม อ้างว่าให้โอกาสตนไปชี้แจงแล้ว แต่ไม่ยอมไปว่า ตนได้รับจดหมายเชิญ และได้สอบถามบางประเด็นกลับไป รวมถึงยืนยันว่า ยินดีให้ความร่วมมือไปชี้แจง เพราะการอ้างอิงในการสอบเรื่องนี้ ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ตนตรวจสอบ อีกทั้งยังไม่ตรงกับคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.อ.สุกำพล ด้วย จากนั้นก็มีจดหมายมาถึงตนอีกฉบับหนึ่ง ให้ไปชี้แจงในวันที่ 6 พ.ย. แต่ตนมีภารกิจที่ฮ่องกง และยังทำหนังสือยืนยันไปยังกระทรวงกลาโหมอีกครั้ง เพื่อขอทราบประเด็นที่ชัดเจน ว่าจะให้ไปชี้แจงในเรื่องใด แต่กลับมีการให้ข่าวว่า ตนไม่ยอมไปชี้แจง
"เป็นเรื่องแปลกมาก ข้อกล่าวหาก็ไม่ได้บอกชัดว่าเป็นการใช้หลักฐานเท็จ แต่บอกว่ามีคนร้องเรียน เกี่ยวกับเรื่องการสมัครเข้ารับราชการไม่ถูกต้อง ผมมั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองอย่างแน่นอน และจะรักษาสิทธิโต้แย้งในเรื่องนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง"
นายอภิสิทธิ์ อธิบายว่า 1. ตนเข้ารับราชการทหาร ต้องฝึกทหาร ตนไม่ได้หลีกเลี่ยงการทำหน้าที่ตรงนี้ 2. ข้อกล่าวหาที่มีในระยะหลัง เป็นเรื่องที่อ้างว่าเอกสารไม่ถูกต้อง ไม่เข้าเกณฑ์ ทั้งที่เคยมีการสรุปเรื่องนี้ในทางตรงกันข้ามไปแล้ว ทั้งภายในของกลาโหม รัฐบาล และ ป.ป.ช. จึงแปลกใจที่ อยู่ดีๆ จะมาสรุปอย่างนี้ ที่อ้างว่ามีการรับตนเข้าไปไม่ถูกต้อง ก็เป็นเรื่องแปลก เพราะไม่มีการไปดำเนินการอะไรเลยกับคนที่รับตน ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจ และเอกสารทั้งหมด ก็ออกให้โดยราชการทั้งสิ้น
ส่วนกรณีที่รัฐบาลไม่มีการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก 2 ปี และถูกยึดทรัพย์นั้นต้องติดตามว่า เป็นเรื่องสองมาตรฐานหรือไม่ เพราะกรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ตามระเบียบชัดเจนว่า ต้องถอดยศ ซึ่งในรัฐบาลของตนก็มีการพิจารณา แต่มีการโต้แย้งจากหลายฝ่าย จึงมีการส่งเรื่องให้กฤษฎีกาให้ความเห็น ได้ความเห็นมาว่า ถอดยศได้เลย แต่กลับมีการเสนอให้ชะลอไว้ก่อน โดยอ้างว่าจะมีผลกระทบทางการเมือง
** "ศิริโชค"อัดกลาโหมมีพิรุธ
นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนได้รับมอบหมายจาก นายอภิสิทธิ์ ให้ชี้แจง กรณีที่กระทรวงกลาโหม เตรียมถอดยศทหารของนายอภิสิทธิ์ ว่า เรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ได้ยืนว่า พร้อมที่จะให้ความมร่วมมือกับคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการการบรรจุเข้ารับราชการการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และการแต่งตั้งยศร้อยตรี ของนายอภิสิทธิ์ มาโดยตลอด ซึ่งเมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.สวัสดิ์ ทัศนา ผู้ช่วยเจ้ากรมเสมียนตรา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฯ ได้ทำหนังสือมาถึง นายอภิสิทธิ์ เพื่อให้เดินทางเข้าให้ปากคำ หรือส่งเอกสารหลักฐานต่อคณะกรรมการฯในวันที่ 30 ต.ค. จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้ทำหนังสือตอบกลับในวันที่ 26 ต.ค. ว่าเคยมีการสอบสวนแล้วหลายครั้ง อีกทั้งคณะกรรมการป.ป.ช. ได้มีคำสั่งยุติเรื่องนี้ไปนานแล้ว จึงขอทราบรายละเอียดการสอบสวนว่า เหตุใด จึงตั้งคณะกรรรมการสอบสวนเรื่องนี้อีก และคณะกรรมการฯต้องการสอบสวนหรือรับทราบข้อเท็จจริงประเด็นใดบ้างเพื่อจะได้เตรียมข้อเท็จจริงไปให้
นายศิริโชค กล่าวอีกว่า จากนั้นวันที่ 30 ต.ค. พล.ต.สวัสดิ์ ได้ทำหนังสือตอบกลับถึงประเด็นการสอบสวน ว่า โดยระบุว่าสำนักงานผู้การแผ่นดิน ได้ขอให้กระทรวงกลาโหมชี้แจงข้อเท็จจริง และตรวจสอบเอกสารต่างๆ แล้วรายงานผลให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรับทราบต่อไป ซึ่งกรณีนี้เคยแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมการฯจึงเห็นว่า มีข้อมูลเอกสารดังกล่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงอยู่แล้ว และนัดให้ไปให้การพร้อมยื่นเอกสารในวันที่ 6 พ.ย. แต่นายอภิสิทธิ์ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ว่า ตนต้องการให้คณะกรรมการจัดส่งเอกสารประกอบการสอบสวนเพื่อให้ได้รับทราบก่อนไปให้ปากคำและเพื่อให้มีโอกาสหาพยานหลักฐานไปแสดง ซึ่งในวันที่ 6 พ.ย. ตามที่คณะกรรมการนัดหมายตนติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศและขอเลื่อนไปให้การ
นายศิริโชค กล่าวต่อว่า ตนได้ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมมีความรีบร้อนอย่างผิดปกติที่จะถอดยศให้เสร็จทันก่อนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จึงมองว่าเป็นการดิสเครดิตการทำงานของฝ่ายค้าน และการทำหน้าที่ของคณะกรรมการมีฝ่ายการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ พร้อมให้ความร่วมมือในการไปชี้แจงและส่งเอกสาร แต่ดูเหมือนว่าคณะกรรมการตั้งธงไว้แล้วไม่ยอมเปิดโอกาสให้ไปชี้แจง อย่างไรก็ตามหลังจากนี้นายอภิสิทธิ์ จะมอบหมายให้ตัวแทนไปยื่นหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรม ต่อรมว.กลาโหม